เล่มที่ 8 บทที่ 213 แท้จริงแล้วมนุษย์นั้นเล็กจ้อยและซับซ้อนที่สุด

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ซ่งฝูขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวผ่านม่านรถม้า “คุณชาย จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”

คนด้านในหลับตาอยู่ตลอด พอได้ยินวาจาของซ่งฝู จึงลืมตาทั้งคู่ช้าๆ “เป็นอย่างไร บอกกล่าวชัดเจนแล้วหรือยัง? ”

“บอกกล่าวชัดเจนแล้วขอรับ ตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านกำลังลงโทษสามีภรรยาคู่นั้นขอรับ! ข้ารู้สึกว่าฮูหยินเซียวและสามีช่างแปลกประหลาดนัก หลังจากข้าเข้าไป ก็ไม่ได้ยินพวกเขาคุยกันแม้แต่ประโยคเดียว อีกทั้ง ยังยืนห่างกันมาก ราวกับคนแปลกหน้าก็มิปาน! ดูไปแล้วความสัมพันธ์สามีภรรยาธรรมดามาก”

ซ่งฝูกล่าวด้วยท่าทีสงสัย “แต่หากบอกว่าความสัมพันธ์ดูธรรมดา เซียวยวี่นั่นก็เชื่อมั่นในตัวภรรยาของเขามาก ถึงแม้อีกฝ่ายพูดจาปรักปรำได้สมจริงถึงเพียงนั้นแล้ว เขาก็ยังเลือกที่จะเชื่อภรรยาของเขา ช่างเป็นสองคนที่แปลกประหลาดเสียจริง! ”

คนด้านในได้ฟังดังนี้ ในที่สุดสีหน้าท่าทางที่ดูวิตกมาตลอดก็ผ่อนคลายลง

ขอเพียงนางไม่ถูกทำร้ายก็พอ

“คุณชาย คุณชาย ท่านกำลังฟังอยู่หรือไม่ขอรับ? ” ซ่งฝูที่อยู่ข้างนอกเอ่ยถาม

ซ่งฉางชิงขานตอบทีหนึ่ง “กลับกันเถอะ! ”

วาจามากมายที่ซ่งฝูกล่าวมาเมื่อครู่ประหนึ่งจมลงไปในน้ำอย่างไรอย่างนั้น ไม่ได้รับการตอบกลับจากคุณชาย ซ่งฝูได้แต่ปิดปากแล้วตั้งใจขับรถม้า ดูท่าว่าคุณชายจะไม่โปรดหัวข้อสนทนานี้

ขอเพียงเป็นเรื่องที่คุณชายไม่โปรดปราน เช่นนั้นเขาก็จะไม่พูด

รถม้าเคลื่อนไปตามเส้นทางสายเล็กในพื้นที่ชนบท ภูเขาเขียวชอุ่มที่อยู่ห่างไกลและน้ำในทะเลสาบที่สะท้อนแสงระยิบระยับอยู่สองข้างทาง กำลังเคลื่อนผ่านไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ซ่งฉางชิงหรี่ตา มองดูม่านรถม้าที่ถูกลมโบกพัดจนพลิ้วไหว สามารถมองเห็นเทือกเขาภายนอกเป็นครั้งคราว บนเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้านานาชนิด เป็นสีเขียวชอุ่มปกคลุมอย่างเป็นระเบียบอยู่ทั่วภูเขา หากไม่เดินทีละก้าวก็ไม่มีทางถึงพันลี้ ต้องใช้เวลานานกี่ปีถึงกลายเป็นทิวทัศน์ที่มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่นเช่นนี้ได้

จู่ๆ ซ่งฉางชิงก็รู้สึกว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ มนุษย์ช่างเล็กจ้อยจนเทียบกับใบไม้ที่ร่วงหล่นหนึ่งใบไม่ได้ด้วยซ้ำ มนุษย์ที่เล็กจ้อยและซับซ้อน ทั้งยังมีอารมณ์และความปรารถนา มีขึ้นมีลงตลอดชีวิต ทำอย่างไรก็ไม่อาจตัดขาดได้

มนุษย์ช่างเล็กจ้อยและทุกข์ระทมเสียจริง

ภายในศาลบรรพชน ไม่มีเสียงโวยวายด้วยความได้ใจและดื้อดึงของสองสามีภรรยาเซียวจินอีก พวกเขาสองคนต่างทำสีหน้าอมทุกข์ ขอร้องอ้อนวอนไม่หยุด เซียวจิ้งยี่ไม่สนใจพวกเขา “เมื่อวานใครกันที่กล่าวคำสาบานยืนยันว่าภรรยาเซียวยวี่ลักลอบคบชู้ ทั้งยังบอกว่าหาพยานมาได้ คราวนี้เจ้าลองบอกมา เซียวจิน เจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่หรือไม่? จิตสำนึกของเจ้าโดนสุนัขกินไปแล้วหรืออย่างไร? ภรรยาเซียวยวี่ช่วยพวกเราขนาดนี้ เจ้ายังจะเนรคุณ เจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่หรือไม่”

เซียวจินยกมือขึ้นตบใบหน้าตัวเองทีหนึ่ง ตบไปพลางกล่าวไปพลาง “ใช่ใช่ใช่ ข้าไม่มีจิตสำนึก ข้ามันไม่ใช่คน หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าสำนึกผิดแล้ว ท่านอย่าไล่พวกเราไปเลย หัวหน้าหมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้าน…”

เขากล่าวประโยคหนึ่ง ก็ตบหน้าตัวเองทีหนึ่ง ทั้งยังตบแรงมาก หลังจากกล่าวจบ ก็ตบหน้าไปสิบกว่าครั้งแล้ว แก้มสองข้างปูดบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว

เถียนเอ๋อเห็นแล้วไม่อาจทนดูได้ จึงรีบเข้าไปจับมือเซียวจินไว้ ตะคอกเสียงดังราวคนเสียสติ “ท่านพี่…”

เซียวจินก็ร่ำไห้ตาม “พวกเราทำผิด ก็ต้องยอมรับผิด ที่ข้าตีตัวเองนั้นสมควรแล้ว ข้ายังรู้สึกว่าตีเบาเกินไปด้วยซ้ำ”

เซียวจิ้งยี่ไม่มีทางเลือก ล้วนแต่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ได้แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ขอร้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเดิมพันกับสองสามีภรรยาเซียวยวี่ ตอนนี้เจ้าแพ้เดิมพัน อีกฝ่ายต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม ถือเป็นเรื่องปกติ! ” กล่าวจบ เขาหันไปทางเซียวยวี่และเซี่ยยวี่หลัว “เซียวยวี่ พวกเจ้าสองสามีภรรยาลองว่ามา ว่าจะทำอย่างไร? ”

เซียวยวี่ขมวดคิ้ว หันมองไปทางเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวก็หันมองเซียวยวี่ตามสัญชาตญาณ สายตาของทั้งสองคนสบประสานกันกลางอากาศ จากนั้นจึงได้ยินเซียวยวี่หันไปกล่าวกับสามีภรรยาเซียวจินด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ขอขมา! ”

“ขอขมา ขอขมา พวกเราต้องขอขมาแน่นอน! ” เซียวจินรีบกล่าว จากนั้นจึงดึงเถียนเอ๋อ หันขวับคุกเข่าคำนับไปทางเซี่ยยวี่หลัว

เซี่ยยวี่หลัวตกใจกับภาพเหตุการณ์นี้จนรีบขยับออกด้านข้างไปสองก้าว นางโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีใครคุกเข่าต่อนางเช่นนี้มาก่อน

เช่นนี้จะทำให้อายุสั้น

“ภรรยาเซียวยวี่ ขอโทษด้วย พวกเรามีตาแต่หามีแววไม่ ทั้งยังปรักปรำท่านเช่นนี้ ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย! ” เซียวจินกล่าวพลางคำนับ เขาคำนับไม่หยุดราวกับลูกไก่จิกกินข้าวสารก็มิปาน คำนับครั้งแล้วครั้งเล่า หน้าผากกระแทกใส่อิฐเทาในศาลบรรพชนอย่างแรง

เซี่ยยวี่หลัวถอนหายใจทีหนึ่ง “พวกท่านลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องคุกเข่าให้ข้า หวังว่าต่อไปพวกท่านจะทำตัวดีๆ เรื่องที่ไม่มีหลักฐานอย่าสร้างข่าวลือไปทั่ว เช่นนี้เป็นการหมิ่นประมาท หากเอาเรื่องขึ้นมาจริง ข้าย่อมต้องฟ้องศาล ข้าเพียงหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย หากยังมีครั้งหน้า ข้าจะไม่คำนึงถึงไมตรีที่เป็นคนหมู่บ้านเดียวกันอีก! ”

เซียวจิ้งยี่หันมองไปทางเซี่ยยวี่หลัว ภายในใจรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก

นางกำลังแสดงออกถึงความเมตตาและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน!

วาจาเหล่านี้ บอกกล่าวอย่างชัดเจนว่านางเห็นแก่ไมตรีที่เป็นคนหมู่บ้านเดียวกันจึงเลือกจะให้อภัย ทั้งยังเน้นย้ำว่าหากยังมีครั้งหน้าอีก นางจะฟ้องศาลเพื่อทวงคืนความเป็นธรรมให้ตัวเองแน่นอน ทั้งรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง และเปิดทางรอดให้สองสามีภรรยาเซียวจิน แสดงออกถึงความเมตตาและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน กล่าววาจาได้อย่างรอบคอบรัดกุม ภรรยาผู้นี้ที่เซียวยวี่ได้แต่งด้วย ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ !

เซียวยวี่ก็หันมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความฉงนสงสัย

เขาคิดไม่ถึง ว่าเซี่ยยวี่หลัวเลือกที่จะให้อภัยสามีภรรยาเซียวจินจริง

เมื่อครู่เซียวยวี่กลัวว่าเซี่ยยวี่หลัวจะยืนกรานขับไล่สองสามีภรรยาเซียวจินออกไป ดังนั้นจึงชิงบอกให้เซียวจินขอขมาก่อนนาง ถึงอย่างไรก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน เขาคิดอยากข่มขู่เซียวจิน แต่ก็ไม่คิดจะไล่ต้อนให้จนมุม

ทว่า เขาไม่คาดคิดเลยว่าเซี่ยยวี่หลัวจะปล่อยเซียวจินไปอย่างง่ายดายเช่นนี้

หากเป็นเซี่ยยวี่หลัวในอดีต ด้วยนิสัยใจคอของนาง เกรงว่าคงร่ำไห้โวยวายขู่จะผูกคอตาย หากไม่โวยวายจนสามีภรรยาเซียวจินถูกไล่ออกจากหมู่บ้านสกุลเซียวย่อมไม่มีทางรามือ!

เซียวยวี่รู้สึกสงสัยยิ่งนัก เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ มีหลายสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่เข้าใจมากเกินไป

เขาเรียกสติคืนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบประหนึ่งน้ำค้างแข็ง “ข้าหวังว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก หากยังใส่ร้ายภรรยาของข้าอีก ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆ ! ”

น้ำเสียงของเซียวยวี่เย็นเยียบดุจน้ำค้างแข็ง สองสามีภรรยาเซียวจินตกใจจนรู้สึกเย็นสันหลังวาบ

พวกเขาเกรงว่าหากตัวเองกล่าวช้าไปจะทำให้เซียวยวี่ไม่พอใจ “ไม่มีแน่ ไม่มีแน่ ไม่มีครั้งต่อไปแน่ ขอบคุณ ขอบคุณ”

เซียวจิ้งยี่ถอนหายใจทีหนึ่ง ทำไมหมู่บ้านของตัวเองถึงมีคนเช่นนี้ได้ เขาตะคอกเสียงดัง “สามีภรรยาเซียวยวี่ให้อภัยพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ายังไม่รีบไปอีก อยู่ที่นี่ไปก็อับอายขายหน้า”

สองสามีภรรยาเซียวจินรีบลุกขึ้นจากพื้น อาจเพราะเมื่อครู่คุกเข่านานเกินไป ทั้งสองคนเพิ่งลุกขึ้นก็ล้ม “ฟุ่บ” ลงอีก สองสามีภรรยาล้มกลิ้งบนพื้น ทำให้ทุกคนหัวเราะครืนใหญ่ ใบหน้าของเซียวจินขึ้นสีแดงก่ำ ไม่มีแก่ใจจะจูงมือเถียนเอ๋ออีก ตัวเขาล้มลุกคลุกคลานก่อนจะวิ่งออกจากศาลบรรพชน

เถียนเอ๋อตามอยู่ด้านหลัง กลัวจนปัสสาวะแทบราดเช่นกัน “ท่านพี่ รอข้าก่อน ท่านพี่…”

ทั้งสองคนคนหนึ่งอยู่ด้านหน้า คนหนึ่งอยู่ด้านหลัง วิ่งไปด้วยท่าทางทุลักทุเล