นานครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยค่อยๆ ละริมฝีปากออกมาจากเหลิ่งรั่วปิง มองดูริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฉู่หนิงซยา คุณโง่จริงๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นเหลิ่งรั่วปิง หรือจะเป็นฉู่หนิงซยา แต่ความรักที่ผมมีต่อคุณล้วนเป็นความจริง คุณดื่มด่ำกับมันเงียบๆ ไม่ดีเหรอครับ” นิ้วมืออุ่นๆ ลูบจับใบหน้าของเธอ “ผมไม่มีวันบังคับให้คุณทำในสิ่งที่คุณไม่ชอบ อะไรที่คุณชอบผมยินดีให้คุณทำ คุณจะคิดมากไปทำไมครับ หืม?”
“เด็กโง่!” หนานกงเยี่ยดีดหน้าผากของเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ แล้วคว้าจับมือของเธอ “ไปกันเถอะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงถูกเขาพาเดินออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยความงงงวย จนลืมไปว่าเมื่อกี้เขาจูบเธอในที่สาธารณะ! เมื่อขึ้นไปบนรถ เธอเพิ่งดึงสติกลับมา “คุณหนานกงเยี่ย คุณจูบฉันอีกแล้ว? !”
หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วสตาร์ทรถยนต์ ตอบด้วยความไม่สะทกสะท้าน “แต่คุณไม่ได้ปฏิเสธผมนี่ครับ อีกทั้งคุณยังลุ่มหลงกับรสจูบผมมากด้วย คุณชอบผมชัดๆ แต่กลับไม่ยอมรับ”
เหลิ่งรั่วปิงประหม่าจนพูดไม่ออก เธอทั้งอายและโมโห มือเรียวยาวตีไปที่แขนของหนานกงเยี่ย แต่เพราะเขากำลังขับรถอยู่ เธอจึงตีไม่แรงมากนัก ดังนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูเหมือนเป็นการออดอ้อน
เหลิ่งรั่วปิงเขินอายมากกว่าเดิม แต่หนานกงเยี่ยกลับดูมีความสุขมากกว่าเดิม
กลับไปถึงวิลล่าหย่าเก๋อ หนานกงเยี่ยนำวัตถุดิบที่ซื้อมาทั้งหมดไปไว้ในห้องครัว “คุณไปดูหนังเถอะ เดี๋ยวผมทำอาหารเสร็จแล้วจะเรียก”
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกประหม่าตลอดทั้งทาง โกรธตัวเองที่ปล่อยให้เขาจูบอยู่นาน ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ดังนั้นหนานกงเยี่ยบอกว่าไม่ต้องช่วย เธอจึงไปดูหนังด้วยความสบายใจ
ช่วงเทศกาลตรุษจีน โทรทัศน์ทุกช่องล้วนออกอากาศงานเฉลิมฉลองวันตรุษจีน ไม่มีรายการพิเศษอะไร มีแต่การแสดงตลกเดิมๆ สนทนาตลกขบขันของจีน ร้องเพลงและเต้นรำ ไม่มีอะไรให้ดู เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกเบื่อหน่ายจึงโน้มตัวลงนอนบนโซฟา
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา พบว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น ทั้งยังห่มผ้าห่มเอาไว้อีกด้วย
“ตื่นแล้วเหรอครับ” หนานกงเยี่ยโอบกอดเธอเอาไว้เบาๆ ยิ้มด้วยความอ่อนโยน “ถ้าตื่นแล้วก็ไปกินข้าวกันเถอะ”
ไม่รอให้เหลิ่งรั่วปิงดึงสติกลับมา เขาก็ดึงผ้าห่มทิ้ง แล้วช้อนตัวเธอขึ้นมา เดินเข้าไปในห้องอาหาร จากนั้นวางเธอลง พาเธอไปที่อ่างล้างมือแล้วล้างมือให้เธอด้วยตนเอง หลังจากล้างมือเสร็จเขาก็เช็ดมือให้เธอแล้วช้อนตัวเธอขึ้นมาอีกครั้ง พาเธอไปที่โต๊ะอาหาร แล้ววางเธอลงบนเก้าอี้
เหลิ่งรั่วปิงมึนงงเล็กน้อย รู้สึกเหมือนตนเองเป็นเด็กที่ได้รับการดูแล เธอที่สะลึมสะลือเพิ่งตื่นนอนยังคงมึนงงอยู่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หนานกงเยี่ยนำอาหารทั้งหมดในตู้เก็บความร้อนออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ จากนั้นนั่งลงข้างๆ เธอ
ไก่ตุ๋นเห็ดหอม ปลาสามรส เบคอนย่างเห็ดเข็มทอง ไข่ตุ๋นกุ้ง ผัดผักเรียกน้ำย่อย ซุปสาหร่ายซี่โครงหมู
เหลิ่งรั่วปิงแทบจะนิ่งค้างไปแล้ว มองดูอาหารบนโต๊ะ ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้หนานกงเยี่ยเป็นคนทำ เขาคือผู้ชายที่สูงศักดิ์ราวกับราชา!
“กินเถอะครับ” หนานกงเยี่ยยื่นตะเกียบให้กับเหลิ่งรั่วปิงที่กำลังนิ่งค้าง “กินให้อิ่ม เดี๋ยวตอนกลางคืนพวกเราต้องห่อเกี๊ยวกัน และต้องโต้รุ่งคืนสิ้นปีอีกด้วย”
เหลิ่งรั่วปิงรับตะเกียบ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณหนานกงเยี่ย คุณไม่รู้สึกว่าการที่คุณทำพวกนี้ด้วยตนเอง เป็นการลดฐานะของคุณเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วตักอาหารให้เธอ พร้อมทั้งเอาก้างปลาออกให้เธอด้วยความใส่ใจ “ผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ว่าจะมีอำนาจมากมายเท่าไหร่ เมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยาก็คือผู้ชายธรรมดาทั่วไป” คีบเนื้อปลาที่เอาก้างออกเรียบร้อยวางลงบนจานของเธอ “ผมจะเป็นสามีที่ดี และในอนาคตผมก็จะเป็นพ่อที่ดีด้วยครับ หืม?”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไรอีก มองหนานกงเยี่ยเงียบๆ อยู่หลายวินาที จากนั้นก้มหน้าลงกินปลาที่เขาเอาก้างออกให้เธอ ความรู้สึกอบอุ่นเกิดขึ้นภายในใจของเธอ มันหมุนเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย เขาบอกว่า เขาจะเป็นสามีที่ดี และจะเป็นพ่อที่ดี คำสัญญาที่ออกจากปากผู้ชายอย่างเขา มันเป็นสิ่งที่หนักอึ้งราวกับเหล็ก
เขาพูดถึง ทำไมต้องสนใจด้วยว่าตอนนี้เธอคือเหลิ่งรั่วปิง หรือฉู่หนิงซยา ถึงอย่างไรความรักและการเอาใจใส่ที่เขามีให้ล้วนเป็นความจริง เธอเพียงแค่ดื่มด่ำความรู้สึกนี้เงียบๆ ก็พอแล้ว ปัญหาที่ทำให้ต้องปวดหัว เธอวางมันลงชั่วคราว
อาหารมื้อนี้ กินอย่างเอร็ดอร่อยและราบรื่น เหมือนครอบครัวปกติทั่วไป ที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาในคืนวันตรุษจีน เพียงแต่ครอบครัวนี้ดูบางเบาไปหน่อย เพราะยังขาดลูก
หลังจากกินอาหารเสร็จ หนานกงเยี่ยเป็นคนเสนอรับผิดชอบงานบ้านทุกอย่าง เขาไม่ให้เหลิ่งรั่วปิงทำแม้แต่น้อย “คุณไปนอนพักเถอะครับ เดี๋ยวตอนกลางคืนพวกเราต้องโต้รุ่งข้ามคืนด้วยกันอีก คงจะได้นอนดึกมาก” เขาอยากจะดูแลเธอเหมือนแสงแดดท่ามกลางหิมะ
เขาตั้งใจอยากจะเอาอกเอาใจเธอ เธอเองก็ไม่กระมิดกระเมี้ยน รับมันเอาไว้ เหลิ่งรั่วปิงขึ้นห้องไปอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนอน จากนั้นมุดตัวเข้าไปในนอนในผ้าห่ม
หนานกงเยี่ยเก็บจานชามทุกอย่างเสร็จ เขาเองก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนอน จากนั้นลอบไปที่ห้องนอนของเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หยิบผ้าห่มอีกผืน แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ เธอ
*****
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา วิหารซีหลิงปกคลุมด้วยบรรยากาศที่น่าหวาดกลัว ทุกคนในวิหาร แม้แค่เดินก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน พยายามเดินให้เบาที่สุด ราวกับทุกย่างล้วนมีแต่กับดัก ทุกคนต่างก็กลัวว่าจะเดินผิดก้าวแล้วเหยียบโดนกับดัก คนที่ลำบากที่สุดคือคนสนิทของซือคงอวี้ พวกเขาต้องคอยเผชิญหน้ากับซือคงอวี้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หากไม่ทันระวังอาจจะทำให้ซือคงอวี้โมโหได้ หากประมาทอาจจะทำให้ตนเองกลายเป็นผุยผง
คนที่หวาดกลัวที่สุดเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหมาป่าสีเทา เขาเอาแต่กังวลเรื่องที่ตนหักหลังซือคงอวี้จะถูกเปิดโปง เขาไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ตอนที่ซือคงอวี้รู้ความจริง เขาจะโกรธเคืองตนมากมายเท่าไร ถึงแม้ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ราวกับว่าเขาได้ลิ้มรสเปลวไฟแห่งโทสะนั้นแล้ว ทุกข์ทรมานท่ามกลางเปลวไฟตลอดทั้งวันทั้งคืน
ถึงแม้ซือคงอวี้จะเหี้ยมโหด แต่เขาไม่เคยฆ่าคนบริสุทธิ์ ถ้าไม่ได้ทำความผิด ต่อให้เขาจะโมโหแค่ไหนก็ไม่มีวันทำร้ายใคร แต่เขามีกฎเหล็ก ในฐานะคนที่อยู่สูงสุด ถ้าใครกล้าแตะต้องกฎเหล็กของเขา ซือคงอวี้ไม่มีวันให้อภัย หมาป่าสีเทาเป็นคนที่ละเมิดกฎเหล็กของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
อาเธอร์ถูกลงโทษในคุกจนแทบเป็นแทบตาย แต่เขาไม่เหลือความหวาดกลัวแล้ว เพราะผลที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้แต่แรก พร้อมทั้งได้รับการลงโทษในสิ่งที่ควรได้รับแล้ว ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ถึงแม้โทษที่ได้รับจะเหี้ยมโหด แต่เขาเป็นลูกผู้ชายที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งราวกับเหล็ก ไม่เคยส่งเสียงร้องแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะถึงอย่างไรเขาก็เติบโตขึ้นมาในวิหาร ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ก็จงรักภักดีมาโดยตลอด ทำภารกิจสำคัญสำเร็จมามากมาย ซือคงอวี้ไม่คิดที่จะเอาเขาถึงตาย เพียงแค่อยากให้เขาบอกมาว่าเหลิ่งรั่วปิงอยู่ที่ไหน แต่เขากลับดื้อดึง ยอมตายแต่ไม่ยอมพูด ซือคงอวี้ลงโทษหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่เขายังคงปิดปากเงียบสนิท สุดท้าย ซือคงอวี้จนปัญญา จึงทำได้เพียงเลิกลงโทษเขา แล้วขังเขาไว้ในคุกโดยไม่สนใจใยดีอีก
ซือคงอวี้รู้ดี ถ้าเขาฆ่าอาเธอร์ทิ้ง เหลิ่งรั่วปิงต้องไม่มีวันให้อภัยเขาตลอดชีวิตแน่ หรือต่อให้เธอจะยกโทษก็ไม่มีวันกลับมาอยู่เคียงข้างเขา
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี มีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองไปทั่วทุกมุมโลก ทุกครอบครัวพากันจุดพลุ เพื่อเฉลิมฉลองต้อนรับเทศกาล แต่ในวิหารกลับยังคงเป็นเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน บรรยากาศอึมครึม ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลด้วยความสุขนี้ วิหารซีหลิงดูเย็นยะเยือกและมืดมนมากยิ่งขึ้น
ซือคงอวี้นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ทองคำของเจ้าวิหารเพียงลำพัง เขาหลับตาลงช้าๆ เงียบราวกับนอนหลับ เพียงแต่ระหว่างคิ้วของเขาขมวดเป็นปม เผยอารมณ์ของเขาออกมา หัวใจของเขาไม่ได้นิ่งสงบเหมือนสีหน้าของเขา
ถูกต้อง ในใจของเขาไม่นิ่งสงบแม้แต่น้อย ด้านในอัดแน่นด้วยคลื่นทะเลที่ซับซ้อน เขารักเหลิ่งรั่วปิงมาก และเกลียดเธอมากเหมือนกัน เขาเฝ้าดูแลเธอมานานกว่าหกปี ให้สัญญากับเธอด้วยความหนักแน่น ไม่กลัวที่จะล้มล้างกฎเกณฑ์ของวิหารที่สืบทอดกันมานับพันปี ไม่ลังเลที่จะต่อต้านราชวงศ์ เพื่อที่จะแต่งงานกับเธอ แต่เธอกลับเอาแต่หักหลังเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายยังทิ้งเขาไป ผู้หญิงแบบนี้ ไม่ควรค่าให้เขารัก แต่เขากลับรักเธอสุดหัวใจ ผู้หญิงแบบนี้ ไม่คู่ควรให้เขาตามหา ทว่าเขากลับไม่อาจล้มเลิกการตามหาเธอได้
ตอนแรกที่ได้รู้ว่าเธอไปจากเขา เขาโมโห เคียดแค้น อยากจะลากตัวเธอกลับมาแล้วลงโทษให้สาสม แต่หลังจากผ่านการตามหาที่แสนยากลำบากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ทำให้ความโมโหของเขาหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ความทุกข์ทรมาน ขอเพียงเธอกลับมา เขาจะมอบความรักที่ดีที่สุดให้กับเธอ คำสัญญาของเขาไม่มีวันเปลี่ยน
“เจ้าวิหารครับ” หมาป่าสีเทาเดินเข้ามาจากนอกวิหาร โน้มตัวลงด้วยความเคารพแล้วร้องเรียกเสียงเบา
ซือคงอวี้ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาฟีนิกซ์ของเขาฉายลำแสงเย็นยะเยือกออกมา เสียงของเขาเย็นเฉียบไร้ซึ่งอุณหภูมิ “มีเรื่องอะไร”
“ข้อมูลของฉู่หนิงซยารวบรวมเรียบร้อยแล้วครับ เชิญเจ้าวิหารดูครับ”
ซือคงอวี้นั่งตัวตรง “เอาขึ้นมา”
ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวลือช่วงที่ผ่านมานี้ บอกว่าหนานกงเยี่ยมีคนรักใหม่ เขาคงไม่มีวันสังเกตเห็นฉู่หนิงซยา ต่อให้เธอนอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทราไปนานกว่าสามสิบปีแล้วฟื้นขึ้นมา ถือเป็นปาฏิหาริย์ครั้งยิ่งใหญ่ ก็ไม่ทำให้เขาสนใจแม้แต่น้อย แต่การที่เธอกลายเป็นผู้หญิงคนใหม่ของหนานกงเยี่ยมันไม่เหมือนกันแล้ว ตอนนั้นหนานกงเยี่ยทำทุกอย่างแทบเป็นแทบตายเพื่อรั้งเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเขาให้ใจเธอไปแล้ว ผู้ชายเหี้ยมโหดไม่มีหัวใจเวลาที่ไม่หวั่นไหวก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าหวั่นไหวหลงรักใครไปแล้วก็คือการทำลายล้าง หนานกงเยี่ยไม่มีวันสนใจคนอื่นในระยะเวลาสั้นๆ อย่างแน่นอน เช่นนั้นฉู่หนิงซยาต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิงแน่ๆ
ดังนั้น เขาจึงสั่งให้คนไปเมืองหลงเพื่อสืบเรื่องของฉู่หนิงซยา เขาต้องการเห็นรูปถ่ายของเธอด้วยตาตนเอง
หมาป่าสีเทาเดินขึ้นไปบนขั้นบันไดด้วยความเคารพ จากนั้นใช้สองมือยื่นเอกสารให้กับซือคงอวี้ แล้วก้าวถอยหลังลงจากบันไดด้วยความนอบน้อม ยืนด้านข้าง
ซือคงอวี้ฉีกซองเอกสารทิ้งอย่างอดใจรอไม่ไหว เขาหยิบเอกสารออกมาจนหมด แล้วเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว ตอนที่เห็นรูปถ่ายของฉู่หนิงซยา แววตาของเขาเริ่มสั่นเทา ความรู้สึกมากมายซับซ้อนไปหมด ทั้งดีใจ โมโห เจ็บปวด ความรู้สึกมากมายเกี่ยวพันเข้าด้วยกัน ราวกับเส้นไหมชุบน้ำที่พันกันยุ่งเหยิง ทรมานมาก แต่ทำอย่างไรก็ฉีกไม่ขาด
คือเธอ คือเธอ! เขารักเธอมานานหกปี ทุ่มเทความรู้สึกทั้งหมดให้กับเธอ เขาไม่ได้มองเพียงแค่หน้าตาของเธอแล้ว แต่มองลึกเข้าไปถึงกระดูก ต่อให้เธอเปลี่ยนหน้าเป็นจางหนิงซยาหรือหลี่หนิงซยา เขาเพียงแค่มองแวบหนึ่งก็จำเหลิ่งรั่วปิงได้แล้ว
เขาดีใจ เพราะในที่สุดก็เจอตัวเธอ ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับความคลุมเครืออีกต่อไปแล้ว
เขาโกรธ เพราะเธอกลับไปหาหนานกงเยี่ย หนานกงเยี่ยทำร้ายจิตใจเธอถึงขั้นนั้น แต่เธอยังคงกลับไปหาเขา เป็นเพราะรักไปแล้วเหรอ หึ!
เขาเจ็บปวด เพราะเขารักเธอมากขนาดนี้ แต่เธอกลับไร้ซึ่งเยื่อใย
เขาเคยบอก เธอถูกกำหนดให้เป็นผู้หญิงของเขา ถ้าเธอกล้าหนี ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกเขาก็จะลากตัวเธอกลับมา!