บทที่ 207 เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 207

เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง

คำพูดของฮูหยินอินทำเอาซิ่งเอ๋อถึงกับต้องกลืนน้ำลาย คนมักพูดกันว่าเสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แต่ฮูหยินอินนั้นกลับสั่งให้คนไปฆ่าลูกชายของนางโดยไม่ลังเล

เมื่อเห็นซิ่งเอ๋อไม่ขานรับ ฮูหยินอินก็ได้มองด้วยสีหน้าที่โหดร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ “ซิ่งเอ๋อ เจ้าก็อยู่กับมาได้สักพักแล้ว เจ้าควรจะรู้นะว่าจะต้องทำเช่นไร?”

ด้วยคำพูดของฮูหยินอินที่เป็นเหมือนดั่งอสรพิษร้ายที่กำลังรัดตัวของซิ่งเอ๋อเอาไว้ ทำให้ขาของนางนั้นอ่อนแรงและลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น “ฮูหยินอย่าได้กังวล ซิ่งเอ๋อจะขอติดตามท่านไปตลอดเจ้าค่ะ”

ดูเหมือนว่าคำตอบของซิ่งเอ๋อนั้นจะทำให้นางนั้นพึงพอใจอย่างมาก ฮูหยินอินก็ได้เปลี่ยนท่าทางและลงไปนอนที่เตียงต่อ ดวงตาที่เต็มไปด้วยการคาดการณ์ของนางก็ได้จ้องไปที่เพดาน

คุณหนูรอง อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ!

ทันทีที่หลินซีเหยียนกลับมาถึงที่ตำหนัก ชิงอวี่ก็ได้ปรากฏตัวออกมา

“เจ้าพบอะไรมาบ้าง?” หลินซีเหยียนไม่ได้หันไปมองและถามออกมาตรงๆ

ชิงอวี่ก็ได้ผงกหัวแล้วรายงานด้วยสีหน้าที่ยุ่งยากใจ “เป็นสาวใช้ที่วิ่งไปที่ตำหนักของฮูหยินอวี้ แล้วจากนั้นฮูหยินอวี้ก็ได้เรียก หลินเยว่หัว, หลินรั่วจิ่งและหลินเฉิงอวี้ให้ไปพบเจ้าค่ะ”

เป็นอย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ “หากทำสิ่งใดที่ไม่ดีแล้วไม่คอยติดตามผลงานของตัวเอง ก็ผิดปกติแล้ว”

“แล้วคุณหนูจะปล่อยให้พวกเขาทำลายหลักฐานอย่างนั้นเหรอเจ้าคะ?” ชิ่งอวี่ถามต่อ ในขณะที่รู้สึกชื่นชมคุณหนูที่รู้ทุกสิ่งเหมือนดั่งพระเจ้า

หลินซีเหยียนก็ได้หยุดเดินแล้วหยิบเอาดอกไม้แห้งขึ้นมาแล้วจากนั้นก็ได้ขยำมันด้วยมืออย่างช้าๆ แล้วดอกไม้แห้งนั้นก็ได้กลายเป็นฝุ่นผงในทันที

“ยิ่งนางทำอะไรไม่จำเป็นมากขึ้นเท่าไร นางก็ยิ่งดิ้นไม่หลุดมากขึ้นเท่านั้น คอยดูเอาไว้ละกัน!”

จะคอยดูหมากัดกัน เฝ้าดูพวกเขาต้องชดใช้หนี้ให้กับบาปในอดีตของพวกเขา

หลินซีเหยียนที่กลับถึงเรือนเชียนเหยียน แต่กลับไม่พบเจียงหวายเย่กับเทียนเอ๋อ หลังจากที่ถามจิ่งชุนแล้วก็ทราบว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นที่โรงเตี๊ยมซื่อฟาง แล้วเทียนเอ๋อกับเจียงหวายเย่ก็ได้ออกไปจัดการกับเรื่องนี้

เมื่อหลินซีเหยียนมาถึง ทั้งสองฝ่ายก็ได้จวนจะถึงจุดแตกหักแล้ว

หลินซีเหยียนก็ได้เบียดเสียดฝูงคนเพื่อเข้าไปยังด้านในจนไปถึงเทียนเอ๋อแล้วก็ถาม “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

เทียนเอ๋อก็ได้กะพริบตาปริบๆแล้วกล่าวอย่างน่าสงสาร “ท่านแม่ ร้านนี้มันเป็นของข้าแท้ๆและโฉนดก็ยังอยู่กับท่าน แต่เขากลับบอกว่าร้านนี้เป็นของเขาแล้วยังมีโฉนดมายืนยันอีกต่างหาก”

หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดจากนั้นนางก็ได้หันไปมองอีกฝ่ายราวกับมีบางอย่างที่จะต้องคุยกัน “คุณผู้ชายท่านนั้น ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านนั้นไปได้โฉนดมาจากที่ไหน แต่ขอให้ท่านยอมรับผิดและบอกเรื่องทั้งหมดออกมา ไม่อย่างนั้นจะโทษหาว่าข้าใช้ความรุนแรงไม่ได้”

แล้วผู้มาเยือนที่ดูเหมือนจะรู้จักหลินซีเหยียนก็ได้กล่าวอย่างดุดัน “เจ้าคงจะเป็นนังโง่คุณหนูรองของบ้านมหาเสนาบดีสินะ?”

การพูดที่ดูไม่ให้เกียรติของเขาก็ได้ทำให้ผู้คนรอบๆตัวเขาต่างก็พากันหัวเราะออกมา ในสายตาของพวกเขานั้นใช้คำว่า “นังโง่”กับหลินซีเหยียนยังถือว่าเป็นคำชมด้วยซ้ำ

เพราะหลินซีเหยียนนั้นเป็นผู้หญิงร่านและยังโง่ จนกระทั่งท้องโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันไปตัว แล้วสายตาดูหมิ่นของทุกคนก็ได้จับจ้องไปที่เด็กที่อยู่ข้างๆ หลินซีเหยียน

“หรือว่าเจ้าเด็กนั่นจะเป็น?”

พูดยังไม่ทันจบ ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่แหลมคมและน่ากลัวได้จ้องมองมายังพวกเขา ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาชั่วขณะ

ถึงแม้จะมีการป้องกันจากหลินซีเหยียน แต่เทียนเอ๋อก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่ชั่วร้ายอยู่ดี เขาจึงได้โมโหขึ้นมาแต่ด้วยความที่เขายังเด็กจึงไม่อาจสู้ได้ แล้วเขาจะทำอย่างไรดี?

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะว่าเขามีท่านอาจารย์อยู่ด้วย จากนั้นเทียนเอ๋อก็ได้หันไปมองด้วยสายตาที่คาดหวัง เขาได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วกล่าว “ท่านอาจารย์พวกเขารังแกข้า ท่านจัดการกับพวกเขาเลยขอรับ”

………..

เจียงหวายเย่ก็ได้เผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมาเล็กน้อย แล้วจากนั้นก็ได้ออกมายืนอยู่ตรงหน้าเทียนเอ๋อ กำลังภายในของเขานั้นดูเหมือนจะยังไม่ฟื้นคืนกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้ศิษย์รักของเขาต้องผิดหวังได้!

ถึงเวลาที่เทพสงครามองค์ชายเย่จะต้องแสดงฝีมือแล้ว

แล้วเทพสงครามไร้พ่ายผู้โด่งดังก็ได้มองไปรอบๆด้วยความน่าเกรงขามมาก แล้วภายใต้สายตาของทุกคนริมฝีปากบางๆของเขาก็ได้เปิดออกและพูดคำคำหนึ่งออกมา และเพราะเสียงในห้องนั้นเอะอะโวยวายมาก ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร

แล้วกลุ่มผู้มาเยือนที่ตอนแรกตกใจ แล้วจากนั้นก็ได้พากันหัวเราะ “ข้าก็นึกว่าเจ้าจะมีความสามารถอะไร ที่แท้ก็มีดีแค่ท่าทาง!”

แล้วเทียนเอ๋อก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วมองไปที่ เจียงหวายเย่อย่างผิดหวัง แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้ลูบหัวของเขา

ทันใดนั้นเอง เหล่าคนที่มาสร้างปัญหาทุกคนก็ได้ร่วงลงไปนอนกับพื้นโดยกลุ่มชายชุดดำที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน และไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามดิ้นรนมากขนาดไหน

โดยที่ผู้คนไม่ทันได้มองอย่างชัดเจน คนชุดดำเหล่านั้นก็ได้หายวับไปกับตาทันที

แล้วผู้คนที่ลงไปนอนกองกับพื้นก็ได้มองไปที่ เจียงหวายเย่และหลินซีเหยียนด้วยความหวาดกลัว “พวกเจ้าทำกับพวกเราแบบนี้ได้อย่างไร? โฉนดที่อยู่กับพวกเรานั้นเป็นของจริงนะ”

“แล้วทำไมพวกเขาถึงได้กล้าพูดว่าโฉนดที่อยู่กับพวกเจ้าเป็นของจริงล่ะ?” เทียนเอ๋อที่เดินตามหลินซีเหยียนมาก็ได้พูดขึ้น แล้วหรี่สายตาของเขาจ้องมองด้วยความน่าเกรงขาม

ในสายตาของเขาอีกฝ่ายนั้นได้มาสร้างปัญหาให้อย่างไม่มีเหตุผล เพราะอย่างที่รู้โฉนดของพวกเขานั้นได้มาจากจวนมหาเสนาบดี

แล้วผู้คนที่นอนอยู่พื้นนั้น หลังจากที่พยายามฝืนลุกขึ้นมา จนในที่สุดก็ลุกขึ้นมานั่งได้ “คุณชายน้อย เจ้าจะไปถามบ้านสกุลหวายก็ได้ แล้วจะรู้ว่าหวายฉ่าวนั้นไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นดูเหมือนจะไม่ได้พูดโกหก หลินซีเหยียนก็ได้ถามเสียงดัง “ถ้าอย่างนั้นก็บอกพวกข้ามาตามจริง ว่าพวกเจ้าไปได้โฉนดนั้นมาจากที่ไหน?”

หวายฉ่าวก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “ข้านั้นเป็นผู้รับจำนำ และมีร้านอยู่ในเมืองหลวงชื่อว่าโรงจำนำหวาย และโฉนดนี้เป็นของที่ถูกนำมาจำนำโดยฮูหยินคนหนึ่งเมื่อสามปีก่อน

เพราะเมื่อสามปีก่อนนั้น ร้านแห่งนี้ประสบขาดทุนมากมายจนพวกเราเองก็ไม่ได้ใส่ใจ พวกเรานั้นจึงคิดที่จะหาโอกาสเหมาะๆที่จะขายต่อ แต่พวกเราก็ไม่นึกว่ามันจะถูกเอาไปโดยท่านแล้ว”

หลินซีเหยียนก็พอจะเดาได้รางๆแล้วว่าเรื่องนี้อาจจะต้องเกี่ยวข้องกับฮูหยินอวี้เป็นแน่

ผู้คนมากมายที่อยู่ในห้องนี้นั้นต่างก็รอดูเรื่องตื่นเต้น แต่ทันทีที่พวกเขาพบว่าทั้งสองฝ่ายนั้นต่างก็สงบแล้ว พวกเขาจึงได้จากไปด้วยความเบื่อ

หลังจากนั้นก็ได้มีข่าวลือหนึ่งแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงว่ามีคนใหญ่คนโตหนุนหลังโรงเตี๊ยมซื่อฟางอยู่ ใครก็ตามที่ไปหาเรื่องโรงเตี๊ยมซื่อฟางจะต้องตายอย่างน่าเวทนาในกลางดึก

แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องหลังจากนี้ ส่วนในเวลานี้ หลินซีเหยียนก็ได้ตัดสินใจพาหวายฉ่าวและพรรคพวกกลับไปที่จวนมหาเสนาบดี

เมื่อมหาเสนาบดีหลินได้ทราบเรื่องจากคนรับใช้ของเขาก็ได้เดินออกมาอย่างดุดัน แต่อย่างไรก็ดีมหาเสนาบดีหลินนั้นยังคงกลัวหลินซีเหยียนลูกสาวคนที่สองของเขาอยู่หน่อยๆ

เมื่อเห็นหลินซีเหยียนที่นำคนมาที่จวนของเขาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ เขาก็ได้ทำเป็นลืมตาข้างหนึ่งแล้วหลับตาข้างหนึ่ง แต่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องถามออกไปอย่างพอเป็นพิธี

“เฮ้อ ขอโทษที่ต้องถามนะ! แต่เจ้าพาคนมากมายเช่นนี้มาที่จวนมหาเสนาบดีทำไม?”

หลินซีเหยียนก็ได้หยุดอย่างไว้หน้ามหาเสนาบดีหลินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแล้วกล่าว “ถ้าท่านอยากจะรู้ว่ามีปัญหาอะไรล่ะก็ ท่านควรจะไปตามฮูหยินอวี้มาแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง!”

ใบหน้าขาวๆของหลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มอย่างชัดเจน แต่มหาเสนาบดีหลินกลับรู้สึกโมโหขึ้นมา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา นังผู้หญิงนั่นไปทำอะไรไว้อีกแล้ว?