เหวินชิงผงะ ก่อนจะสังเกตเห็นคนทั้งสองด้านข้าง ทันใดนั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ “ศิษย์หลานเล็ก! ดีจริง! ข้ากลับมาแล้ว ในที่สุดก็ได้เจอพวกเจ้า” ทันใดนั้นเขารีบปีนขึ้นมา พร้อมเดินมาหาทั้งสองคน “ศิษย์หลาน…”

เขายังพูดไม่ทันจบ นาทีถัดมา เห็นเพียงทั้งสองคนยกมือขึ้นอุดจมูกอย่างรวดเร็ว ท่าทางพร้อมเพรียงเป็นระเบียบ พร้อมกับก้าวถอยไปด้านหลัง

กลิ่นฟักเขียวหนักมาก!

เหวินชิง: “…” ไหนความรักระหว่างอาหลาน!

“อาจารย์อา ทำไมท่านถึงอยู่ในผลฟักเขียว” อวิ๋นเจี่ยวยังคงทำสีหน้าเคร่งขรึม ไม่เปิดเผยความรังเกียจออกมาแม้แต่น้อย เธอถามขึ้นอย่างจริงจัง “ท่านไม่ได้ไปยมโลกกับศิษย์พี่หานหรือ”

“เฮ้อ! อย่าพูดเลย!” เหวินชิงสีหน้าโกรธเคือง ก่อนจะใช้คาถาชำระล้างทำให้ตนเองกลับเป็นท่านเทพเหมือนเดิม “ข้าเห็นว่าศิษย์พี่ใหญ่กำลังยุ่ง จึงหนี…เอ่อ หาเวลาขึ้นมาเยี่ยมพวกเจ้า! ใครจะไปรู้ว่าเพิ่งออกจากประตูเขตแดนมา ก็รู้สึกว่าหลังเขามีความผิดปกติของพลังชีวิต ข้ายังไม่ทันได้สืบหาก็ถูกปิดผนึกอยู่ในผลฟักนี้แล้ว เดิมทีข้าคิดจะออกมา แต่ไม่รู้ว่าใครลงคำสาปปิดผนึกเอาไว้ ข้าแม้แต่คาถายังใช้ไม่ได้!” ทำให้เขาเกือบจะขาดอากาศตาย!

อวิ๋นเจี่ยว: “…”

ชายแก่: “…”

ทั้งสองคนเข้าใจในทันที อีกฝ่ายคงบังเอิญเจอเข้ากับอิ้งหลุนที่กำลังใช้คาถาเร่งให้ผักเหล่านั้นสุก เขาเป็นราชายมโลก พลังของเขาจึงมาจากยมโลก เหวินชิงเพิ่งกลับจากยมโลกพอดี ดังนั้นจึงถูกดึงเข้าไป ส่วนคำสาปปิดผนึกที่ทำให้เขาออกมาไม่ได้นั้น เป็นข้อเสนอที่พวกเขาเสนออกมาหลังจากเกิดเรื่องแตงโมระเบิดครั้งก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้อิ้งหลุนหาที่ตาย พวกเขาจึงบอกให้เขาเพิ่มคาถาสำหรับป้องกันการระเบิดในตอนที่เขาปลูกแตง

ดังนั้นแตงที่เขาปลูกทั้งหมดล้วนมีคาถาเช่นนี้ อีกทั้งสามารถเปิดได้จากภายนอกเท่านั้น

“ไม่ได้ ข้าต้องไปดูหลังเขา คนผู้นั้นต้องไม่ธรรมดา เขาอาจทำร้ายชิงหยางได้ ข้าจะไปพบเขาหน่อย!” เหวินชิงยิ่งพูดยิ่งโมโห เขาถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมพร้อมต่อสู้อย่างเต็มที่

“เดี๋ยว!” อวิ๋นเจี่ยวรีบดึงคนกลับมา คนนั้นท่านสู้ไม่ได้หรอก เธอถอนหายใจทีหนึ่ง ก่อนจะพูดปราม “เขาเป็นคนรู้จักของอาจารย์ปู่”

เหวินชิงผงะ ทันใดนั้นห่อเหี่ยวลงไปราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะ อาจารย์ทำไมคบแต่คนแบบนี้!

อวิ๋นเจี่ยวรีบอธิบายบทบาทของอิ้งหลุน อีกทั้งยังบอกว่าที่เขาถูกปิดผนึกเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจ หลังจากที่เขารับรู้สถานการณ์แล้ว บวกกับการขอโทษจากใจจริงของอีเจิง เหวินชิงถึงได้หายโกรธลงไปเล็กน้อย

“เอ๊ะ ศิษย์พี่สองล่ะ?” เหวินชิงมองดูรอบด้าน ก่อนจำว่าหยวนเจียงไม่อยู่ อีกทั้งภายในอารามก็ไม่มีกลิ่นอายของอีกฝ่าย

อวิ๋นเจี่ยวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ “เขาอาจมีธุระเร่งด่วน จึงกลับโลกบนไปแล้ว”

“กลับไปแล้ว?” เหวินชิงผงะ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ดูท่าจะเป็นเรื่องของสวรรค์ทางตะวันออก เช่นนี้ ข้าก็ต้องรีบกลับไปแล้ว

“อาจารย์อาเหวิน ท่านไม่กลับไปหาศิษย์พี่หานแล้วหรือ” ชายแก่ถาม

เหวินชิงสีหน้าเขียวขึ้นมาทันที ราวกับนึกถึงประสบการณ์ที่น่ากลัวบางอย่าง ร่างกายของเขาสั่นเทา ก่อนจะส่ายหัวระรัว “ไม่แล้วๆ กว่าข้าจะหนี…ข้าหมายถึง หานซูเป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่ต้องให้ข้าดูแลมาก อีกทั้งยังมีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ เขาต้องช่วยข้าดูแลเป็นแน่ เฮอะๆ…” พูดจบเขายกมือขึ้นซับเหงื่อบนหน้าผากทิ้ง

อวิ๋นเจี่ยว: “…” เธอรู้สึกสนใจอาจารย์อาใหญ่คนนั้นเสียแล้ว ตกลงเขาเป็นคนอย่างไรกัน ทำไมทุกครั้งที่พูดถึงเขา หยวนเจียงและเหวินชิงล้วนมีท่าทีราวกับท้องผูกมาหลายร้อยปี

“แค่ก คือ… ศิษย์หลานเล็ก!” เหวินชิงสงบสติ ลูบคลำหนวดเคราสีขาวของตนเอง ก่อนจะพูดขึ้น “ศิษย์พี่สองรีบกลับไปเช่นนี้ แสดงว่าโลกบนต้องเกิดเรื่องเร่งด่วนขึ้นเป็นแน่ ข้าเองก็ไม่อาจอยู่ต่อได้ ตอนนี้ค่ำมืดแล้ว ข้าไม่ไปรบกวนการพักผ่อนของอาจารย์ รบกวนศิษย์หลานเล็กช่วยขออภัยอาจารย์ให้ด้วย”

“ได้!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะกวาดตามองเขาขึ้นลง “…อาจารย์อารักษาตัว”

“เช่นนั้นข้าไปก่อนแล้ว! ศิษย์หลานทั้งสอง เจอกันครั้งหน้า!”

เหวินชิงโบกมือ ก่อนจะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่ถึงชั่วครู่ ร่างของเขาก็หายลับไปในหมู่เมฆ

อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังทิศทางที่เขาหายตัวไป สายตาของเธอแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เรื่องของอาจารย์อาหยวน ให้เขาเป็นคนอธิบายเองก็ดีเหมือนกัน เธอถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกำชับชายแก่และอีเจิงให้ขนย้ายผักบนพื้นทั้งหมดไปในห้องครัว จากนั้นถึงได้เดินเข้าห้องตำราไป

กำลังจะเปิดเรียนแล้ว ข้อสอบสำหรับการแยกห้องยังออกไม่เสร็จเลย!

*****

บนท้องฟ้าไม่ไกลนัก

เหวินชิงกำลังครุ่นคิดเรื่องที่ศิษย์พี่สองกลับโลกสวรรค์อย่างกะทันหัน ตามหลักแล้วพวกเขาเพิ่งหาอาจารย์เจอ หากศิษย์พี่สองไม่ได้มีธุระด้วยคงไม่จากชิงหยางไปเป็นแน่ เมื่อเขาจากไปในเวลานี้ แสดงว่าสวรรค์ทางตะวันออกต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขารีบเร่งความเร็วมากขึ้น ในขณะที่กำลังจะข้ามผ่านประตูเขตแดน ด้านหน้ากลับปรากฏร่างที่คุ้นเคยขึ้นมา คนผู้นั้นอยู่ในชุดสีขาว ใบหน้างดงาม แต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นชา

เหวินชิงหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน ทำให้เขาเกือบจะล่วงลงไป “อาๆ…อาจารย์?!” ทำไมอาจารย์ถึงปรากฏตัวที่นี่ หรือว่ามาตามเขา?

“อืม” เยี่ยยวนตอบรับอย่างเรียบเฉย ก่อนจะกวาดตามองเขา “กลับมาจากยมโลก?”

“ชะ…ใช่!” เหวินชิงยืนนิ่ง ก่อนจะทำความเคารพอีกฝ่าย

“เจอกับหลงฉางแล้ว?”

เหวินชิงปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ “ขอรับ อาจารย์! ศิษย์พี่ใหญ่สบานดี พลังก็เพิ่มมากขึ้นไม่น้อย!”

“อืม” เยี่ยยวนพยักหน้า “เจ้าจะกลับโลกบน”

“ขอรับ” เหวินชิงผงะ หรือว่าอาจารย์ไม่อยากให้เขาจากไป จึงมารั้งเขาตรงนี้ “อาจารย์ ข้า…”

“ก็ดี” เยี่ยยวนพูดขึ้น กวาดตามองเขาทีหนึ่งอย่างเรียบเฉย “ต่อจากนี้พวกเจ้าไม่ต้องมาอีก”

“ฮะ?” เหวินชิงผงะ

ยังไม่ทันเข้าใจก็เห็นเยี่ยยวนโบกมือขึ้น เหวินชิงรู้สึกเพียงลมเย็นที่กวาดเข้ามา จากนั้นมีบางอย่างในสมองถูกลบออกไป จากนั้นเขาถึงพบว่าตนเองไม่อาจรับรู้ตำแหน่งของชิงหยางแล้ว อาจารย์ลบการรับรู้ส่วนนี้ของเขาไป ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าชิงหยางอยู่ไหน แต่กลับไม่อาจหาเจอได้อีก

เขารู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที: “อาจารย์…” ทำไม

“ไปเถอะ!” เยี่ยยวนไม่ได้ตอบ ร่างของเขาหายลับไปกลางอากาศ

เหวินชิง: “…”

*****

อารามชิงหยาง

ร่างสีขาวหยุดลงอยู่บริเวณหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ

คนที่กำลังขะมักเขม้นกับการเขียนอะไรบางอย่างราวกับรับรู้ถึงคนมา เธอเงยหน้ามองคนนอกหน้าต่าง “อาจารย์ปู่?”

คนนอกหน้าต่างมองเธอทีหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับ “อืม” เขายังคงท่าทางเรียบเฉย จ้องมองคนที่อยู่หลังโต๊ะหนังสือ ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย

อวิ๋นเจี่ยวเองก็ไม่ได้ออกเสียง เธอจ้องมองคนที่ปรากฏตัวอยู่นอกหน้าต่างอย่างกะทันหัน ทั้งสองคนสบตากันอยู่นาน

สักพัก…

“เฮ้อ!” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ วางพู่กันในมือลง ก่อนจะผลักประตู เดินออกไปหาคนที่อยู่บริเวณหน้าต่าง

คนที่อยู่บริเวณหน้าต่างเอียงตัว สายตาของเขาเคลื่อนไหวตามคนที่อยู่ด้านใน จนกระทั่งอีกฝ่ายดึงมือของเขาเอาไว้ พร้อมกับลากเขานั่งลงบนบันได

“อาจารย์ปู่ อารมณ์ไม่ดี?”

เยี่ยยวนขมวดคิ้วด้วยความฉงน “ไม่นับว่าใช่”

“นอนไม่หลับ?”

“ไม่ใช่” เขาแค่ยังไม่อยากนอน

“เช่นนั้น…” เธอเอามือข้างหนึ่งยันคาง หันหน้าไปมองคนด้านข้าง “อาจารย์ปู่มีอะไรอยากพูดกับข้าหรือไม่”

คิ้วของเขาขมวดหนักขึ้นอีก ก่อนจะพูด “ไม่รู้”

อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ถามต่อ เธอเพียงแค่พยักหน้า “ได้ เช่นนั้นข้าจะนั่งเป็นเพื่อนอาจารย์ปู่สักพัก”

พูดจบ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทั้งสองคนนั่งข้างกันอยู่บนบันได มองดูพระจันทร์บนท้องฟ้า ดอกไม้ในสวนนั้นผลิบานไปทั่วพื้นที่อย่างเงียบๆ

หน้าดอกไม้ ใต้แสงจันทร์ คนรูปงาม…ประกอบกันเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม

จนกระทั่งคิ้วที่ขมวดแน่นของอีกฝ่ายผ่อนคลายลง บรรยากาศที่กระสับกระส่ายกลับไปเป็นเหมือนเคย สักพัก กลับมีบรรยากาศแปลกประหลาดผุดขึ้นมาแทนที เยี่ยยวนมองไปยังศิษย์หลานข้างตัว ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีกระแสไออุ่นบางอย่างไหลผ่าน ก่อเกิดเป็นความร้อนระอุที่ไม่คุ้นชิน ภายในใจเกิดความวู่วามบางอย่าง ราวกับอยากนั่งเช่นนี้ต่อไป แต่ก็ไม่อยากทำเพียงแค่นั่งเฉยๆ เท่านั้น

อวิ๋นเจี่ยวเองก็รู้สึกว่านั่งอยู่อย่างนี้ดูโง่เขลาเล็กน้อย เธอจึงเสนอขึ้นมา “อาจารย์ปู่”

“อืม…”

“นั่งอยู่อย่างนี้น่าเบื่อไปหน่อย ข้ามีวิธีขจัดปัญหาดี อยากลองหน่อยหรือไม่”

“ได้”

อวิ๋นเจี่ยวหันหลังหยิบกระดาษออกมาหลายใบ “มา! ทำข้อสอบด้วยกันเถอะ ไม่มีปัญหาอะไรที่ข้อสอบหนึ่งชุดแก้ไขไม่ได้ หากมี! ข้ายังมีชุดที่สอง!”

เยี่ยยวน: “…”