ตอนที่ 190 : แย่งผลงาน

“ฉันชื่อหวังเย่าเป็นผู้ตรวจสอบ 1 ดาวจากเมืองหัวเซี่ย”  หวังเย่าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“น้องชาย..ไม่สิ ผู้ตรวจสอบหวังเย่า นายจัดการกับกลุ่มคนร้ายด้วยตัวคนเดียวและช่วยคนของเมืองฉางอันเอาไว้ นายไม่รู้หรอกว่าตลอดหลายปีมานี้โจรพวกนี้คอยเอาแต่ดักโจมตีพวกเราอยู่ในป่าและทำให้ทุกคนต่างก็ปวดหัวไม่น้อยกับพฤติกรรมของพวกมัน”

ท่าทีของเขาดูสุภาพอย่างมาก ถึงหวังเย่าจะดูเด็กแต่ก็ยังแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้ เขาไม่ควรจะดูถูกหวังเย่า พรสวรรค์นี้สูงซะจนยากจะหาใครมาเทียบได้

แต่แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ถ่อมตัวจนเกินไป ยังไงซะเขาก็เป็นทหารรับจ้างของเมืองฉางอัน ถ้าเป็นในเมืองหัวเซี่ย เขาคงถ่อมตัวกว่านี้ไปแล้ว

“ฉันได้ยินมาว่าหลายตระกูลในเมืองฉางอันร่วมมือกันจัดการกับโจรพวกนี้”  หวังเย่าพูดขึ้น

“ใช่ สมาคมมังกรกับอีก 3 สมาคมและ 3 ตระกูลได้ทำการวางแผนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น ได้ยินมาว่าคนที่พวกเขาส่งไปตอนนี้ไม่สามารถติดต่อได้ และพวกเขายังไม่รู้แม้กระทั่งรังของพวกมันเลยว่าอยู่ที่ไหน”

เฮ่อจ้วงกั๋วเกาศีรษะของตัวเอง อันที่จริงเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ แต่หวังเย่ามีสิทธิ์ที่จะรู้ ดังนั้นเขาจึงพูดมันออกมา

หวังเย่าหรี่ตาลง ก่อนจะถอนหายใจ  “ดูเหมือนว่าไม่มีใครใจกล้าพอที่จะจัดการกับโจรกลุ่มนี้อย่างเด็ดขาด พวกมันเลยไม่เกรงกลัวใคร สุดท้ายก็จับกลุ่มทหารรับจ้างสาวและทรมานพวกเธอ”

เขารู้สึกผิดหวังนิด ๆ

เมืองฉางอันนั้นคือ 1 ใน 36 เมืองใหญ่ พวกเขาแข็งแกร่งติด 10 อันดับแรก แต่เมืองที่แข็งแกร่งแบบนี้กลับทำอะไรไม่ได้เลย ?

“พี่เฮ่อ ฉันเข้าใจสถานการณ์แล้ว ฉันจะพาพวกเธอเดินทางไปที่เมืองฉางอัน ฉันไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน อีกอย่าง ฉันคนเดียวคงดูแลพวกเธอไม่ได้ โชคดีที่เจอพวกพี่มาที่นี่ พี่ช่วยส่งคนไปแจ้งที่เมืองฉางอันให้มารับพวกเธอได้รึเปล่า ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา

 “ผู้ตรวจสอบหวังเย่า นายพูดอะไร นายทำความดีครั้งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องขอร้องพวกเราหรอก เดี๋ยวฉันจะส่งคนกลับไปที่เมืองทันที”

เฮ่อจ้วงกั๋วมองไปที่สมาชิกด้านหลัง ก่อนจะสั่งการออกมา  “จู้จื่อ เสี่ยวหมิง อาหลิง อสูรของพวกนายเดินทางได้เร็วที่สุด พวกนายรีบกลับไปแจ้งเรื่องนี้ที่เมือง อย่ามัวเสียเวลา”

ทั้งสามคนพยักหน้าก่อนจะทำความเคารพหวังเย่า แล้วรีบเดินทางไปยังเมืองฉางอันทันที

ไม่นานพวกนั้นก็หายไปจากสายตา

“ผู้ตรวจสอบหวังเย่า ที่นี่ห่างจากเมืองฉางอันกว่าพันไมล์ ด้วยความเร็วของพวกเขาแล้ว พวกเขาคงไปถึงในคืนนี้ มันเพียงพอที่เราจะเดินทางต่อได้อีกสักพัก”

หวังเย่าไม่คิดว่าการอยู่ที่นี่ต่อจะมีประโยชน์อะไร ดังนั้นเขาจึงตกลง

อสูรวัวนั้นสามารถแบกคนได้ 4-5 คน ตอนนี้มีวัวกว่า 10 ตัวบวกกับการ์ฟิลด์ จึงสามารถแบกหญิงสาวทุกคนเดินทางต่อได้ ส่วนหวังเย่าและทหารคนอื่น ๆ เลือกจะเดินเท้าเอา

ผ่านไป 1 ชั่วโมง พวกเขาก็เดินทางมาได้ 40-50 ไมล์ หลัก ๆ แล้วเพราะพวกเขากลัวจะเจอกับพวกโจรอีกจึงทำให้การเดินทางล่าช้าลง ไม่อย่างงั้นแล้วพวกเขาคงเดินทางได้ไกลกว่านี้

ด้วยความช่วยเหลือจากเฮ่อจ้วงกั๋วและคนอื่น ๆ หวังเย่าก็โล่งอก เขาเชื่อว่าตราบใดที่ไม่เจอกับฝูงสัตว์อสูร งั้นมันก็ไม่มีอันตรายใด ๆ

ตอนเย็น พวกเขาได้หยุดพักค้างคืนที่ตีนเขา เนื้อจำนวนมากถูกย่างจนกลิ่นหอมโชยออกมา แต่ไม่มีใครดื่มเหล้าเลยสักคน ประการแรกนั้นก็คือเหล้ามีราคาแพงมาก ประการที่สองการดื่มเหล้าจะทำให้ก่อเรื่องที่ผิดพลาดขึ้น

ตอนนี้ แม้แต่คนในเมืองก็ยากจะกินข้าวได้ครบมื้อ ฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล้า การผลิตเหล้าจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่เยอะมาก ดังนั้นหลายเมืองจึงออกกฎห้ามดื่มแอลกอฮอล์ และอนุญาตให้มีโรงบ่มเหล้าแค่ 3 แห่งเท่านั้น อีกทั้งยังควบคุมปริมาณการผลิตอีกด้วย

             วันต่อมาพวกเขาก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อ

ระหว่างทาง หวังเย่าได้พบกับกลุ่มทหารรับจ้างอีกกลุ่ม มันทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ของเมืองฉางอันมากขึ้นกว่าเดิม ในอีกด้านเขาก็ยังเข้าใจสถานการณณ์นอกเมืองฉางอันด้วยว่าที่นี่มีสัตว์อสูรและมิติลับแบบไหน

ตกบ่าย มีฝุ่นควันลอยอยู่ด้านหน้าพร้อมกับพื้นดินที่สั่นสะเทือน

หวังเย่าตกตะลึง มีฝูงสัตว์อสูรดักอยู่ตรงหน้าพวกเขางั้นหรือ ?

เขาเดินขึ้นไปที่เนินเขาข้าง ๆ ก่อนจะมองออกไปแล้วพบว่าไกลออกไป 400-500 เมตรมีบางอย่างที่น่าแปลกใจอยู่

มันไม่ใช่แค่ฝูงสัตว์อสูรแต่ยังมีกลุ่มคนด้วย อสูรหลายร้อยตัวซึ่งแต่ละตัวสูงใหญ่และดูแข็งแกร่งกำลังเดินทางเข้ามา แต่ละก้าวนั้นทำให้พื้นดินสั่นไหว

หวังเย่าได้แต่รอผู้มาเยือนอยู่เงียบ ๆ

3 นาทีต่อมา

“เฮ่อจ้วงกั๋ว ข้างกายนายคือผู้ตรวจสอบหวังเย่าจากเมืองหัวเซี่ยสินะ ? ”

ชายกำยำมองมาที่หวังเย่าและถามขึ้นมา  “ฉัน เฉินเฟยเฉิน หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างวัวคลั่ง”

จากนั้นเขาก็แนะนำชายวัยกลางคนข้างกาย “ท่านนี้คือคุณไห่เสี่ยวซวน เลขานุการของเมืองฉางอัน ขณะเดียวกันเขาก็ยังเป็นผู้ตรวจสอบ 2 ดาวด้วย ครั้งนี้เขามาเพื่อจัดการกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ”

ไห่เสี่ยวซวนพยักหน้า

หวังเย่าป้องมือตอบรับ  “ยินดีที่ได้พบ”

เฮ่อจ้วงกั๋วกระซิบพูดขึ้นมา “กลุ่มทหารรับจ้างวัวคลั่งของพวกเราใกล้ชิดกับผู้ตรวจสอบไห่เสี่ยวซวน ดังนั้นผลงานในครั้งนี้ ผู้ตรวจสอบไห่เสี่ยวซวนคงต้องมีส่วนร่วมด้วย หวังว่าผู้ตรวจสอบหวังเย่าจะเข้าใจ ”

หวังเย่าขมวดคิ้ว เขาก็รู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมกลุ่มทหารรับจ้างวัวคลั่งถึงได้ยกโขยงมาที่นี่เยอะขนาดนี้ หรือว่าคิดจะมาแย่งผลงานของเขาไป

แม้แต่ผู้ดูแลเมืองก็มาที่นี่พร้อมกับกลุ่มทหารรับจ้างวัวคลั่งซึ่งมันดูแปลกประหลาดมาก

เมื่อได้ยินคำพูดของเฮ่อจ้วงกั๋ว เขาก็เข้าใจในทันทีว่าไห่เสี่ยวซวนคิดจะแย่งผลงานของเขาไป

หวังเย่าไม่พอใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงมันออกมาแต่อย่างใด เขาแค่ไม่ชินกับระบบของมันก็เท่านั้น

ไห่เสี่ยวซวนเห็นแบบนั้นก็ได้สั่งการเฉินเฟยเฉินห็ดูแลทหารรับจ้างหญิง ส่วนเขาก็หันหลังกลับทันที

หลังจากที่สั่งการแล้ว ไห่เสี่ยวซวนก็ไม่คิดจะบอกลา เขาได้หันหลังกลับและเดินทางออกไปทันที

คนในกลุ่มเฮ่อจ้วงกั๋วต่างก็พากันแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมา

หลิงชิงซวินและคนอื่น ๆ พากันมองไปที่หวังเย่าโดยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

“บอกคนของนายให้ตามมา”  ไห่เสี่ยวซวนหันกลับมามองเฮ่อจ้วงกั๋วและหวังเย่า  ก่อนจะพูดขึ้น

“เฮ่อจ้วงกั๋ว ทำไมไม่รีบตามไป”  เฉินเฟยเฉินพูดขึ้น

เฮ่อจ้วงกั๋วมองหวังเย่าด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เขาอยากจะอธิบายแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงออกมา

“ไปเถอะ”  หวังเย่าพูดขึ้น

เฮ่อจ้วงกั๋วถอนหายใจออกมาก่อนที่ทีมของเขาจะเดินทางออกไป ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา  เรื่องนี้ไห่เสี่ยวซวนทำไม่ถูก

ยังไงซะตราบใดที่ไห่เสี่ยวซวนกลับไปที่เมือง หากหวังเย่าไม่ตามกลับไปด้วย งั้นคนในเมืองก็จะคิดว่าไห่เสี่ยวซวนและกลุ่มทหารรับจ้างวัวคลั่งนั้นเป็นคนทำลายรังโจรและช่วยหญิงสาวพวกนี้ออกมา

“เฮ้อ ช่างเถอะ”  หวังเย่าเริ่มใจเย็นลงและมองข้ามเรื่องนี้ไป

“ครั้งนี้ฉันได้อะไรกลับไปมากมาย คงถึงเวลาต้องกลับแล้ว”

หลังจากที่เดินทางมาได้ 2 วัน หวังเย่าก็กลับมาถึงเมืองหัวเซี่ยในเช้าวันที่สาม

ตอนแรกเขาตั้งใจจะออกเดินทาง 10 วัน แต่ตอนนี้มันกลับกินเวลาไปถึง 20 วัน เขามีธุระมากมายต้องจัดการจนรู้สึกเหมือนไฟลนก้น