ตอนที่ 209 ลงมือ!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลังจากที่อู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยพาทีมออกไปจากห้องอาหารอย่างเงียบเชียบ ฉีหลงก็เขยิบเข้าไปใกล้หลิงหลานและพูดว่า “ลูกพี่ ต่อไปพวกเราจะทำอะไร?”

เขาได้ยินคำพูดของหลิงหลานที่ว่าควบคุมยานบินทั้งลำได้อย่างชัดเจนจากความสามารถของเขา แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพราะหลิงหลานไม่มีความคิดอยากจะปกปิดเขาด้วย การตัดสินใจเช่นนี้ของหลิงหลานทำให้ฉีหลงรู้สึกตื่นเต้นฮึกเหิมเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ

นี่ก็คือลูกพี่ของเขา กล้าทำเรื่องที่คนอื่นไม่กล้าทำตลอดกาล! ในใจฉีหลงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ!

“ต้องให้นายรักษาการณ์ที่นี่ พยายามช่วยพวกเราถ่วงเวลาเท่าที่จะทำได้ ดึงดูดความสนใจของลูกเรือในยานบินเข้าไว้” หลิงหลานสั่งเสียงเบา ภารกิจของฉีหลงสำคัญมาก เนื่องจากตามแผนการของเธอแล้ว ทางที่ดีที่สุดคือให้ฉีหลงล่อกัปตันออกมาจากห้องกัปตันที่เขานั่งรักษาการณ์อยู่ตลอด

“อีกเดี๋ยว ให้ลั่วล่างลงมือช่วยเผิงเจียเหยียนก่อน! นายคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ รอคำสั่งสุดท้ายของฉัน!” สีหน้าของหลิงหลานเคร่งขรึมจริงจังมาก การปฏิบัติการทางฝั่งพวกเขาจะราบรื่นหรือไม่นั้น เกี่ยวพันกับสถานการณ์ของฝั่งฉีหลงอย่างยิ่ง ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นเท่านั้น

“เข้าใจแล้ว ลูกพี่!” ฉีหลงตอบกลับด้วยความระมัดระวัง

“เซี่ยอี๋!”

“อยู่นี่ ลูกพี่!” เซี่ยอี๋รีบตอบกลับมา

“ตอนที่ลั่วล่างดึงดูดความสนใจของทุกคน นายรีบให้นักเรียนห้องเอกับห้องบีในห้องอาหารกลับไปที่ห้องโถงทันที จำไว้ว่าการเคลื่อนไหวต้องเป็นความลับ ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเคลื่อนไหวและก็อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามด้วย!”

การปฏิบัติการของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่ขั้นตอนเยอะแยะ หากแต่อยู่ที่ความละเอียดละออ นอกจากนี้หลิงหลานไม่อยากให้นักเรียนที่ห้องอาหารออกไปเป็นจำนวนมากทันที นี่จะทำให้พวกลูกเรือสงสัยขึ้นมาได้

“เข้าใจแล้ว ลูกพี่” เซี่ยอี๋ตอบด้วยความเคร่งเครียดอยู่บ้าง คำขอของหลิงหลานไม่ง่ายเลย การปฏิบัติการของเขายากลำบากอย่างยิ่งยวดแน่นอน อย่างไรก็ตาม เซี่ยอี๋ไม่อยากให้หลิงหลานผิดหวัง

หลังจากที่สั่งการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิงหลานก็พาหลินจงชิงกับหานจี้จวินออกไปจากห้องอาหารและมาที่ห้องโถงอย่างเงียบเชียบ

ตอนนี้มีลูกเสือจากสถาบันศูนย์กลางลูกเสือมารวมกลุ่มกันในห้องโถงไม่น้อยแล้ว พวกเขาแทบจะเป็นคนของห้องเอและห้องบีทั้งหมด ดูท่าอู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยจะปฏิบัติการด้วยความกระตือรือร้นในตอนที่เธอเตรียมการให้พวกฉีหลง

เมื่อนักเรียนเหล่านี้เห็นหลิงหลานปรากฏตัวก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ตอนที่อู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยเรียกพวกเขาเมื่อสักครู่นี้ก็บอกพวกเขาว่า วันนี้ลูกพี่หลานจะพาพวกเขาเล่นสนุกครั้งใหญ่

ทุกคนต่างครุ่นคิดกันว่าเล่นสนุกครั้งใหญ่นี้คืออะไร มีคนมากมายเดาว่าจะเหมือนกับการต่อสู้ประจัญบานหรือเปล่า ประกาศสงครามกับลูกทีมของที่นี่อย่างเปิดเผย เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ทุกคนก็เลือดร้อนขึ้นมา นับตั้งแต่จบการต่อสู้ประจัญบาน พวกเขาก็ไม่ได้สัมผัสเหตุการณ์ที่เลือดร้อนเช่นนี้อีกเลย ทำให้พวกเขาคิดถึงอย่างหาใดเปรียบ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อกัปตันรวมถึงพวกลูกเรือของยานบินลำนี้เลย ถึงขนาดที่พูดได้ว่า เกลียดชังอย่างมาก ดังนั้นถ้าหากได้ต่อสู้อย่างรุนแรงดุเดือดกับพวกลูกเรือสักยก พวกเขาก็ยินดียอมรับความยากลำบากยอมเจ็บปวดทรมาน

เวลานี้อู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยต่างยึดตำแหน่งกันคนละมุม ข้างกายพวกเขาก็มีคนรวมกลุ่มกันไม่น้อย เมื่อพวกเขาเห็นหลิงหลานมาก็พยักหน้าอย่างเงียบกริบ ส่งสัญญาณลับๆ ว่าพวกเขาเตรียมการเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลิงหลานไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีอะไร หากแต่เดินกลับไปนั่งลงบนที่นั่งของเธอ ในขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง “ดูการแสดงกันก่อนเถอะ!”

ในตอนที่ทุกคนกำลังนั่งลงอย่างงุนงงนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังออกมาจากฝั่งห้องอาหาร รวมถึงเสียงเกรี้ยวกราดของเหล่าลูกเรือ จากนั้นก็เห็นนักเรียนของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือคนหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ตะโกนด้วยสีหน้าประหลาดใจระคนยินดีว่า “ลั่วล่างลงมือแล้ว!”

การลงมือของลั่วล่างหมายความว่าเป็นการตัดสินใจของหลิงหลาน ราชาไร้มงกุฎของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ เขาไม่ได้ก้มหัวให้ฝ่ายตรงข้าม หากแต่ยินดีต่อสู้อย่างห้าวหาญเหมือนกับการต่อสู้ประจัญบานในตอนนั้น ต่อให้ต้องพ่ายแพ้ยับเยินก็จะไม่ก้มหัวเด็ดขาด

ทุกคนจ้องมองหลิงหลานที่นั่งอยู่บนที่นั่งด้วยใบหน้าตื่นเต้น รอคอยคำสั่งของเขา

“รออีกเดี๋ยว!” หลิงหลานมองอุปกรณ์สื่อสารในมือและกล่าวอย่างเยือกเย็น

ในขณะนี้เอง ลูกเสือห้องเอหลายคนทยอยกันออกมาจากในห้องอาหาร เมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์ในห้องโถง แววตาก็ฉายความประหลาดใจแกมยินดีขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่พวกเขายังจดจำคำเตือนของเซี่ยอี๋ได้ พวกเขาเดินไปที่ข้างกายหลิงหลานตามใจชอบ หาเก้าอี้นวมว่างๆ สักตัวแล้วนั่งลงไปด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าพวกเขาไม่รู้จักกันเลย หรือว่าไม่มีความสนิทสนมอะไร ต่างฝ่ายต่างเย็นชามาก

เวลานี้หลิงหลานดูเหมือนผ่อนคลายสบายใจ แต่ความจริงแล้วเธอกำลังรวบรวมสถานการณ์ของยานบินทั้งลำกับเสี่ยวซื่อด้วยความเคร่งเครียด เสี่ยวซื่อยอดเยี่ยมมาก เขาแทรกซึมเข้าไปในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักสำเร็จแล้ว และอาศัยออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักสอดแนมสถานการณ์ทั่วทั้งยานบิน หลังจากนั้นก็ระบุเขตพื้นอันตรายรวมถึงสถานที่ที่ลูกเรือรวมกลุ่มกันออกมา เพื่อเปิดทางให้หลิงหลานดำเนินการต่อไปได้โดยสะดวก

ในตอนนี้เอง แทบจะทุกคนบนยานบินต่างเพ่งความสนใจไปที่ห้องอาหาร ต่อให้เป็นกัปตันที่อยู่ในห้องกัปตันก็ให้ความสนใจตรงห้องอาหารเช่นเดียวกัน เขาเพียงแต่สังเกตการณ์นักเรียนในห้องโถงเป็นครั้งคราวโดยที่ขบคิดน้อยมากๆ

อย่างไรก็ตาม ภาพวิดีโอที่กัปตันเห็นในตอนนี้เป็นภาพที่เสี่ยวซื่อจำลองออกมา มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในห้องโถง นอกจากนี้คนในห้องโถงที่บางตานั้นก็อยู่กันอย่างกระจัดกระจายทั่วทั้งห้องโถง ไม่ได้รวมกลุ่มกันเหมือนกับความเป็นจริง

และคนที่หายไปก็ถูกเสี่ยวซื่อวางไว้ในห้องอาหาร เข้าหนึ่งออกหนึ่ง เพิ่มขึ้นหนึ่ง ลดลงหนึ่งเช่นนี้เอง ปกปิดความเป็นจริงในห้องโถงได้สำเร็จ

ผู้คนมารวมกลุ่มกันที่ข้างกายหลิงหลานได้หลายร้อยคนอย่างรวดเร็ว และในที่สุดหลิงหลานก็ให้เสี่ยวซื่อส่งข้อความบอกให้ฉีหลงลงมือ!

………….

เดิมทีทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกันอยู่ภายในห้องอาหาร แต่เนื่องจากการลงมือของลั่วล่างจึงทำลายความสงบเงียบไป พวกลูกเรือต่างโกรธเกรี้ยวเนื่องจากความอับอาย คิดจะเข้าไปรวมกลุ่มทุบตี แต่ลั่วล่างคือใคร? เขาเป็นบุคคลที่นั่งตำแหน่งอันดับสามที่ใกล้จะได้อันดับสองในห้องเอนะ (ไม่นับหลิงหลาน) ถึงแม้ว่าความสามารถของเขาจะด้อยกว่าฉีหลงอยู่บ้าง แต่ไม่ได้แตกต่างจากอู่จย่งเท่าไหร่นัก ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะการต่อสู้ของอู่จย่งข่มเขาอยู่นิดหน่อยละก็ เขาก็ไม่มีทางกลายเป็นอันดับสามของสถาบันอย่างคับข้องใจหรอก

เมื่อลั่วล่างอัดลูกเรือกลุ่มที่สามที่พยายามสั่งสอนเขากลับไปแล้ว ลั่วล่างก็รู้สึกว่ากินแรงเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ความสามารถของลูกเรือต่างแข็งแกร่งมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาอยากจะคุมตัวเขาไว้ ไม่อยากทำให้เขาบาดเจ็บละก็ เกรงว่าเขาคงไม่สามารถอัดลูกเรือสามกลุ่มแรกจนถอยกลับไปได้อย่างราบรื่น

“ชิ! ถูกสาวน้อยอัดจนพ่ายแพ้ พวกนายมันน่าขายหน้าจริงๆ!” หลังจากเสียงนี้หน้าประตูห้องอาหารก็ปรากฎร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีทรงผมทันสมัย สีหน้าของเขาดูยั่วยุเล็กน้อย จ้องมองไปที่ตัวลั่วล่างอย่างปรารถนาด้วยแววตาดูค่อนข้างโฉดชั่ว ทำให้ลั่วล่างรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง

พวกลูกเรือเห็นชายหนุ่มปรากฏตัวก็ร้องเรียกเป็นเสียงเดียวกันว่า “หัวหน้า!” ไม่นึกเลยว่าลูกเรือที่ดูเหมือนมีอายุน้อยที่สุดคนนี้จะเป็นหัวหน้าของพวกเขา ลั่งล่างกับฉีหลงที่เฝ้ารักษาการณ์ขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ระมัดระวังตัวขึ้นในใจ

“จุ๊ๆๆ ไม่นึกเลยว่ายังมีของชั้นหนึ่งแบบนี้ด้วย ไม่สู้คืนนี้มาอุ่นเตียงให้ฉันดีไหม” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างมักมาก ราวกับพบของดีอะไรบางอย่าง

“หุบปากนะ ไอ้เวร!” คำพูดที่แฝงไปด้วยการดูหมิ่นของอีกฝ่ายทำให้ลั่วล่างตวาดด้วยความเกรี้ยวกราด บันดาลโทสะจนดวงหน้างดงามขึ้นสีแดงระเรื่อ

แต่หน้าตาโกรธเคืองนี้กลับทำให้เขาดูสวยงามเฉิดฉายมากยิ่งขึ้น! ภาพอันงดงามนี้ทำให้ลูกเรือที่อยู่ที่นี่ต่างมองด้วยความตกตะลึง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขามีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวมั่นคงละก็ เกรงว่าพวกเขาคงจะถูกลั่วล่างล่อลวงจิตใจไปแล้วจริงๆ

แววตาของชายหนุ่มเปล่งประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง ทว่ามุมปากยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มหยอกล้อว่า “ให้ฉันหุบปาก? นั่นเป็นคำเชิญให้ฉันลงมือนะ?” เขากล่าวจบก็พุ่งเข้ามา นิ้วมือยื่นไปที่คางของลั่วล่าง พูดได้ว่าเป็นการโจมตี และก็พูดได้ว่าเป็นการพยายามแทะโลม

การกระทำของอีกฝ่ายทำให้ลั่วล่างยิ่งขุ่นเคืองใจมากขึ้น เขาขวางนิ้วมือของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันก็เตะขาขวาใส่อีกฝ่ายอย่างดุดัน

“ปัง!” ฝ่ายตรงข้ามตอบสนองรวดเร็วมาก เขายื่นขาออกมาขวางไว้เช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็ถอยหลังสองก้าวพร้อมกัน ดูเหมือนกับว่าฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกัน เหล่านักเรียนลูกเสือชูมือร้องเชียร์ลั่วล่างที่ทำการโต้กลับอย่างยอดเยี่ยม มีเพียงฉีหลงเท่านั้นที่ขมวดคิ้วอีกครั้ง เนื่องจากเขารู้ดีว่า ความสามารถของอีกฝ่ายน่าจะเหนือกว่าเล็กน้อย คราวนี้ลั่วล่างต่อสู้ลำบากแล้ว

ลั่วล่างก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน ความโกรธเกรี้ยวในใจที่เดิมทีพุ่งขึ้นสูงได้หายไปในชั่วพริบตา ทั่วทั้งร่างเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและเคร่งขรึม ความสามารถในการปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วเช่นนี้ทำให้แววตาของชายหนุ่มเปล่งประกาย ในใจลอบรู้สึกประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าเด็กหนุ่มที่คล้ายคลึงกับเด็กผู้หญิงคนนี้จะเชี่ยวชาญด้านการควบคุมอารมณ์อย่างยิ่ง เมื่อสักครู่นี้โทสะยังพวยพุ่ง พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นเฉยชา ทักษะการควบคุมที่คล่องแคล่วเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกอิจฉาอย่างยิ่งยวดเช่นกัน ควรรู้เอาไว้ว่า อารมณ์ที่พุ่งขึ้นลงไม่มั่นคงจะส่งผลกระทบต่อการแสดงความสามารถในตอนสุดท้ายได้ อาจจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมาก แต่ก็มีความเป็นไปได้มากกว่าว่าจะอ่อนแอลง

“ไอ้หมอนี่!” คิ้วของฉีหลงที่เดิมทีขมวดเข้าหากันเล็กน้อยได้คลายออก เขานึกไม่ถึงเลยว่าลั่วล่างจะกล้าขนาดนี้ เปิดใช้งานพรสวรรค์ของตัวเอง ควรรู้เอาไว้ว่าพรสวรรค์ของลั่วล่างอันตรายมาก มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเปิดใช้บุคลิกด้านมืด มันเป็นพรสวรรค์ที่ไม่มั่นคง โดยปกติแล้วเขาจะไม่เปิดใช้เด็ดขาด

เกรงว่าภารกิจที่ลูกพี่หลานมอบหมายมาจะทำให้ลั่วล่างรู้สึกกดดันอย่างมหาศาล กอปรกับคู่ต่อสู้ที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าเขา เขาไม่ยอมแพ้อยู่ตรงนี้จึงตัดสินใจเสี่ยงเปิดใช้งานพรสวรรค์เตรียมตัวเดิมพันสักครั้ง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันนี้โชคของลั่วล่างดีอย่างยิ่ง บุคลิกที่เขาเปิดใช้คือบุคลิกเยือกเย็นสุดขีดซึ่งเหมาะกับการต่อสู้มาก นี่ทำให้กำลังรบของลั่วล่างพุ่งทะยานสูงขึ้น เวลานี้ต่อให้เป็นฉีหลงก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะลั่วล่างในบุคลิกนี้ได้

ลั่วล่างปะทะกับชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าอีกกระบวนท่า คราวนี้ลั่วล่างยังคงถอยหลังสองเก้า แต่ชายหนุ่มที่เป้นหัวหน้ากลับถอยหลังติดกันสี่ก้าว นี่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ตั้งแต่ที่แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันเมื่อสักครู่นี้ เขาก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าจู่ๆ ความสามารถของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากขึ้น เด็กหนุ่มที่เดิมทีอ่อนแอกว่าเขาเล็กน้อยเปลี่ยนมาเป็นแข็งแกร่งกว่าเขานิดหน่อย เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว

“นี่มันปีศาจอัจฉริยะอะไรเนี่ย!” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าอดลอบพึมพำกับตัวเองไม่ได้ ควรรู้เอาไว้ว่าเขาถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะมาตลอด ดังนั้นถึงได้เข้าสู่จุดสูงสุดของระดับขัดเกลาอย่างสมบูรณ์ด้วยอายุเท่านี้ ขาดการรู้แจ้งและจังหวะอีกนิดเดียวเท่านั้นก็สามารถเข้าสู่ระดับพลังปราณได้แล้ว แต่เดิมความสามารถของอีกฝ่ายอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับขัดเกลา ทว่าจู่ๆก็เข้าสู่ระดับพลังปราณครึ่งเก้าได้ในทันที…ใช่แล้ว ระดับนี้เข้าใกล้ระดับพลังปราณมากกว่าจุดสูงสุดของระดับขัดเกลาอย่างสมบูรณ์ เขาคิดว่ามันเป็นในระดับในตำนาน ไม่นึกเลยว่าจะมีตัวตนอยู่จริงๆ นอกจากนี้เขายังเจอมันด้วย

กัปตันที่อยู่ภายในห้องกัปตันมองดูการต่อสู้กันระหว่างชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากับลั่วล่าง ดวงตาเขาพลันส่องประกายขึ้น “ดี ถึงไอ้หนูนี่ดูจะเหมือนผู้หญิง แต่พลังที่ระเบิดออกมาน่ากลัวอย่างน่าประหลาด คราวนี้เสี่ยวกุ่ยเจอคู่ต่อสู้แล้ว”

ในตอนที่เขากล่าวคำพูดประโยคนี้ ลั่วล่างกับชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าก็ได้ปะทะกันอีกหลายกระบวนท่า เวลานี้การรับมือของหัวหน้าเปลี่ยนเป็นกินแรงอยู่บ้าง ทุกคนต่างมองออกว่าคนที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบคือชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้า ความเป็นจริงข้อนี้ทำให้ลูกเรือที่อยู่ที่นี่ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย…

เวลานี้เอง ฉีหลงก็ได้รับข้อความจากหลิงหลาน “ลงมือ!”

ฉีหลงพุ่งออกไปฉับพลันโดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว เขาปล่อยหมัดขวาตรงเข้าโจมตีใส่ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการขัดขวางการโจมตีของลั่วล่าง