บทที่ 181 การใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้า![รีไรท์]
เส้นไหมวิญญาณจำนวนมหาศาลได้เข้าไปอัดกันอยู่ในเตาหลอมอย่างแน่นหนา สีหน้าของฉู่ชวิ๋นไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจในความยากลำบากในเวลานี้ หากประมาทไปเพียงนิดเดียว ก็ไม่ต้องพูดถึงเตาหลอมเลย เพราะการปรุงยาครั้งนี้จะล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ทันที อีกเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น เขาจะต้องไปยังสำนักสวรรค์ฟ้า เขาเหลือเวลาไม่มากอีกแล้ว เพราะงั้นเขาไม่สามารถที่จะล้มเหลวได้
ดังนั้น การปรุงยาครั้งนี้จะต้องประสบความสำเร็จจะเกิดล้มเหลวไม่ได้อันเป็นอันขาด
แกร๊ก แกร๊ก……!
รอยแตกทั้งหมดของเตาหลอมแผ่กระจายออกไป ถ้ามันไม่ได้ถูกพันไว้ด้วยเส้นไหมวิญญาณ มันคงแตกไปแล้ว!!!
เก้ามังกรเพลิงสุริยันสามารถเผาผลาญได้ทั้งโลก แน่นอนว่ามันเกินจริงไปบ้างแต่เก้ามังกรเพลิงสุริยันนั้นก็น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสร้างจากหินวิญญาณแม้จะเป็นของปลอมก็ตามพลังของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แกร๊ก…! แกร๊ก…!
เสียงแตกหักจำนวนมาก ทำให้ใบหน้าของฉู่ชวิ๋นเคร่งขรึมมากขึ้น แม้ว่าสารสกัดเหล่านี้จะถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวยังมีแรงต้านกันอยู่ แถมเตาหลอมเองก็เป็นอาวุธวิญญาณ แต่รอยร้าวนั้นลามมากเกินไปและกำลังจะระเบิดตอนนี้พลังของเส้นไหมวิญญาณอาจเอาไม่อยู่แล้ว
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ มังกรไฟนับร้อยกำลังครอบคลุมและเผาด้านนอกของเตาหลอม แรงต้านที่น่ากลัวเหล่านี้กำลังรวมเข้าด้วยกัน และแม้กระทั่งเส้นไหมวิญญาณยังแตกออกจากกันหลายครั้ง
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นและสร้างเส้นไหมวิญญาณหลายต่อหลายครั้ง
แกร๊ก!
เตาหลอมเริ่มที่จะเเตกออกเป็นชิ้นๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเส้นไหมวิญญาณมันคงแตกกระจุยไปแล้ว ในเวลานั้นเองเสียงแตกมากมายก็ดังขึ้น
แกร๊ก! แกร๊ก!
สารสกัดสองหยดในเตาหลอมได้ระเหยกลายเป็นไอสีแดงสดราวโลหิต จากนั้นพวกมันก็ถูกเผาไหม้จนไม่เหลือซากโดยมังกรไฟ
ใบหน้าของฉู่ชวิ๋นปรากฏความขุ่นเคือง และยาสีแดงสองเม็ดถูกทำลายไปแล้วในตอนนี้ เหลือเพียงสิบแปดเม็ดเท่านั้น
แกร๊ก…!
ฉู่ชวิ๋นไม่ปรานีอีกต่อไป เส้นไหมวิญญาณผืนหนาปรากฏขึ้นระหว่างมือทั้งสองของเขา คราวนี้มีมากถึงหลายหมื่นเส้น เขาเริ่มพันรอบเตาหลอมและห่อหุ้มปิดตายมันทันที
เส้นไหมวิญญาณเกิดขึ้นจากการกลั่นธาตุบริสุทธิ์ ยิ่งด้วยจำนวนมากเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของฉู่ชวิ๋นซีดเซียวลงแล้ว
ต่อมา ฉู่ชวิ๋นได้ใช้พลังวิญญาณหนึ่งแสนสองหมื่นจุด ในขณะที่กำลังเพิ่มเส้นไหมวิญญาณพร้อมกับที่ควบคุมไฟไปด้วย
มันเป็นแบบนี้ไปอีกสามวัน ฉู่ชวิ๋นหน้าแดงมาก ดวงตาของเขาแดงก่ำ ริมฝีปากแห้งเหือด เหงื่อของเขาสลับแห้งและเปียกไปมา เสื้อผ้าของเขายับย่นและอึดอัดมาก
แต่ตอนนี้เขายังอยู่ภายในกระบวนการเผาไหม้ของเก้ามังกรเพลิงสุริยัน เป็นเขตสุญญากาศที่ซึ่งไม่มีร่องรอยของกระแสลมเลยแม้แต่น้อยฉู่ชวิ๋นทำได้เพียงแค่กัดฟันและยืนหยัดต่อไป
ผ่านไปอีกสามวันสารสกัดในเตาหลอมเริ่มแข็งตัวกลายเป็นยาอายุวัฒนะ มีสีแดงฉานและเปล่งประกายแวววาว แต่มันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ มันน่าเสียดายที่เหลือเพียงสิบห้าเม็ด เพราะอีกสามเม็ดถูกทำลายระหว่างกระบวนการปรุงยา
ฉู่ชวิ๋นยิ่งรู้สึกอับอายกว่าเดิม ดวงตาสีขาวของเขาปกคลุมไปด้วยสีแดงก่ำ ริมฝีปากของเขาเป็นแผลพุพอง เบ้าตาของเขาทรุดโทรม แก้มของเขาซูตอบ ใบหน้าซีดเซียว เสื้อผ้าเต็มไปด้วยเหงื่อแต่แล้วเปลวเพลิงก็ลุกลามอีกครา ทำให้เขาต้องเร่งการปรุงยา
ตู้มม ตู้มม…!
เสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งและเส้นไหมวิญญาณก็ได้ถูกทำลายลง
ฉู่ชวิ๋นเอาหยกโบราณ สองถึงสามชิ้นออกมาจากแหวนมิติ ดึงพลังลมปราณบาง ๆ ออกมาใช้แล้วเปลี่ยนเป็นเส้นไหมวิญญาณเพื่อป้องกันรอยแตก หินวิญญาณปลอมที่เขานำมาถูกใช้ไปจนหมดไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนนี้เขาใช้ได้เพียงแค่หยกโบราณในการสนับสนุนเท่านั้น
ในวันนี้ ประกายแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นภายในเตาหลอมพุ่งตรงไปยังท้องฟ้า หากไม่มีเขตแดนที่เขากางไว้รอบภูเขามันสามารถมองเห็นได้จากที่ห่างออกไปถึงร้อยไมล์เลยทีเดียว
ในตอนนี้ได้ผ่านไปสิบวันแล้ว
ฉู่ชวิ๋นอ่อนล้าเกินไป ร่างกายของเขาผอมแห้งแต่ไม่ถึงกับเห็นกระดูกดั่งคนวัยชรา แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แขนและมือของเขานั้นแห้งและแตกระแหงเป็นช่องเปิดนับไม่ถ้วน เลือดมากมายตกสะเก็ดปกคลุมไปทั่วทั้งแขนของเขาอย่างน่าหวาดกลัว
ตัวเขาสั่นระริกไปทั้งร่างจนต้องคุกเข่าลงครึ่งตัว เส้นไหมวิญญาณเองก็เริ่มสูญเสียการควบคุม มันค่อยๆ น้อยลงไปเรื่อย ๆ และเก้ามังกรเพลิงสุริยันเองก็หยุดลงแล้วเช่นกัน ในขณะที่เส้นไหมวิญญาณหายไปเตาหลอมก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จำนวนหลายร้อยชิ้น!
ในขณะเดียวกัน ยาอายุวัฒนะทั้งสิบห้าเม็ดก็กระจายไปตามแรงลม ลอยอยู่ในอากาศและหมุนไปรอบ ๆ
ฉู่ชวิ๋นพยายามที่จะยืนขึ้น เขากัดฟันและใช้พลังเฮือกสุดท้ายภายในร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นเส้นไหมวิญญาณให้ห่อหุ้มเม็ดยาแล้วส่งเข้ามาในปากของเขาก่อนจะล้มลง
ตู้มม!
แม้ไม่อาจเทียบเท่าเก้ามังกรเพลิงสุริยันได้ แต่พลังลมปราณก็แพร่กระจายไปรอบภูเขาเฉียนหลง ฉู่ชวิ๋นซึมซับพลังรอบตัวและซึมซับยาอายุวัฒนะที่กำลังปะทุขึ้นภายในร่างกายของเขาในเวลาเดียวกัน
ตอนนี้ จิตวิญญาณของภูเขาเฉียนหลงทั้งหมดปั่นป่วนและรวมตัวกันวิ่งเข้าหาฉู่ชวิ๋นเหมือนพายุทอร์นาโดแล้วเจาะเข้ากลางหน้าผากของเขา
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างกายของฉู่ชวิ๋นก็ขยายตัวขึ้น ผิวที่แห้งกร้านของเขาเริ่มอิ่มเอิบ ผิวพรรณกลับมาเปล่งประกายราวกับคริสตัลอีกครั้ง
ในอีกสองชั่วโมงต่อมา ฉู่ชวิ๋นมีแสงประกายสีแดงอยู่รอบตัวและไอสีขาวที่พุ่งไปในอากาศเหมือน มีเสียงโซ่ดังตามลมหายใจของเขาดังขึ้นๆ จนเกิดเสียงระเบิด!! หากใครได้เห็นร่างกายของเขาอาจจะช็อกได้ แขนขาและกระดูกที่กำลังเปล่งประกายแสงบาง ๆ อวัยวะทั้งห้าและอวัยวะทั้งหกดังก้อง
เสียงสะท้อนจากรูทวารทั้งเก้า รวมถึงชีพจรหัวใจ หัวใจที่เต้นเหมือนเสียงกลองและกระดูกที่กำลังเปล่งประกายเงาสีขาวใส
ผ่านมาจนถึงเช้าวันถัดไป แสงยามเช้าส่องสว่าง ชั้นเมฆปกคลุมเหนือทุกสิ่งบนโลก
ฉู่ชวิ๋นลืมตาขึ้นในขณะที่ดวงตาเขากึ่งเปิดกึ่งปิด เขามองเห็นคฤหาสน์สีทองที่บางกว่าสิบนิ้วอยู่ภายในดวงตาของเขา ฉู่ชวิ๋นยืนขึ้น การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของเขาทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของอากาศโดยรอบจนอากาศแหวกออกจากกัน
“ทะลวงผ่านขั้นสร้างรากฐานแล้ว!!!”
ฉู่ชวิ๋นบ่นพึมพำ เพราะเส้นไหมวิญญาณที่ทั้งหนาและบางและด้วยความช่วยเหลือของยาอายุวัฒนะ เขาได้ทะลวงผ่านขอบเขตจากขั้นกลางของขั้นสร้างรากฐานจนเข้าสู่ขั้นต่อมา
ตู้มม!
เพียงแค่ฉู่ชวิ๋นสะบัดมือพลังธาตุบริสุทธิ์ก็แพร่ขยายออกไปเป็นระเบิดลูกโซ่ ผ่านไปจนถึงด้านบนของเนินเขาที่อยู่ข้างภูเขาเฉียนหลงจนเกิดการระเบิดและพังทลายลงมาทันที
ฉู่ชวิ๋นดึงมือของเขากลับมา เปลือกตาของเขาหลุบต่ำลงปกคลุมคฤหาสน์สีทองในดวงตาและกระซิบกับตัวเอง “สำนักสวรรค์ฟ้า หลิวเซียงหรู รอฉันก่อนเถอะ” ฉู่ชวิ๋นคว้ายาอายุวัฒนะในอากาศ เขาหยิบชุดสูทออกมาแล้วออกจากภูเขาเฉียนหลงทันที
เมื่อเขาเดินทางลงภูเขา เขาเป็นเหมือนลำแสงที่พุ่งออกไปเร็วเท่าความคิดตอนนี้ความเร็วของเขาเร็วกว่าเสียงถึงสองเท่าและเขามาถึงด้านล่างของภูเขาภายในไม่กี่วินาที
ฉู่ชวิ๋นยิ้มอ่อนเพราะความเร็วที่มากเกินไป ทำให้เกิดแรงเสียดทานระหว่างเสื้อผ้ากับอากาศจนเกิดการเผาไหม้จนเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย ตอนนี้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ดูเหมือนว่าเขาจะสวมได้เพียงแค่เสื้อผ้าสีขาวที่อ๋าวฮ๋วงให้มาเท่านั้น เขาเลยต้องจำยอมใส่มันอีกครั้ง
แต่มันเป็นเครื่องแต่งกายโบราณ แม้ว่ารูปลักษณ์จะไม่เลวนัก แต่มันก็เป็นสไตล์โบราณ มันไม่สะดวกเท่าไหร่นักเมื่อใส่เข้าไปในเมืองและมันจะถูกจับตามองโดยผู้อื่น เขาเลยได้แต่โทรหาหลงอ๋าวและบอกให้พวกเขากลับไปที่ภูเขาเฉียนหลงโดยเร็วที่สุด
ส่วนฉู่ชวิ๋นนั้นเดินทางไปที่หวนยวี่เอนเตอร์เทนเมนต์เพื่อไปพบถางโร้ว
เมื่อมาถึงที่หวนยวี่เอนเตอร์เทนเมนต์แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลับหยุดฉู่ชวิ๋นเอาไว้และมองสำรวจเขาด้วยความระแวดระวัง ดวงตาของเขาเหมือนกับกำลังมองคนบ้าที่ใส่เสื้อจอมยุทธ์สีขาวเดินไปมา
ฉู่ชวิ๋นอธิบายว่าเขามาพบถางโร้ว หรือ ฉินหวนยวี่ แต่ก็ไม่ทันที่จะอธิบายเหตุผลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยก็เริ่มปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับคนบ้าทันที
“อะไรวะคิดมาสิว่านายเป็นองค์ชายอะไร? อยากพบถางโร้วหรอ? เหอะ ก็แค่อยากเจอสาวงามเท่านั้นแหละ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโบกไม้ยางไปมา นั่นเพื่อทำให้กลัวเท่านั้น มันไม่ได้หมายถึงว่าเขาต้องการจะทุบตีจริง ๆ เพราะที่จริงแล้วจุดประสงค์ของพวกเขาคือเพื่อข่มขู่ฉู่ชวิ๋นเพียงเท่านั้น
ฉู่ชวิ๋นพูดไม่ออก แน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการที่จะขายหน้าต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนนี้ ถ้าหากเขาต้องการพบถางโร้วไม่มีใครหยุดเขาได้ เขาคงต้องฝ่าเข้าไปเองจริง ๆ
“นายจะออกไปดี ๆ ไหม? ถ้าไม่ไปฉันจะเรียกตำรวจมาจับนายซะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังข่มขู่ต่อไป
“ดูสิ นี่มันอะไร? นายเอาไปซื้อขนมได้นะ รับไปสิแล้วไปซื้อขนมกินนะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกคนหนึ่งหยิบเงินออกมาและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ฉู่ชวิ๋นเองก็เริ่มรู้สึกไม่ดีที่เขาถูกเข้าใจผิดง่าย ๆ แบบนี้เพียงเพราะเสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่และเขาขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายอะไร ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ประตูหมุนไปมาอย่างนุ่มนวล เป็นสิ่งที่บอกว่ามีใครบางคนเพิ่งผ่านไป
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองนั้นโง่งมไม่เข้าใจว่าคนตัวใหญ่ ๆ คนหนึ่งหายไปภายใต้สายใต้ของพวกเขาได้ยังไง มันทำให้พวกเขาตกตะลึง เป็นไปได้ไหมว่า เขาถูกหลอกในเวลากลางวันแบบนี้? เมื่อคิดแบบนั้น เหงื่อเย็นๆที่หน้าผากก็ไหลออกลงมาอย่างรวดเร็ว ความเย็นวาบแล่นไปทางด้านหลังของศีรษะตามกระดูกสันหลังและผมบนหัวก็ลุกขึ้นทันที!!!