ตอนที่ 168 คลอดหนึ่งคืน

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

สามคนที่เหลือเห็นเหมียวหลงกับต้าขุยที่สูงที่สุดถูกฟางเจิ้งคว้าไว้ราบกับกระต่ายน้อยโยนออกไป ก็ตกใจจนหน้าซีดขาว

ฟางเจิ้งหันไปมอง ประนมสองมือสวดบทหนึ่ง “อมิตาพุทธ โยมทั้งสามต้องให้ช่วยไหม?”

“ไม่ต้องๆ พวกเราไปเองได้” สามคนไม่กล้าใช้อุบายอีก แต่รีบลุกขึ้น ล้มลุกคลุกคลานวิ่งออกไป

ปึง!

ประตูใหญ่ปิดลง!

พวกเหมียวหลงห้าคนเห็นดังนั้นจึงมองหน้ากัน ต่างเห็นถึงความโกรธและอายในแววตา ทว่าเหมียวหลงยังอดกลั้นความโมโหในใจไว้ได้ รอเอามีดออกมาได้ก่อนจะคิดบัญชีกับฟางเจิ้ง! กระทั่งคิดว่าจะจุดไฟเผาวัดดีไหม!

เหมียวหลงตะโกน “ไต้ซือ อย่าปิดประตู พวกเราขอโทษจริงๆ ยอมรับผิดแล้ว ไต้ซือมีเมตตา เห็นพวกเราจะตายแล้วจะไม่ช่วยเลยเหรอ!”

“อมิตาพุทธ พวกโยม จะมืดแล้วรีบลงเขาเถอะ” ฟางเจิ้งพูดจบก็ไม่สนใจคนพวกนี้นอกประตู แต่เดินกลับไปนอน คนพวกนี้ได้รับการสั่งสอนแบบนี้ก็ยังมีกลิ่นอายบาปกรรม แรงกรรมทั้งตัว เขาหาเหตุผลที่จะให้อภัยพวกเขาไม่ได้จริงๆ

โดยเฉพาะเรื่องที่พวกเขาทำนั่นคือการดึงเส้นตายคุณธรรมของสังคมให้ต่ำลง นี่ไม่ใช่ความถูกผิดต่อคนคนหนึ่ง แต่เป็นการทำลายทั้งสังคม! คนแบบนี้ ถ้าเดี๋ยวเดียวฟางเจิ้งให้อภัย ขนาดเขายังไม่ยอมตัวเองเลย

รออยู่นานในวัดก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว

ฟ้ามืดแล้ว ลมหนาวพัดมา อุณหภูมิต่ำลง คนหัวทองห้าคนนอกประตูหนาวสั่น

“พี่หลง เอาไงดี? รออย่างนี้เหรอ?” คนหนึ่งถาม

“รอ? รอทำห่าอะไร! เขาชัดเจนว่าไม่ยอมให้อภัยพวกเรา! ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่เกรงใจแล้ว! จุดไฟเผาวัด! ต้าขุย แกอุดปากประตูไว้ ไม่ว่ายังไงก็อย่าให้มันออกมา” เหมียวหลงกล่าว

ต้าขุยได้ยินดังนั้นจึงกัดฟัน “ได้!”

“พวกแกไปหาฟืนกับฉัน บนเขามีหญ้าแห้งเยอะ วางฟืนไว้รอบวัด ลมแรงขนาดนี้ ไฟจะส่งมันขึ้นสวรรค์” เหมียวหลงเอ่ยด้วยเสียงทะมึนทึบ

คนพวกนี้ขานรับ ก่อนเริ่มทำงาน ไม่นานก็สุมหญ้าแห้งไว้นอกวัดเอกดรรชนี ท้องห้าคนนี้ไม่เล็กแล้ว ทว่าของในท้องไม่ใช่เด็ก แม้จะมีการขยับตัวมากก็เจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ถึงชีวิต

ฟางเจิ้งไม่ได้ยินเสียงแกรกๆ ข้างนอก แต่หมาป่าเดียวดายที่นอนอยู่ในโพรงหมาป่าได้ยิน จึงวิ่งมาผลักประตูก็ผลักไม่ออก เลยมาเห่าที่ใต้ต้นโพธิ์สองที

กระรอกงัวเงียปีนออกมามองหมาป่าเดียวดาย ก่อนจะเขย่งเท้ามองไปนอกกำแพงจึงเห็นว่าสถานการณ์เหมือนจะไม่ถูกต้อง! มันเลยปีนขึ้นไปดูบนยอดไม้ เห็นหลายคนกำลังทำลับๆ ล่อๆ มองปราดเดียวเหมือนไม่ใช่คนดีเลยข้ามกำแพงไปดู จากนั้นก็วิ่งไปทางกุฏิอย่างรวดเร็ว

“ป้าบ!”

“โอ๊ย เจ้าตัวเล็กยังไม่นอกอีก มาก่อเรื่องอะไร?” ฟางเจิ้งเอารองเท้าออกจากหน้าก่อนเอ่ยด้วยความทุกข์

“จี๊ดๆๆ…” กระรอกยกกรงเล็บขึ้นวาดไปมา จากนั้นกระดกก้นขึ้นทำท่าวางของ

ฟางเจิ้งฟังจบถึงพูดด้วยความโมโห “ไอ้พวกไม่รู้สำนึก อยากเล่นเหรอ? ได้!”

ฟางเจิ้งสวมรองเท้าออกจากห้องจะพุ่งออกไป ทว่าพอมาถึงหน้าประตูพลันยิ้ม

คนหัวทองห้าคนนอกประตูยุ่งอยู่พักใหญ่ก็มารวมกันอีกครั้ง ทุกคนกุมเอวด้านหลัง เหนื่อยจนหอบหายใจแรง

“พี่หลง ตอนนี้เอาไง? เผาจริงๆ เหรอ?”

“พูดมาก หลีกไป ฉันจุดไฟเอง” เหมียวหลงว่าจบก็หยิบไฟแช็กขึ้นมาจ่อไปยังกองหญ้า เอ่ยอย่างเหี้ยมโหด “แกไม่ให้พวกเราอยู่ดี ฉันก็จะฆ่าแก! ตายซะไอ้ลาหัวล้าน!”

ทว่าไม่มีใครเห็นเลยว่าพริบตานั้น โลกเปลี่ยนไปอย่างเงียบเชียบ!

“โอ๊ย…ไอ้ห่ามาอีกแล้ว จะคลอดแล้ว คลอดแล้ว…” เหมียวหลงพลันนั่งลงกับพื้น ร้องโอดโอยเสียงดัง จากนั้นออกแรง พรวดๆ!

มีดสองเล่มพุ่งตามกันออกมา ก่อนจะนอนแผ่บนพื้นราวกับหลุดพ้น แน่นิ่งไป

ต้าขุย เอ้อขุย หลูจวิน ฉีเฟยล้มลงกับพื้นตาม ร้องโอยเสียงดัง

“ต้าขุย แกอย่ากัดมือฉัน เจ็บ!”

“เอ้อขุย ไอ้เวร อย่าบีบไข่ฉัน!”

“ฉีเฟย แกกัดเท้าฉันทำไม?”

“อ้วก…”

……

หลายนาทีต่อมาคนพวกนี้นอนแผ่กลางหิมะอย่างอนาถา มองมีดสองเล่มใต้สะโพกด้วยน้ำตานอง

ต้าขุยเอ่ยด้วยความขมขื่น “ในที่สุดก็จบสักที คลอดเสร็จแล้ว ไม่ต้องคลอดอีกใช่ไหม?”

“อาจจะ จุดไฟแล้วรีบลงเขาเถอะ” เหมียวหลงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง จะจุดไฟ แต่เพิ่งหยิบไฟแช็กก็กุมที่ท้องนั่งลงกับพื้น “ไอ้ห่ามาอีกแล้ว! ไม่จบไม่สิ้นสักที!”

“พวกเราอย่าเพิ่งไปดีกว่า วัดนี่ชั่วร้ายมากเลย” ต้าขุยเพิ่งเอ่ยจบพลันเจ็บท้อง แถมยังเป็นความรู้สึกเดิม รสชาติเดิม ความคุ้นเคยแบบนี้คือท้องอีกแล้ว!

พวกเอ้อขุยข้างๆ ร้องโอดครวญตาม แต่ละคนกลิ้งไปกับพื้น เจ็บอยู่ชั่วโมงหนึ่งถึงหยุด ท้องนูนขึ้น พวกเขาพบสิ่งที่น่าเศร้าคือพักได้เดี๋ยวเดียวก็จะคลอดอีกแล้ว!

“ช่วยด้วย!” ห้าคนร้องตะโกนจะเป็นจะตาย

พรวดๆๆ!

มีดสามเล่มคลอดออกมา ห้าคนเหมือนถูกช้อนออกมาจากในบ่อน้ำ ทั่วร่างเปียกชื้น ตรงหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ หน้าซีดขาว อย่าว่าแต่ยืนเลย แค่นั่งยังหมดแรง

“พี่หลง ไปเถอะ ผมไม่อยากคลอดอีกแล้ว” ต้าขุยว่า

“เราเสียเปรียบโดนมาขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่จุดไฟเผาหลวงจีนห่านั่น ฉันไม่ยอมหรอก” เหมียวหลงคลำหาไฟแช็กอีกครั้ง แต่วินาทีที่คลำเจอนั้น

“ไอ้ระยำ! มาอีกแล้ว!” เหมียวหลงกุมท้องกลิ้งไปบนพื้น ต้าขุยเอ่ย “ฉันรู้แล้ว ถ้าพวกเราทำเรื่องไม่ดีก็จะท้อง!”

“พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยนี่ พี่หลงทำต่างหาก” เอ้อขุยแย้ง

“แต่พวกเราเป็นคนหาฟืนมา” ต้าขุยว่า

สิ้นเสียง ต้าขุยรู้สึกว่าเริ่มเจ็บในท้องอีกครั้ง พูดไปอยากจะร้องไห้ไป “เอาอีกแล้ว ช่วยด้วย!”

……….

สิบกว่านาทีต่อมา ในที่สุดเหมียวหลงก็คลอดธรรมชาติ เขาพลิกตัวด่าทอด้วยความโมโห “ฉันไม่เชื่อเรื่องมนต์ดำพวกนี้หรอก ฉันจะเผาวัด…”

เหมียวหลงยังไม่ทันคว้าไฟแช็กก็เห็นเท้าลอยเข้ามา ถีบเขาดังโครมจนกลิ้งไป

“ต้าขุยแกทำอะไร?” เหมียวหลงด่าทอด้วยความโมโห

ต้าขุยก็โกรธเหมือนกัน “ยังจะเผาอีกเหรอวะ แกยังคลอดไม่พอ แต่พวกฉันคลอดพอแล้ว! ฉันไม่เล่นกับแกแล้ว! จากนี้ไปฉันจะเป็นคนดี ไม่อยากเห็นมีดอีกแล้ว และก็ไม่อยากมีลูกด้วย!”

พูดจบต้าขุยลุกโซเซมาที่ข้างกำแพง ผลักฟืนไปข้างๆ จากนั้นเดินลงเขาไปด้วยอาการหอบอย่างหนัก เดินไปพลางพูดไปพลาง “ยังมองไม่ออกอีกเหรอวะ? ทำเรื่องชั่วจะคลอดมีด! ฉันจะเป็นคนดี”

“มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่เชื่อแก” เหมียวหลงจะคลำหาไฟแช็กอีก แต่เอ้อขุยรีบใช้เท้าเตะออกไป จากนั้นโยนฟืนที่ตนหามาทิ้ง ก่อนเดินตามต้าขุยไป

ฉีเฟยกับหลูจวินมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะเลือกยังไงดี

เหมียวหลงด่าว่า “ต้าขุย เอ้อขุย พวกแกมันขี้ขลาด” จากนั้นเหมียวหลงคลำไฟแช็กอีกครั้ง ครั้งนี้ฉีเฟยกับหลูจวินไม่ห้าม

ต้าขุยกับเอ้อขุยกำลังเดินไปพลันได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากข้างหลัง สองคนนี้แทบจะนั่งลงกุมท้องโดยจิตใต้สำนึก รอคอยความเจ็บปวด…ทว่ารออยู่นานกลับไม่รู้สึกสักนิด!

“พี่ใหญ่ เหมือนพวกเราจะไม่เป็นไรนะ” เอ้อขุยพูด

ต้าขุยเกาหัว “เป็นผลจากการทำเรื่องชั่วจริงๆ พวกเราถือว่าแสวงหาด้านที่สดใสแล้ว กลับตัวเป็นคนดีแล้วเลยไม่ลงโทษพวกเรา รีบไปเถอะ จากนี้ตัดขาดกับคนพวกนี้ซะ เป็นตายยังไงอย่ามาเจอกันอีกเลย ไม่ได้ ยังไม่ได้ ฉันตัดสินใจแล้วว่าหลังจากลงเขาจะมอบตัว บอกเรื่องที่เคยทำชั่วทั้งหมด ถ้าไม่อย่างนั้นใจจะไม่สงบ น้องพี่ว่าไง?”

“ผทเอาตามพี่เลย ถึงยังไงพวกเราก็เป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย หลอกลวงต้มตุ๋นเท่านั้น ไม่น่าจะเป็นอะไร”

สองคนปรึกษากัน ขณะจะลงเขานั้น กลับได้ยินเสียงคนด่าทอมาจากข้างหลัง “เหมียวหลง แกเล่นไปคนเดียวเถอะ! พวกเราไม่เอาด้วยแล้ว! ฉันก็จะกลับใจ ไม่คลอดอีกแล้ว!”

จากนั้นฉีเฟยกับหลูจวินตามมา สองคนนี้ไม่ใช่คนเขลา พวกเขาคลอดลูก แต่ต้าขุยกับเอ้อขุยไม่เป็นไร เรื่องทุกอย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะเหาบนหัวไม่ใช่เหรอ

เหมียวหลงมองพวกต้าขุย เอ้อขุย ก่อนมองไฟแช็ก ในใจหวาดกลัวเล็กน้อย เหมือนว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับการทำเรื่องชั่วจริงๆ

ตอนนี้เองประตูใหญ่วัดเอกดรรชนีเปิดออก ฟางเจิ้งในจีวรขาว ทั่วร่างเปล่งแสงธรรมะเดินออกมา สองมือประนม “อมิตาพุทธ ประสก ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง”

เหมียวหลงมองฟางเจิ้งแล้วก็มองไฟแช็ก ก่อนพูดด้วยความโกรธ “ฝีมือแกใช่ไหม? แกทรมานฉัน แกกับฉันต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”

“โง่เขลาเบาปัญญา ถ้าอย่างนั้นก็คลอดไป คลอดพอเมื่อไร ไม่ชอบมีดเมื่อไรค่อยมาหาอาตมา” ฟางเจิ้งกล่าวจบก็ถอยไปหนึ่งก้าว ปิดประตูใหญ่!

เหมียวหลงที่ถือมีดปรี่เข้ามาเหมือนเห็นว่าตรงปากประตูมีนักรบพระโพธิสัตว์[1] หน้าตาถมึงทึงยืนอยู่ ซ้ำร้ายยังตบฝ่ามือใส่เขาจนกระเด็นออกไป เมื่อตกถึงพื้น ยังไม่ทันลุกขึ้นก็มีบางสิ่งกำเนิดในท้องอีกแล้ว…

อ๊าก…

พอเห็นสภาพอนาถาของเหมียวหลง ต้าขุย เอ้อขุย ฉีเฟย หลูจวินสี่คนตกใจตัวสั่นเทิ้ม สุดท้ายสี่คนคุกเข่าลงกราบไหว้ไปทางวัดเอกดรรชนีไม่หยุด “พระพุทธองค์ที่มีชีวิต พวกเราสำนึกผิดแล้ว จากนี้จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ!”

“อมิตาพุทธ” เสียงสวดดังขึ้น มีหลวงจีนจีวรขาวโผล่มาตรงหน้าพวกเขา นักบวชรูปนี้ยืนอยู่บนดอกบัวอย่างน่าเกรงขาม ประหนึ่งเปล่งแสงแห่งธรรมะ!

เห็นดังนั้นสี่คนมั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าฟางเจิ้งคือพระพุทธองค์ที่มีชีวิต ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน! เข้าสู่ฝันยามต้มข้าวฟ่างแล้วจะแยกความจริงกับความฝันอย่างไร?

ฟางเจิ้งกล่าว “พวกโยมสี่คน ในใจยังมีความสำนึกเสียใจ วันนี้อาตมาจะไม่สร้างความลำบากให้ แต่ถ้ายังกล้ามาวุ่นวายอีก จะต้องคลอดมีดทุกคืนวันเหมือนกับเหมียวหลง ครบเจ็ดครั้งเจ็ดรอบสี่สิบเก้า[2]เล่มแล้วค่อยว่ากัน”

สี่คนได้ฟังดังนั้นพลันตกใจจนร่างอ่อนยวบ เอาหัวโขกพื้นไม่หยุด พูดรับปากว่าจากนี้จะไม่ทำความเลวอีก จะเป็นคนดีอย่างแน่นอน

ฟางเจิ้งถึงพยักหน้า “รอที่นี่ ถ้าเขากลับตัวแล้วพวกโยมค่อยลงเขาไปด้วยกัน” ฟางเจิ้งพูดจบก็หายวับไปกับอากาศ

……………………………………………….

[1] นักรบพระโพธิสัตว์ ถือกระบองเหล็กคอยรับใช้พระพุทธเจ้า

[2]เจ็ดครั้งเจ็ดรอบสี่สิบเก้าวัน ความหมายคือหลังจากตายไปแล้ววิญญาณจะอยู่บนโลกสี่สิบเก้าวันเพื่อรอไปเกิดใหม่ตามผลกรรมที่มี