“คนตายไปแล้ว แรงกรรมจะหายหรือไม่จะมีความหมายอะไร?” ฟางเจิ้งถามด้วยความไม่เข้าใจ
“หลังจากเข้าใจและยอมรับกรรมด้วยตัวเอง จะขจัดแรงกรรมได้ อย่างน้อยชาติหน้าจะไม่รับผลกรรมต่อ ลงนรกไม่ต้องทรมานอย่างเจ็บปวดมากเกินไป แต่คนที่ไม่สำนึกเสียใจจะต้องรับการลงทัณฑ์จากกรรม ชะล้างไม่ได้ ความยากในขจัดแรงกรรมของพวกเขาคือสิบเท่าของคนที่ปรับปรุงตัวเองแล้ว มีชีวิตลำบาก ตายอนาถยิ่งกว่า ดังนั้นการขจัดแรงกรรม นอกจากบุญกุศลที่สั่งสมมาจะหายไปแล้ว ยังต้องรับความทุกข์จากกรรมอีก” ระบบตอบ
ฟางเจิ้งพยักหน้า ก่อนถามด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะปรับปรุงตัวหรือไม่ ขอแค่รับความเจ็บปวดจากแรงกรรมสิบเท่าก็จะขจัดแรงกรรมได้ใช่รึเปล่า?”
“ใจไม่เปลี่ยนก็จะทำชั่วอยู่เสมอ แรงกรรมจะเกิดขึ้นตลอด แล้วจะขจัดหมดได้ยังไง? บางทีอาจมีแค่ความตายถึงจะเป็นช่วงคิดบัญชี นรกสิบแปดชั้นคือที่สำหรับคนแบบนี้” ระบบกล่าว
ฟังดังนั้นในที่สุดฟางเจิ้งก็เข้าใจว่าทำพุทธศาสนาถึงมีวิทยาราช[1] พุทธศาสนาไม่ใช่คนแก่ใจดีอย่างเดียว แต่ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ! เรื่องพวกนี้ก่อนหน้านี้ฟางเจิ้งไม่เข้าใจมาตลอด จนตอนนี้เข้าใจแล้ว
ขณะเดียวกันใต้ภูเขาเอกดรรชนี
“พี่หลง ที่นี่เขาเอกดรรชนีเหรอ? สูงจัง…” คนร่างกำยำคนหนึ่งแหงนหน้ามองเส้นทางบนภูเขาพลางพูดอย่างขมขื่น ขณะเดียวกันยังลูบท้องใหญ่ เขาอยากร้องไห้!
“สูงก็ต้องขึ้น มีดคลอดมาแล้ว ไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรแล้ว จะปล่อยให้จบไปแบบนี้เหรอ? ไป ขึ้นไป!” เหมียวหลงกล่าวจบก็เดินนำขึ้นไป
“พี่หลง ถ้าเจอหลวงจีนนั่นแล้วพวกเราจะทำยังไงดี? คุกเข่าสารภาพบาป?” มีคนถาม
เหมียวหลงตอบกลับด้วยหน้าทะมึนทึบอย่างยิ่ง “สารภาพบาปพ่อเอ็งสิ! ไอ้ห่านั่นให้พวกเราท้องมีด ฉันก็จะให้มันกินมีด!”
“พี่หลง หลวงจีนนั่นช่วยร้ายมากเลยนะ เอาชนะเขาไม่ได้หรอก” คนหัวทองคนหนึ่งพูดด้วยความกังวล
“สู้ไม่ได้ก็ใช้สมองสิวะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามีดแทงมันไม่ตาย ไฟจะเผามันไม่ตาย!” เหมียวหลงเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม
“พะ…พี่หลง ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกมั้ง” พอได้ยินว่าจะฆ่าคน คนหัวทองสี่คนตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม คำพูดยังสั่นตาม
“มันทำให้เราขายหน้า ฉันจะฆ่ามัน!” เหมียวหลงพูดถึงตรงนี้ก็กวาดสายตามองสี่คนที่เหลือแวบหนึ่ง “วางใจ ถ้าเกิดเรื่องจริงๆ ฉันจัดการเอง” ส่วนในใจคิดอย่างไรนั้นมีเพียงเหมียวหลงที่รู้
สี่คนมองหน้ากัน ไม่ได้ตอบอะไร
ห้าคนเดินขึ้นเขาเอกดรรชนี เห็นวัดแห่งหนึ่งจริงๆ เมื่อสบตากันทีหนึ่งแล้วก็รีบเดินไปอย่างเร็วรี่
ยามนี้ดวงตะวันลาลับภูเขาทางตะวันตก ฟ้ามืดได้ตลอดเวลา
ฟางเจิ้งเพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จ กำลังอ่านข่าวในอินเทอร์เน็ต ค้าหาเรื่องต้นกกข้ามฟากโดยเฉพาะ เป็นอย่างที่จิ่งเหยียนว่าไว้จริงๆ แม้จะมีคนกดคลิกไม่น้อย แต่ไม่มีใครคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะมีคนไปยืนยันว่าวิดีโอนี่ถ่ายจริงๆ กี่คนก็ตาม จะถูกน้ำลายกลบจนมิดในทันใด
“ต้นกกข้ามฟาก? ทหารน้ำ*[2]*ของหลวงจีนนี่คิดว่าคนบนโลกนี่โง่จริงๆ รึไงวะ! ทำไมพวกแกไม่เดินแล้วมีดอกบัวงอกมาใต้เท้าเลยล่ะ?”
“จะสร้างกระแสก็ให้มีขีดจำกัดหน่อย อย่างน้อยก็ให้มันมีเหตุผลบ้าง? เว็บไซต์สมัยนี้ดูแลกันยังไงเนี่ย ลงวิดีโอแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”
“ไต้ซือนี่คงอดใจไม่ไหว ข้ามแม่น้ำไปหาสาวล่ะมั้ง?”
“เทคนิคนี้เจ๋งหวะ จากนี้คงจะเบิกเนตรให้โสเภณี จะทำอะไรก็ผ่าเผยไปหมด”
“ไอ้เมนต์ข้างบนนี่อย่าโง่ มีเทคนิคล่อลวงแบบนี้จะไปตีหม้อทำไม?”
“ฉันอยากบอกว่าหลวงจีนนี่หล่อมากนะ ฉันอยากมีลูกกับเขา!”
“ไอ้เมนต์ข้างบน ดูเพศแกด้วย!”
“เมนต์ข้างบนไม่ยอมรึไง? ฉันเป็นผู้ชาย แต่ก็มีจิตใจของเด็กสาวบริสุทธิ์ ไม่ยอม? เราไปด้วยกันไหม?”
“¥……&a”
แม้จะถูกด่า แต่ฟางเจิ้งกลับอ่านด้วยสีหน้าออกรส ไม่โกรธแม้แต่น้อย ถึงขนาดตอนท้ายยังคอมเมนต์ไปว่า “ทุกคนพูดถูก”
ผลคือมีคนมากดไลค์สองครั้ง ฟางเจิ้งยิ้ม ไม่คิดเลยว่าจะได้ไลค์เป็นครั้งแรก แถมกดไลค์ที่ตัวเองถูกด่าอีก ความรู้สึกนี้มันฟินจริงๆ
ฟางเจิ้งค้นหาคำว่าลิ้นบัวเบ่งบาน แต่ที่เขาคาดไม่ถึงคือมีแค่วิทยาศาสตร์ ไม่มีข่าวเกี่ยวข้องเลย ค้นหาคำว่าพิธีสวดมนต์เพื่อสิริมงคลต้อนรับใบไม้ผลิวัดเมฆาขาว ก็มีเนื้อหาเกี่ยวข้องขึ้นมามากมาย ถึงขั้นเจอรูปตัวเองในภาพถ่าย ถึงจะอยู่ในมุม แต่เขาก็ลำพองใจ ดีเลวยังไงก็ได้เป็นข่าวอย่างเป็นทางการ ที่สำคัญคือไม่มีใครด่า!
ฟางเจิ้งค้นหาอีกครู่หนึ่ง ไม่มีข่าวเรื่องลิ้นบัวเบ่งบานในอินเทอร์เน็ตจริงๆ
ฟางเจิ้งตกใจเล็กน้อย หรือว่าลิ้นบัวเบ่งบานจะไม่น่าตกใจเท่าต้นกกข้ามฟาก? ไม่น่ามั้ง…
ฟางเจิ้งค้นหาเรื่องผู้ชายตั้งครรภ์ ก็เด้งออกมาหลายข่าว ในนั้นมีข่าวเก่าที่ผู้ชายตั้งครรภ์เป็นกระเบื้อง ทว่าไม่มีใครสนใจแล้ว มีคนกดคลิกไม่กี่คน ฟางเจิ้งหัวเราะก่อนค้นหาข่าวเรื่องตั้งครรภ์มีด ผลคือพบการสนทนาที่เกี่ยวเนื่องจากในวีแชตหลายข้อ แต่ส่วนใหญ่คอมเมนต์ว่าไม่เชื่อ ทว่าเจ้าของโพสต์ในเวยป๋อกลับยืนยันว่ามีเรื่องนี้จริงๆ ทั้งยังแนบที่อยู่บอกว่าใครไม่เชื่อให้ไปหาหลักฐานได้
ฟางเจิ้งถูจมูก เกรงว่าเรื่องนี้น่าจะใหญ่แล้ว ทว่าเขาก็ไม่กังวล เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ยอมรับ ไม่มีคนยืนยันเป็นพยานกับตาจำนวนมากใครจะเชื่อ! มีวิดีโอยังไม่มีใครเชื่อเลย! ต่อให้ทุบคนหัวทองพวกนั้นจนตายก็ไม่ยอมรับหรอก แน่นอนถ้าพวกเขาอยากจะแตกหักกันไปทั้งสองฝ่าย ฟางเจิ้งก็ไม่กลัว เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขา? แค่คำพูดพวกคนหัวทอง?
ช่วงที่ฟางเจิ้งกำลังอ่านอย่างออกรสอยู่นั้น พลันมีเสียงตะโกนดังแว่วมาจากข้างนอก ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะ “มาเร็วมาก เหอะๆ”
ว่าจบฟางเจิ้งก็เก็บมือถือไป เดินออกจากหลังลานมาที่หน้าวัด เห็นชายท้องโตห้าคนกำลังพิงอยู่ข้างต้นโพธิ์พอดี
ทันทีที่เห็นหน้า เหมียวหลงขมวดคิ้ว ตะคอกด้วยความโกรธ “ไอ้ลาหัวล้าน เป็นฝีมือแกใช่ไหม?!”
ฟางเจิ้งมองมีดในมือเหมียวหลงพลางยิ้มน้อยๆ “โยมคลอดเร็วมากเลยนะ แบบธรรมชาติหรือว่าผ่าท้องล่ะ?”
“ผ่าท้องพ่อเอ็งสิ ฉันจะฆ่าแก!” เหมียวหลงตะคอกด้วยความโมโห ถือมีดปรี่เข้ามา
ฟางเจิ้งไม่กลัวเลย เขายืนกล่าวเรียบๆ “ดูท่าโยมคลอดมีดมาแล้วยังไม่พอใจนะ ไม่อย่างนั้นคลอดอีกสักเล่มไหม? หรือจะเอาแฝด?”
เฮือก…
เหมียวหลงตกใจจนตะลึงงันอยู่กับที่ ความเจ็บปวดก่อนหน้าเพิ่งผ่านไปไม่นาน จะมาอีกเล่มแล้ว? แถมยังมีแฝดอีก? ใครมันจะทนไหววะ! ถ้าถูกหามไปโรงพยาบาลอีกรอบ คงไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรแล้ว!
“กะ…แกมันหลวงจีนปีศาจ ฉันจะบอกให้นะ ฉันเหมียวหลงไม่ได้กลัวโว้ย! วันนี้ถ้าแกไม่อธิบายมา แกจะต้องเสียใจแน่!” เหมียวหลงยืดคอตรงกล่าว พลางโบกมือ “พวกแกมองอะไรอยู่ได้? ไปสิ!”
ต้าขุย เอ้อขุย ฉีเฟย หลูจวินสี่คนมองหน้ากันก่อนตะโกนเสียงดัง ควงมีดปรี่เข้าไป
“ดูท่าพวกโยมจะยังชอบมีด เล่มเดียวคงไม่พอ ถ้าอย่างนั้นแฝดสามเลยแล้วกัน” ฟางเจิ้งกล่าวจบก็ประทานบุตร!
“โอ๊ย!”
เหมียวหลง ต้าขุย เอ้อขุย ฉีเฟย หลูจวินร้องด้วยความตกใจพร้อมกัน กลิ้งไปกับพื้นมือกุมท้องร้องเสียงดัง เจ็บจนแทงใจ เจ็บจนเข้ากระดูก เจ็บจนหัวใจฉีกปอดแตก ที่สำคัญคือเจ็บจนชิน! ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็รู้ ท้องอีกครั้งแน่นอน! อีกอย่างไม่ใช่เล่มเดียวด้วย!
“เจ็บๆๆ…” ต้าขุยกุมท้องกลิ้งไปมา
“โอย ไต้ซือไว้ชีวิตด้วย พวกเราสำนึกผิดแล้ว” เอ้อขุยร้องตาม
เหมียวหลงทนไม่ไหวเหมือนกัน ร้องโอดครวญ “ไต้ซือ ไต้ซือ…ผมสำนึกผิดแล้ว หยุดเถอะ หยุดเถอะ…” ความกล้าที่เหมียวหลงมีตอนเผชิญหน้ากับฟางเจิ้งมาจากความที่เชื่อเรื่องสิ่งชั่วร้าย ไม่เชื่อว่าฟางเจิ้งมีความสามารถทำให้เขาตั้งครรภ์จริงๆ แต่หนึ่งครั้งเป็นเรื่องบังเอิญ สองครั้งคือความสามารถจริงๆ จะหาเรื่องคนแบบนี้ไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็หาเรื่องต่อหน้าไม่ได้! ได้แต่ยอมจำนน
ฟางเจิ้งมองห้าคนร่ำไห้ แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะประคองพวกเขาขึ้นมา อย่างที่ระบบว่าไว้ ในตัวเขามีบุญกุศลและมีเนตรสวรรค์ มองเห็นละเอียดกว่าคนธรรมดามาก โดยเฉพาะกลิ่นอายบาปกรรมแรงกรรมพวกนี้ มองปราดเดียวก็รู้แล้ว
แม้ห้าคนนี้จะร้องไห้ด้วยความเสียใจ แต่กลิ่นอายบาปกรรมและแรงกรรมในกมลสันดานไม่ลดน้อยลงเลย กระทั่งยังเพิ่มขึ้น! คนแบบนี้ถ้าบอกว่าสำนึกผิดแล้ว ตีให้ตายฟางเจิ้งก็ไม่เชื่อ! เห็นได้ชัดว่านี่คือคนสารเลวที่ให้ตายยังไงก็ไม่สำนึก!
คิดถึงตรงนี้ ฟางเจิ้งประนมสองมือ “อมิตาพุทธ พวกโยม ฟ้าจะมืดแล้ว อีกเดี๋ยววัดจะปิด ถ้าโยมจะจุดธูปไหว้พระก็ไปที่อุโบสถ ถ้าไม่มีอะไรก็รีบลงเขาก่อนฟ้าจะมืดเถอะ จะคลอดลูกก็ไปคลอดที่โรงพยาบาลตามปกติเถอะ หืม…ต้องเรียกว่าคลอดมีดสิ”
ห้าคนได้ยินดังนั้นพลันอึ้งไป นี่หมายความว่ายังไง? นี่ไม่ตรงตามละครที่พวกเขาวางไว้น่ะสิ! หลวงจีนนี่ควรจะสงสาร ให้อภัยคู่แค้น ให้อภัยพวกเขาไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมถึงไล่กันล่ะ!
เหมียวหลงกล่าว “ไต้ซือ พวกเราสำนึกผิดจริงๆ แล้ว ท่านเอามีดในท้องพวกเราออกเถอะ เอาออกไป พวกเราจะไปทันทีเลยตกลงไหม? ท่านให้ผู้ชายตัวใหญ่อย่างเราห้าคนคลอดลูกก็ยังดี แต่ให้คลอดมีดห้าเล่มมันไม่ไหวล่ะมั้ง?”
“ใช่ ไต้ซือ เห็นใจเถอะครับ พวกเราสำนึกผิดจริงๆ จากนี้จะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกแล้ว” คนหัวทองคนหนึ่งร้องโอดโอย
ฟางเจิ้งประนมสองมือ ยิ้มน้อยๆ “พวกโยมคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยมาใหม่ วัดจะปิดแล้ว ต้องรีบลงเขานะ ฟ้ามืดทางลื่น ทางภูเขามันอันตราย”
“ไต้ซือ ถ้าท่านไม่แก้มีดในท้องพวกเรา พวกเราจะไม่ไป!” เหมียวหลงนำร่องเริ่มใช้อุบาย!
สี่คนที่เหลือพูดตาม “ใช่! ถ้าท่านไม่แก้มีดในท้องให้พวกเรา พวกเราไม่ไป! จะอยู่ในวัดนี่แหละ!”
กล่าวจบ ห้าคนเงยหน้ามองฟางเจิ้ง เห็นหลวงจีนจีวรขาวพลันยิ้ม ยิ้มอ่อนโยนและเจิดจรัสมาก
‘หรือจะมีหวัง?’ พวกเขาใจสั่นไหว เกิดแสงแห่งความหวัง ทว่าต่อมา
“เฮ้ยๆๆ ไต้ซือปล่อยมือ ปล่อยมือ…โอ๊ย!”
ปึก! ปึก!
เสียงก้นกระแทกพื้นดังขึ้นสองครั้ง เป็นเหมียวหลงกับคนหัวทองร่างกำยำถูกฟางเจิ้งหิ้วออกไป ไม่ว่าสองคนนี้จะต่อต้านยังไงก็หลุดออกจากมือฟางเจิ้งไม่ได้ สุดท้ายถูกจับโยนลอยออกไป!
…………………………………………..
[1] วิทยาราชหรือธรรมบาล เป็นชื่อของเทพประเภทที่สามในศาสนาพุทธนิกายวัชรยาน รองจากพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ตามลำดับ
[2] ทหารน้ำ ในที่นี้หมายถึงคนที่รับจ้างโพสต์เนื้อหาสร้างกระแสกับเรื่องเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ