บทที่ 182 ชีวิตนี้ฉันจะรอเขา[รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นขึ้นไปยังชั้นบนสุดนี่เป็นครั้งที่สองที่เขามาที่นี่ ครั้งแรกที่เขามานั้น เขารีบมาด้วยความเร่งรีบ จึงไม่ได้สนใจโครงสร้างของที่นี่มากนัก แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อเขาเลย จิตวิญญาณของเขาแพร่กระจายออกไปเหมือนสายน้ำ เขาอยู่ในช่วงปลายของขั้นสร้างรากฐานแล้วจิตวิญญาณ จึงสามารถครอบคลุมได้ถึงห้าร้อยเมตร ทำให้อาคารทั้งหมดถูกปกคลุมอยู่ภายใต้จิตวิญญาณของเขา
ในชั่วขณะหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ถางโร้วไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของฉินหวนยวี่ทันที
ฉินหวนยวี่เอนกายลงบนเก้าอี้ขนาดใหญ่และนุ่มสบายของบอสใหญ่และเลขาสาวสุดฮอตของเขาก็ช่วยนวดไหล่ของเขาไปด้วย ดวงตาตาของเขาหรี่ลงอย่างสบายใจ
“คุณฉิน น่าสนุกดีนี่” เสียงหยอกล้อดังขึ้นในห้องทำงานหรูหรา และเกิดเป็นเสียงสะท้อนดังก้องกลับมา ชายผู้นั้นรู้สึกหวาดกลัวทันที เขาเกือบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและปิดปากอย่างรวดเร็ว
ฉินหวนยวี่กระโดดโหยงเหยง ใครกล้าเข้ามาโดยไม่เคาะประตู? เขากำลังจะอ้าปากเพื่อจะด่า … แต่เมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างชัดเจน ปากที่เปิดอยู่ก็ค้างทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินหวนยวี่ก็หุบปากของเขาลง พร้อมถูแก้มและหันไปส่งสัญญาณให้เลขาสาวออกไปก่อน
หลังจากที่เลขาของเขาออกไปแล้ว ฉินหวนยวี่ก็ถามขึ้น “คุณกำลังมองหาถางโร้วอยู่ใช่ไหมครับ?” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าและกล่าว “เธอไม่ได้อยู่ในบริษัทสินะ”
“เพลงใหม่ของคุณถางตอนนี้ต้องเริ่มทำ MV แล้วเธอเลยเดินทางไปภูเขาเฉียนหลงเพื่อถ่ายทำครับ” ฉินหวนยวี่พูดออกมา เขากลัวฉู่ชวิ๋นมากจนต้องส่งคนไปคุ้มครองถางโร้วจะได้ไม่ผิดต่อฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเพิ่งลงมาจากภูเขาเฉียนหลง แต่ถางโร้วกลับกำลังไปที่ภูเขาเฉียนหลงเนี่ยนะ?
เมื่อบอกลาฉินหวนยวี่ ฉู่ชวิ๋นก็เดินทางกลับมาที่ภูเขาเฉียนหลงอีกครั้ง
ภูเขาเฉียนหลงรายล้อมไปด้วยเมฆเหมือนภูเขาของเหล่าภูต บนพื้นราบที่เชิงเขา มีกลุ่มคนที่กำลังวุ่นวายและมีอุปกรณ์ถ่ายภาพมากมายถูกจัดเตรียมไว้
ถางโร้วมองขึ้นไปยังบนภูเขาเฉียนหลง คิดถึงเกี่ยวกับทิวทัศน์ภายในนั้น เนื่องจากภูเขาถูกปกคลุมไปด้วยเมฆมากมาย จึงทำให้มองไม่เห็นสิ่งใดที่อยู่ภายใต้ภูเขานั้นเลย
“ถางโร้ว คุณมองอะไรอยู่เหรอ?” ลวี๋เต่าเดินมาหาและถามขึ้น ผู้กำกับลวี๋เต่าคนนี้เองก็รู้จักฉู่ชวิ๋น เคยเจอกันที่รีสอร์ต วารีเหมยหยวน ผู้กำกับเป็นคนที่ซื่อสัตย์และมีความสามารถคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ถางโร้วถอนสายตาออกมาและส่ายหัว
“ผมรู้ว่าคุณกำลังมองอะไรอยู่” ลวี๋เต่าหัวเราะเบา ๆ ใบหน้าอวบอ้วนของเขาดูกำลังสงสัย “ทำไมเป็นแบบนี้กันนะ? เหมือนภูเขาในตำนานที่ไม่แม้กระทั่งจะสามารถหาทางขึ้นไปได้”
“บางทีภูตอาจมีชีวิตอยู่บนนั้นก็ได้” ถางโร้วยิ้มบาง ๆ ลวี๋เต่ายิ้มเช่นกันและพูดขึ้นหลังการพูดคุยจบลง
“เตรียมตัวเถอะ จะเริ่มถ่ายทำกันแล้ว” ถางโร้วพยักหน้าและกำลังเตรียมที่จะแต่งหน้าต่อ แต่ทันทีที่เธอหันกลับไป เธอตาค้างเห็นร่างของใครบางคนกำลังเดินตรงมาหาเธอ
ลวี๋เต่ามองตามสายตานั้นไปอย่างสงสัย สีหน้าของเขาแปลกไปเล็กน้อย เขาจำฉู่ชวิ๋นได้ แต่เสื้อผ้าของฉู่ชวิ๋นนั้นมัน … ค่อนข้างพูดไม่ออกจริง ๆ
คนอื่น ๆ ภายในกองหันมามองดูฉู่ชวิ๋นเช่นกัน เพราะชุดของเขาแปลกมากหรือมีกองถ่ายอื่นในพื้นที่นี้ที่กำลังถ่ายละครย้อนยุคกันอยู่นะ? บางคนคิดเช่นนั้น
“ทักทายครับ นายพลฉู่” ลวี๋เต่าทักทาย คำพูดของเขาได้ทำให้คนรอบ ๆ ตื่นตัวเพราะชุดของฉู่ชวิ๋นไม่ใช่สิ่งที่คนปกติทั่วไปจะใส่กันพอมองใกล้ๆ แล้วพวกเขาก็รู้ว่า นั่นคือนายพลหนุ่มผู้กล้าหาญจริง ๆ
ในตอนแรก ฉู่ชวิ๋นเดินทางข้ามประเทศเพียงลำพัง เพื่อช่วยตัวประกัน แต่ทหารรับจ้างหมาป่าทองคำถ่ายทอดสดไปทั่วโลก มันเป็นพาดหัวข่าวของเว็บไซต์ต่าง ๆ และการค้นหาที่ร้อนแรงที่สุด
มีเด็กมากมายที่ได้รับผลกระทบจากมัน เหล่านักเรียนละทิ้งกระเป๋านักเรียนและต้องการที่จะไปเป็นทหาร
มันเป็นสิ่งที่ห่างหายไปนานเกินไปแล้วสำหรับสังคมจีนทำให้มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นทุกวันในโลกนี้และไม่มีใครปิดข่าวของเขาเอาไว้ได้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องนี้ก็เงียบลงไปและไม่ค่อยมีใครพูดถึงมันทำให้หลายคนอาจจำเขาไม่ได้ใจตอนแรก ฉู่ชวิ็นยิ้มให้คนอื่น ๆ อย่างสุภาพ
“คุยกันตามสบายเลยนะ” ลวี๋เต่าจากไปพร้อมทิ้งความสนใจไว้ให้คนอื่น ๆ
“โร้วโร้ว” ฉู่ชวิ๋นเรียกเบา ๆ
ดวงตาที่สดใสของถางโร้วเต็มไปด้วยความตื่นเต้นการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของฉู่ชวิ๋น ทำให้เธอตื่นเต้นมาก ฉู่ชวิ๋นไม่ได้มาหาเธอมานานมากแล้ว และโทรศัพท์ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งทำให้เธอเศร้าใจมาก
ถางโร้วหันหลังกลับไปด้วยความโกรธ ไม่มองฉู่ชวิ๋นที่กำลังหัวเราะ ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจเล็กน้อย เขาแตะจมูกด้วยรอยยิ้มขบขัน และพยายามทำให้หญิงสาวมีความสุข แต่เหมือนเขาเป็นแค่มือสมัครเล่นในเรื่องนี้ มุกของเขาส่วนใหญ่ไม่ได้ผล
“ขอร้องน่า อย่าโกรธไปเลย พี่ฉู่ชวิ๋นขอโทษ”
ถางโร้วนิ่งไม่ไหวติง จมูกเล็ก ๆ ของเธอย่นลงเล็กน้อยและฮึมฮัมเบาๆ ฉู่ชวิ๋นทำอะไรไม่ถูกมาก เหลือเวลาอีกเพียงสี่วันเท่านั้นที่เขาจะต้องไปยังสำนักสวรรค์ฟ้า ตอนนี้เขาต้องแข่งกับเวลาและไม่มีเวลาให้เสียเปล่าอีกแล้ว
“โร้วโร้ว หายโกรธก่อนนะ พี่ฉู่ชวิ๋นมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอ”
“พี่ฉู่ชวิ๋น เกิดอะไรขึ้น?” บุคลิกที่สงบเสงี่ยมและเข้าใจอะไรต่างๆ ได้ง่าย บวกกับความรู้สึกอันลึกซึ้งของเธอที่มีต่อฉู่ชวิ๋น เมื่อฟังน้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นที่ดูเป็นกังวลแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป ความโกรธที่มีอยู่ก็ถูกลืมไปในพริบตา
ฉู่ชวิ๋นไม่ปกปิดอะไร ยกเว้นการกลับชาติมาเกิดของเขา เขาเล่าเรื่องอื่น ๆ ให้ถางโร้วฟังทั้งหมด
ถางโร้วได้ยินแบบนั้นก็ตกใจจนตาค้างแล้วอ้าปากค้างไว้ ใบหน้าของเธอดูตกใจมาก เธอไม่คาดคิดเลยว่าพี่ฉู่ชวิ๋นของเธอจะมีชีวิตที่ลำบากขนาดนี้ ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกเศร้าใจมากและเรื่องราวของฉู่ชวิ๋นทำให้เธอเสียใจ
“โร้วโร้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากวงการบันเทิงไหม?” ฉู่ชวิ๋นถามอย่างจริงจัง ครั้งนี้เขาต้องไปที่สำนักสวรรค์ฟ้าและแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีอะไรรับการรับประกันว่า มรดกที่สืบทอดกันมายาวนานหลายศตวรรษของสำนักสวรรค์ฟ้าจะน่ากลัวขนาดไหน เขากลัวว่าแม้แต่เขาเองก็อาจไม่รอด
ก่อนที่เขาจะไป เขาจะต้องจัดการเรื่องทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาและทำให้พวกเขาปราศจากความกังวลไปอีกเวลาสิบปี
สิบปีต่อมาที่จะทำให้พวกเขาสามารถปกป้องตัวเองได้มากขึ้น
ถางโร้วมองรอยยิ้มของฉู่ชวิ๋นแล้วเปิดปากของเธอเล็กน้อย “พี่ฉู่ชวิ๋น ฉันสัญญา ไม่ต้องพูดอะไรถึงวงการบันเทิงอีกแล้ว” ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าถางโร้วจะตกลงโดยไม่คิดอะไรมากนัก
“พี่ฉู่ชวิ๋น พี่ต้องสัญญากับฉันว่าพี่จะกลับมา แล้วฉันจะรอพี่กลับมาที่ภูเขาเฉียนหลง” ถางโร้วหัวเราะเบา ๆ พูดเสร็จเธอก็เอียงศีรษะ “ฉันพาพ่อแม่ของฉันมาด้วยกันได้ไหม?”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะราบรื่นขนาดนี้
ในตอนเย็นของวันนั้น ทุกคนมารวมกันที่ภูเขาเฉียนหลง พ่อแม่ของถางโร้ว ถางเหวินเหยียนและภรรยาของเขาก็ถูกพามาด้วย
แน่นอนว่าพวกเขารู้เรื่องราวทั้งหมดในตอนแรกถางเหวินเหยียนนั้นรู้สึกว่า ฉู่ชวิ๋นต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับถางโร้ว ซึ่งเขาได้ทำสิ่งที่โง่เง่าไปแล้วแม้ว่าเขาจะกังวลมากแต่เขาเลือกที่จะเชื่อในตัวฉู่ชวิ๋นว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่คงคิดมากอะไร
ทุกคนตกตะลึงกับความแปลกประหลาดภูเขาเฉียนหลงราวกับเข้าสู่โลกแห่งตำนาน เวลานี้เร่งด่วนแล้วจริง ๆ ฉู่ชวิ๋นไม่มีเวลาอธิบายอะไรให้ทุกคนเชื่อเขา
เขาขอให้เฉินฮั่นหลงพาทุกคนไปพักผ่อนก่อน แล้วค่อยไปรวมตัวกันที่ลานกว้างพรุ่งนี้เช้า เขายุ่งอยู่ที่ลานกว้างเตรียมสถานที่สำหรับการฝึกซ้อม เพราะพรุ่งนี้เช้าเขาจะสอนการฝึกตนให้แก่ทุกคน
“ฉันเป็นผู้หญิงของฉู่ชวิ๋น” ฮวาชิงหวู่เข้าประเด็นทันทีเมื่อเจอถางโร้ว
“ฉันรู้” ถางโร้วมองหน้าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เมื่อพวกเธอได้พบกันครั้งแรก เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับพี่ฉู่ชวิ๋นของเธอ เธอมีบุคลิกที่เงียบขรึม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอโง่ ในทางตรงกันข้ามเธอฉลาดมากต่างหาก
“เธอรู้ไหมว่าเขากำลังทำเรื่องอันตรายแค่ไหนอยู่?” ฮวาชิงหวู่ถามขึ้น พร้อมกับเส้นผมของเธอที่พลิ้วไหวไปตามสายลม ทำให้ดูเป็นตัวร้ายอย่างมาก
“ฉันรู้” ใบหน้าของถางโร้วนั้นสงบนิ่งดังเดิม “เพราะงั้นฉันถึงเชื่อเขาและไม่พูดอะไรเกี่ยวกับวงการบันเทิงเพื่อให้เขามั่นใจ” ฮวาชิงหวู่มองเธอด้วยท่าทางประหลาดใจและพูดขึ้นมา “เธอรู้ไหม การไปของเขา บางทีอาจเป็นสิบวัน ครึ่งเดือน หรือ สิบปี หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น”
“ฉันรู้” ถางโร้วยิ้ม “ฉันรักพี่ฉู่ชวิ๋นตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันคิดทุกอย่างมาอย่างรอบคอบแล้ว ฉันรอเขามาสิบปี แล้วจะรออีกสิบปีจะเป็นอะไร? ไม่สิจริง ๆ ให้รออีกหนึ่งร้อยปีก็ได้… พี่ฉู่ชวิ๋นบอกว่า เมื่อฝึกตนจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ อายุขัยจะไม่มีความหมาย ชีวิตจะกลายเป็นนิรันดร์ เพราะงั้นในชีวิตนี้… ฉันจะรอเขา”