บทที่ 183 ฝึกฝนร่วมกัน[รีไรท์]
ฮวาชิงหวู่รู้สึกประหลาดใจมากกับคำพูดของถางโร้ว นั่นทำให้เธอหวั่นไหว…ชีวิตนี้ฉันจะรอเขางั้นเหรอ?
มันยิ่งใหญ่เกินกว่าคำว่าความรัก นี่เป็นคำสาบานที่ผู้หญิงคนนี้รักฉู่ชวิ๋นจากใจจริง
เธอคนนี้ที่มีรูปร่างหน้าตาอ่อนโยน แต่เธอกลับมีหัวใจที่เข้มแข็งมาก ฮวาชิงหวู่เองก็เป็นจอมยุทธ์ เธอรู้สึกได้ว่าคำพูดของถางโร้วนั้นมาจากใจไม่ใช่การเสเเสร้งอย่างแน่นอน
ฮวาชิงหวู่คิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นผู้หญิงที่รักฉู่ชวิ๋นมากที่สุดในโลกนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ผู้หญิงที่บอบบางคนนี้รักฉู่ชวิ๋นมากไม่น้อยไปกว่าเธอเลย แถมยังรักมาก่อนเธอและรักมาตลอดสิบปี!
“เธอไม่รู้สินะ? ฉันขี้อายมาก” ถางโร้วเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ฉันรักพี่ฉู่ชวิ๋นมานานเป็นสิบปีแล้ว แต่ฉันไม่กล้าสารภาพกับเขา” เมื่อได้ยินเช่นนี้ฮวาชิงหวู่ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีมาก โชคดีที่ถางโร้วขี้อายกับความรู้สึกของตัวเองหากผู้หญิงคนนี้กล้าหาญกว่านี้อีกแค่นิดเดียว เธออาจไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ!
“แต่ปีนี้ ฉันผ่านเรื่องราวมามากมายทั้งโดนลอบฆ่าและลักพาตัว ฉันรู้สึกกลัวมาก ๆ ในทุก ๆ ครั้งแต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณสำหรับประสบการณ์เหล่านี้มันทำให้ฉันเติบโตขึ้น” เสียงของถางโร้วนั้นแผ่วเบาและไพเราะ ปกติแล้วฮวาชิงหวู่จะมีความมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่ากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤต เพราะเธอไม่สามารถคาดเดาความคิดของถางโร้วได้เลย ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เปราะบางอย่างที่เห็น
“สบายใจได้! ฉันไม่แย่งพี่ฉู่ชวิ๋นไปจากเธอหรอก ฉันไม่อยากให้เขาถูกผูกมัด ฉันจะรอจนกว่าเขาจะกลับมาแล้วฉันจะบอกเขาว่า ฉันชอบเขา” ถางโร้วพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เธอโกรธเรื่องเขากับฉันไหม?” ฮวาชิงหวู่ถามออกมาอย่างหวาดกลัว
“โกรธ? ฉันแค่คิดว่าตัวเองโกรธที่ทำให้พี่ฉูชวิ๋นต้องเสียใจเท่านั้นเอง” หลังจากที่เธอพูดจบแล้ว เธอก็หันหลังกลับและเดินจากไป “ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำให้เขาเสียใจ” เสียงอันไพเราะของเธอกลับ ทำให้ฮวาชิงหวู่รู้สึกสับสนอยู่นาน
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ทุกคนมาที่ลานกว้าง
เมื่อคืนฉู่ชวิ๋นยุ่งอยู่ตลอดเวลา เขาจึงคอยอยู่ที่นี่นานแล้วและเริ่มพูดอย่างเคร่งเครียด
“ตอนนี้ฉันจะสอนวิชาเซียนให้ แต่ฉันขอบอกก่อนเลยนะว่าห้ามให้วิชานี้กับใครไปง่าย ๆ” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างจริงจัง
สิ่งที่เรียกว่าความแน่นอนนั้นไม่มีอยู่จริง เมื่อมีความโลภในใจมันจะนำภัยพิบัติมาสู่ทุกคน ทุกคนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ต่อมาฉู่ชวิ๋นเริ่มสอนวิธีฝึกตนเป็นเซียนให้พวกเขา
เริ่มด้วยถางโร้ว ฉู่ชวิ๋นบอกให้เธอนั่งลงในจุดที่กำหนด
“จงตื่น!” ฉู่ชวิ๋นหยิบเครื่องดื่มที่ส่องแสงแวววาวออกมาและยกมือขึ้นเล็กน้อย
ตู้มมม!
รอบตัวถางโร้วปรากฏเวทมนตร์สีทองลอยออกมาจากทุกที่และล้อมรอบตัวเธอเอาไว้ ฉู่ชวิ๋นยื่นมือของเขาขึ้นพลังวิญญาณของภูเขาเฉียนหลงก็ได้ถูกรวมเข้าด้วยกัน
“หลับตาลง อย่ากลัวไปเลย” ฉู่ชวิ๋นเอ่ย ถางโร้วยิ้มอย่างอ่อนโยนและหลับตาเบา ๆ นิ้วชี้ของฉู่ชวิ๋นส่องแสงสีขาวสะท้อนและชี้ไปที่หน้าผากของถางโร้ว
ร่างกายของถางโร้วสั่นเล็กน้อยและขมวดคิ้ว เธอรู้สึกว่าแสงสีทองจำนวนมากกำลังหลั่งไหลเข้าไปในจิตใจ ทำให้จิตใจของเธอเริ่มตื่นตัว สัญลักษณ์ทองคำเหล่านั้นหลั่งไหลเข้ามา ถางโร้วรู้สึกประหลาดใจ ที่เธอสามารถเข้าใจมันได้ราวกับว่า นี่เป็นความทรงจำดั้งเดิมของเธอเอง
ฉู่ชวิ๋นดึงมือของเขาออกทันที แล้วมองไปที่คนต่อไป เฉินฮั่นหลง เฉินฮั่นหลงสนใจการฝึกตนเป็นพิเศษ เดิมทีตำแหน่งนี้เป็นของเจิ้งกัง แต่มันถูกเขาแซงแถวมาเรียบร้อย มือของฉู่ชวิ๋นสะบัดไปมาจากนั้นก็ปรากฏแสงสีทองอันสง่างามอยู่ที่รอบตัวเขาและสร้างเป็นเขตแดนสีทอง ร่างกายของทุกคนเองก็เปล่งแสงสีทองออกมาเผยให้เห็นถึงความสง่างาม
นิ้วชี้ของฉู่ชวิ๋นขยับไปมา ธาตุบริสุทธิ์สะท้อนขึ้นมาอยู่เหนือมือของเขาวาดออกมา เป็นยันต์สีขาวนับไม่ถ้วนปะทุออกมาจากฝ่ามือลอยไปหาคนอื่น ๆ แล้วพุ่งเข้าไปตรงระหว่างคิ้วของพวกเขา
มือของฉู่ชวิ๋นนั้นเคลื่อนที่เร็วขึ้นเรื่อย ๆ และความเร็วของยันต์สีขาวก็กำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน
หลังจากผ่านไปครึ่งก้านธูป ฉู่ชวิ๋นก็หยุดลงและจากนั้นก็ดึงฝ่ามือของเขากลับมา ยาอายุวัฒนะกว่าสิบเม็ดก็ลอยอยู่กลางอากาศ
เขางอนิ้วมือของตัวเองบังคับให้ยาอายุวัฒนะลอยไปอยู่ระดับสายตาของทุกคน
“กินมันสิ” ฉู่ชวิ๋นกล่าวออกมา ทุกคนไม่ลังเลที่จะหยิบมันเข้าปาก หลังจากกินยานั้นเข้าไป ทุกคนก็ดูเจ็บปวด ตอนนี้พวกเขาเข้าใจเพียงวิธีฝึกตนและยังไม่เลยเริ่มฝึกฝน พวกเขาไม่สามารถทนรับพลังของยาอายุวัฒนะได้
“ทุกคนกลั้นหายใจและพยายามโคจรพลังตามวิธีฝึกตนที่ฉันส่งให้และที่เหลือก็ปล่อยมันไป” หลังพูดจบฉู่ชวิ๋นก็ยกมือขึ้น เขากลั่นพลังบริสุทธิ์สร้างเป็นเส้นไหมวิญญาณหลายสิบพุ่งพรวดเข้าไปตรงระหว่างคิ้วของทุกคนและเจาะเข้าไปภายในของพวกเขาโดยตรง
ลมหายใจของฉู่ชวิ๋นนั้นหนักขึ้น เสื้อคลุมของเขาพองตัวและพายุขนาดเล็กพัดผ่านไปทั่วร่าง ทำให้เกิดเสียงกรีดร้องสายลม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็หยุดมือ
เขามองไปที่ทุกคน ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความลังเลมากมายทุกคนกำลังเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตนและหากไม่มีอะไรรบกวน พวกเขาก็จะคุ้นเคยกับมัน
จุดตันเทียนถูกกระตุ้นโดยเขาแล้วด้วยเส้นไหมวิญญาณ ซึ่งมันทำให้ทุกคนดูดซับพลังได้เร็วขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังฝึกตน เขาสร้างกำแพงรอบล้อมทั้งสี่ทิศ มันสร้างมาจากพลังศักดิ์สิทธิ์
ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจแล้วสะบัดนิ้วของเขา เส้นไหมวิญญาณหลายพันเส้นพุ่งออกมาแล้วพันเข้าด้วยกันเป็นตาข่ายกลางอากาศ ซึ่งดูเหมือนใยแมงมุมขนาดยักษ์ และจากนั้นก็สร้างเป็นช่องทางลำเลียงแต่ไม่แทงเข้าไปในคิ้วของทุกคน แต่กลับเข้าเส้นเลือดมันเอาไว้ส่งของสารอาหารเข้าไปข้างใน
หลังจากผ่านไปคืนหนึ่ง เส้นใยยักษ์นี้ก็เต็มไปด้วยน้ำค้างจำนวนมากสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่น้ำค้างธรรมดา มันคือน้ำยาเทวะ
น้ำค้างเหล่านี้ จะถูกลำเลียงเข้าสู่ร่างกายของผู้คนตามแนวเส้นไหมวิญญาณ เพื่อไม่ให้อดตายโดยไม่ต้องกินอะไรแม้จะผ่านไปเป็นร้อยปี
นี่เป็นเพียงวิชาง่าย ๆ เท่านั้นแต่มันมีผลกับการฝึกวิชาช่วยให้ทุกคนได้ฝึกวิชาอย่างต่อเนื่อง ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะสามารถทำลายเขตแดนของเขาได้สิ่งสิ่งนี้ อาจอยู่นานจนไม่อาจบอกได้ อาจจะห้าปีหรือสิบปี หรืออาจจะร้อยปี
ฉู่ชวิ๋นมองไปที่ฮวาชิงหวู่ เนื่องจาก ฮวาชิงหวู่เป็นจอมยุทธ์อยู่แล้ว ทำให้เธอมีความเข้าใจที่สูงกว่าคนอื่น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องสอนอะไรเธอมาก
ฮวาชิงหวู่หันมามองฉู่ชวิ๋นด้วยเช่นกัน ดวงตาที่สวยงามของเธอนั้นสว่างไสว จู่ ๆ เธอก็พูดออกมา
“ฉันอยากไปกับคุณ” ฮวาชิงหวู่กล่าวอย่างใจเย็น ฉู่ชวิ๋นส่ายหัวแล้วพูดว่า “อันตรายเกินไป อยู่ที่นี่เถอะรอฉันกลับมา”
ดวงตาฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความจริงจังและเธอเองก็มองฉู่ชวิ๋นอย่างจริงจังเช่นกันเธอพูดขึ้นมา “ฉันไม่อยากรอ ฉันอยากอยู่กับคุณ แม้ว่าฉันจะตาย ฉันก็จะตามคุณไป”
“แต่…”
“ฉู่ชวิ๋นพาฉันไปด้วยเถอะ! ฉันไม่อยากให้คุณเผชิญหน้ากับเรื่องทุกอย่างคนเดียว ฉันไม่อยากเป็นเหมือนพวกเขา ฉันไม่อยากทำได้แต่เฝ้ารอ ฉันไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วต้องเสียใจ ขอร้องละ!” ฮวาชิงหวู่ขัดจังหวะคำพูดของฉู่ชวิ๋นแล้วขอร้องเขา สายตาของฉู่ชวิ๋นกำลังลังเล มันเป็นเรื่องยากที่จะเลือก
เขาฝึกฝนวิชาเซียน และเขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปสู้กับสำนักใหญ่แบบนั้น โดยที่ไม่ต้องเสียอะไรไปเลย
“ฉันขอร้อง…” ฮวาชิงหวู่อ้อนวอน
ฉู่ชวิ๋นทนไม่ได้ แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้ฮวาชิงหวู่ออกไปเสี่ยงอันตรายได้ เขาไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงนี้ได้จริง ๆ
“ไอ้หนุ่ม ไม่ต้องอายหรอกน่า เอ็งมั่นใจได้เลยแม้จะเป็นการต่อสู้ที่เสี่ยงตายแค่ไหน ข้าก็สามารถปกป้องยัยหนูได้” หลงอ๋าวเดินเข้ามา
ฉู่ชวิ๋นมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของฮวาชิงหวู่ เขาไม่อาจปฏิเสธเธอได้จริง ๆ เขาได้แต่พยักหน้ารับคำขอของเธอ
แววตาของฮวาชิงหวู่เปล่งประกายด้วยความดีใจและหัวเราะเบาๆเนื่องจากตกลงกันแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก เขาหันไปหาตาแก่หลงอ๋าว แล้วหยิบยาอายุวัฒนะออกมาสองเม็ด หนึ่งสำหรับหลงอ๋าว และอีกหนึ่งสำหรับฮวาชิงหวู่
“ใช้พลังของภูเขาเฉียนหลงเพื่อทะลวงผ่านไปอีกขั้น ระหว่างทะลวงผ่าน ผมจะปกป้องให้เอง” ฉู่ชวิ๋นพูดเบา ๆ
หลงอ๋าวและฮวาชิงหวู่รับมาแล้วเริ่มกลืนกินยาทันที
ฉู่ชวิ๋นมองไปทางทิศตะวันออกในขณะที่ช่วยปกป้องพวกเขาและพึมพำเบา ๆ
“พ่อครับ แม่ครับอดทนรอผมอีกนิดนะ! สำนักสวรรค์ฟ้ารอฉันก่อนเถอะ!”