ตอนที่ 191 : เดินทางกลับ

เมื่อกลับมาที่เมือง หวังเย่าก็รีบโทรหาจ้าวเมิ่งซีทันที

“เมิ่งเอ๋อร์ ฉันกลับมาแล้ว ฉันคิดถึงเธอจริง ๆ ”

“ชิ ฉันไม่เชื่อหรอก นายบอกว่าจะไปแค่ 10 วัน แต่กลับหายไปนานขนาดนี้ ฉันกังวลว่านายจะบาดเจ็บหรือไม่ก็ตายไปแล้วซะอีก”  เสียงหวาน ๆ ของจ้าวเมิ่งซีตอบกลับมา

หวังเย่าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว เขาไม่อาจจะคิดถึงแต่ตัวเองได้

“ฉันผิดไปแล้ว ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”  หวังเย่ารีบแก้ตัวทันที

“นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”  จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้น  “นายอยู่ไหน นายจะให้ฉันไปรับรึเปล่า ? ”

“ฉันโตขนาดนี้ยังต้องให้คนมารับอีกหรือ ? เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กรึไง ? ”  หวังเย่าตอบกลับ  “ฉันจะไปหาเธอเอง”

“งั้นก็มาที่เขตมังกร ฉันมาดูบ้านที่นี่”

หวังเย่าใจเต้นขึ้นมา สัญญากับทางโรงแรมจะหมดลงในไม่ช้า พวกเขาต้องหาบ้านใหม่ ดังนั้นเขาจึงตื่นเต้นไปด้วย ยังไงซะการเช่าบ้านก็ไม่ได้สะดวกเท่าไหร่นัก

“ได้ เดี๋ยวฉันจะรีบไป”

หวังเย่าเดินเข้าไปในประตูเมืองพร้อมกับให้ทหารตรวจสอบตัวตนในสายรัดข้อมือ ก่อนจะได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองไป

เพราะมันก็มีสัตว์อสูรที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ พวกนั้นถึงกับมีความฉลาดเหมือนกับมนุษย์

แต่สายรัดข้อมือและข้อมูลต่าง ๆ ไม่อาจจะปลอมแปลงขึ้นมาได้ เพราะแบบนั้นเมืองจึงสงบสุขมาโดยตลอด แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะมีพวกสัตว์อสูรที่แอบเข้ามาในเมืองอย่างสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์

สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์และสูงกว่านั้นมีความฉลาดและสามารถแปลงกายได้ กำแพงที่สูงไม่กี่ร้อยเมตรนี้ไม่อาจจะหยุดพวกเขาได้ เพียงแค่ใช้ความพยายามเล็กน้อย พวกเขาก็สามารถข้ามกำแพงนี้ได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่า สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์และระดับเทพรังเกียจที่จะกินเนื้อมนุษย์ ซึ่งไม่เหมือนปิศาจในนิยายที่จะซ่อนตัวอยู่ในสังคมมนุษย์ และออกมากินคนเป็นครั้งคราว

อันที่จริงแล้ว พวกทหารรับจ้างระดับ SS ก็นับว่าอยู่ในสายตาของสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังเทียบกับการกินสัตว์อสูรด้วยกันไม่ได้

เหตุผลว่าทำไมสัตว์อสูรถึงได้แอบเข้ามาในเมืองก็เพราะความสงสัยในตัวมนุษย์ พวกเขาอยากเรียนรู้สังคมของมนุษย์

ตลอดหลายปีมานี้มีสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ตัวเดียวที่ถูกพบ

นี่คืออันตรายที่หลบซ่อนอยู่

หวังเย่าเอารถออกมาจากกระเป๋ามิติ รถนี่ราคากว่าล้านเครดิต มันถือว่าเป็นรถที่แพงที่สุดในตลาดตอนนี้

ตั้งแต่ที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็หยุดชะงัก ยังไงซะรถพวกนี้ก็สามารถใช้ได้แค่ในเมือง และยังมีการจำกัดความเร็วอีก

ในป่านั้นถนนหนทางค่อนข้างแย่ รถพวกนี้ไม่อาจจะเป็นประโยชน์อะไร มันอาจจะถูกสัตว์อสูรโจมตี ดังนั้นเมื่อเดินทางในป่า พวกเขาจึงไม่ใช้รถทั่วไป

หวังเย่าขึ้นรถและขับออกมาตามทิศทางที่สายรัดข้อมือบอก เขาใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็มาถึงเขตมังกรแล้ว

ทันทีที่มาถึงเขาก็ลงจากรถ ก่อนจะเก็บรถเข้าไปในกระเป๋ามิติ

เพราะพื้นที่ของเมืองมีจำกัด ดังนั้นจึงมีรถเพียงไม่กี่คันที่จอดอยู่ ยังไงซะลานจอดรถนั้นก็ต้องจ่ายเงินตามเวลาที่จอด คนส่วนมากจึงชินกับการเก็บรถเข้าไปในกระเป๋ามิติซึ่งถือว่าเป็นเรื่องทั่วไปที่คนเขาทำกัน

นอกจากนี้แล้วบ้านในเมือง ยกเว้นวิลล่า จะมีขนาดเท่า ๆ กันและยังมีการจำกัดการซื้อขายอีกด้วย ส่วนที่แตกต่างกันคือบ้านเหล่านี้สามารถเก็บใส่ในกระเป๋ามิติได้

สิ่งของมากมายสามารถใส่ลงในกระเป๋ามิติได้ ดังนั้นประชาชนทั่วไปแม้จะอยู่หนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น แต่ก็สามารถอาศัยอยู่ทั้งครอบครัวได้อย่างไม่แออัด เพราะว่าข้าวของส่วนใหญ่มักจะเก็บไว้ในกระเป๋ามิติ

“เขตมังกร”

หวังเย่ามองออกไปภายนอกก่อนจะพบกับลานกว้าง มันมีป้ายเขียนไว้ว่าเขตมังกร สองข้างทางมีดอกไม้สีเหลืองปลูกประดับเอาไว้

“บรรยากาศดีจริง ๆ ”

“ สวัสดีค่ะประธานหวัง ฉัน หยางเสี่ยวหยวน เป็นผู้ช่วยของคุณจ้าว  คุณจ้าวให้ฉันมารับคุณ”

มีเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าร้านค้า เมื่อเห็นว่าหวังเย่าลงมาจากรถ เธอก็รีบเดินเข้ามาหาทันที

ถึงจะบอกว่าเป็นเด็กสาว แต่หวังเย่าก็อายุมากกว่าเธอไม่มากนัก เพราะหวังเย่าอายุแค่ 18 ปี แต่หวังเย่านั้นดูสูงและแข็งแกร่ง ยังไงซะเขาก็เป็นทหารระดับ A  เขาสามารถสู้กับสัตว์อสูรเลเวล 50 ได้

เมื่อรวมกับฐานะผู้ตรวจสอบ 1 ดาวและเงินทองมากมายที่เขามีแล้ว  แม้ว่าหวังเย่าจะเป็นกันเองกับคนอื่น แต่ก็ไม่อาจจะปกปิดความต่างชั้นที่มีได้

“ทำไมถึงเรียกฉันว่าประธาน ? ”  หวังเย่าโบกมือและเดินนำออกไป

 “ตอนที่คุณไม่อยู่ บริษัทสำรวจพื้นที่หัวเซี่ยจำกัดได้ก่อตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการ ที่อยู่บริษัทคือตึกเพนตากอนชั้น 13 ทั้งชั้น เราเช่าที่นั่นไว้ 3 ปี เมื่อตั้งบริษัทขึ้นมาแล้ว เป็นธรรมดาที่เราจะรับคนเพิ่มเพื่อรอให้ท่านประธานหวังกลับมาตรวจสอบ”

หยางเสี่ยวหยวนแอบมองไปที่หวังเย่า เธอรวบรวมความกล้าและพูดขึ้นมา  “ ตึกเพนตากอนห่างจากประตูเมืองทิศตะวันตกไม่มาก เดินทางแค่ 30 นาทีก็ถึงแล้ว จากเขตมังกรเดินทางไปบริษัทแค่ 10 นาทีเท่านั้น”

หวังเย่ายิ้มออกมา จ้าวเมิ่งซีจัดการได้ดีอย่างมาก มากกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก ต้องรู้ก่อนว่าการเดินทางจากประตูตะวันตกไปตะวันออกนั้นต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

แต่หวังเย่าก็แอบสนใจฝั่งตะวันตกอยู่เล็กน้อย

“ก็ดีนะ ฝั่งตะวันตกเป็นพื้นที่ราบ ส่วนฝั่งตะวันออกเป็นมหาสมุทร ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมหาสมุทรเลย มันคงจะดีถ้าเริ่มต้นที่ฝั่งตะวันตก”

“ แล้วสำนักงานของกลุ่มทหารรับจ้างโลกาล่ะ อยู่ที่ไหน ? ”  หวังเย่าถามขึ้นมา

“ ชั้น 8 ของตึกเค ในเขตที่พักทหารรับจ้างประตูตะวันตก”  หยางเสี่ยวซวนตอบกลับ

หวังเย่าพยักหน้า เมืองหัวเซี่ยนั้นแบ่งประตูเมืองออกเป็นสี่ทิศ เหนือใต้ออกตก ใกล้กับประตูเมืองจะเป็นโถงภารกิจและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ห่างออกไปอีกหน่อยก็จะเป็นเขตที่พักอาศัยทหารรับจ้าง

เขตที่พักทหารรับจ้างแบ่งออกเป็นหลายลาน สมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างเดียวกันจะอยู่ด้วยกัน เทียบได้กับการเข้างาน พวกเขามีวันหยุดและมีเงินเดือน

นอกจากนี้แล้ว พวกทหารรับจ้างอิสระก็มักจะอาศัยอยู่ตามโรงแรม แน่นอนว่าถ้าพวกเขามีบ้าน ก็จะอาศัยอยู่ที่บ้าน มีแค่พวกคนโสดเท่านั้นที่จะอาศัยอยู่ตามโรงแรมต่าง ๆ

ในเขตที่พักทหารรับจ้างนั้นจะมีอาคารฝึกซ้อมอยู่ด้วย มันคือตึกสูง 20-30 ชั้น เป็นสถานที่ฝึกอบรมและมีอุปกรณ์ที่ครบครัน ซึ่งเหมาะสำหรับการฝึกซ้อมของพวกทหาร นอกจากนี้ก็ยังมีสนามตัดสินและการพนัน

อีกทั้งทางรัฐยังอนุญาตให้เปิดซ่องที่นั่น โดยมีกฎเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าคนที่จะเข้ามาที่นี่ได้จะต้องโสดหรือไม่ก็หย่าร้างแล้วเท่านั้น

ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ทหารรับจ้างประจำและทหารรับจ้างอิสระที่อยู่ในเขตที่พักทหารรับจ้าง ก็เหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง

ทหารรับจ้างจะต้องออกไปล่าสัตว์อสูรที่ป่าและต้องเจอกับอันตรายอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะค่าจ้างและค่าตอบแทบที่สูง จึงทำให้คนหนุ่มสาวหันมาเป็นทหารรับจ้างกันมากขึ้น

เขตมังกรคือเขตวิลล่าอันหรูหรา ซึ่งมีผู้ตรวจสอบพักอาศัยอยู่ที่นี่หลายคน หวังเย่าเองก็เคยมาที่นี่ เพราะเฉี่ยนเจินเฉียนก็พักอยู่ที่เขตนี้ด้วย

เขตนี้ดูงดงามและมีต้นไม้ปลูกไว้มากมายซึ่งทำให้ทิวทัศน์ที่นี่ดีขึ้นมา

หวังเย่าเดินตามหยางเสี่ยวซวนไปพลางครุ่นคิดกับตัวเองว่าเขาควรจะหาผู้ช่วยของตัวเองดีรึไม่

จู่ ๆ ก็มีใบหน้าของสาวงามคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวของเขา

นั่นไม่ใช่จ้าวเมิ่งซี !

ไม่ใช่ฟ่านฉิงเหมย !

มันคือเสี่ยวเว่ย สาวน้อยในตลาดมืดที่เมืองอรุณ !

“น้องเสี่ยวเว่ย เธอไปอยู่ที่ไหนแล้ว”  หวังเย่ารู้สึกเสียใจ เขาคิดว่าคงจะไม่ได้พบกับเสี่ยวเว่ยไปตลอดชีวิต

ผ่านไปไม่นาน หวังเย่าก็มาหยุดอยู่ที่วิลล่าสี่ชั้นขนาดใหญ่หลังหนึ่ง  เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสาม เขาก็พบกับสาวงามที่หันกลับมายิ้มให้กับเขา