ตอนที่ 192 : การรวมตัวของทั้งสาม
แค่เพียงกระโดดเบาๆ หวังเย่าก็ขึ้นไปที่ชั้นที่สองและเข้าไปกอดจ้าวเมิ่งซีเอาไว้
“มีคนอยู่ อย่ามารุ่มร่ามแบบนี้” จ้าวเมิ่งซีหน้าแดงขึ้นมา
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” หวังเย่าพูดพร้อมกับลูบไปที่หลังของจ้าวเมิ่งซี ก่อนจะหันกลับไปมองที่ด้านหลังและพบว่านอกจากพนักงานขายแล้ว จูเย่เหยียนก็อยู่ที่นี้ด้วย
สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจที่สุดคือมีอีกคนที่เขาไม่ได้เจอมานาน และเป็นคนที่เขาอยากจะเจอมาโดยตลอด นั้นก็คือฟ่านฉิงเหมย
“หวังเย่า ฉันเข้าใจว่านายรู้สึกยังไง ฉันคุยกับพี่ฟ่าน นี่ไม่ใช่แค่บ้านฉันกับนายเท่านั้น แต่ยังเป็นบ้านของพี่ฟ่านด้วย” จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้นมา
หวังเย่าตาแดงก่ำ แฟนดี ๆ แบบนี้ เขาจะหาได้จากที่ไหนอีก
“เธอนี่ดีจริง ๆ ” หวังเย่าพูดขึ้น
“นายไปคุยกับพี่ฟ่านเถอะ” จ้าวเมิ่งซีเดินลงไปที่ชั้นล่างพร้อมกับพนักงานขาย, จูเย่เหยียนและผู้ช่วยของเธอ
“เหมยเอ๋อร์ ในที่สุดเธอก็กลับมา” หวังเย่าเดินเข้าไปหาฟ่านฉิงเหมยพร้อมกับแสดงความห่วงใยออกมา
“ไม่ต้องมามองฉันแบบนั้น หน้าฉันไม่ได้มีอะไรติดซะหน่อย” ฟ่านฉิงเหมยแก่กว่าหวังเย่า 2 ปี แต่ตอนนี้เธอกลับหน้าแดงขึ้นมาเมื่อหวังเย่ามองหน้าเธอแบบนี้
“ฉันคิดถึงเธอ เธอคิดถึงฉันบ้างรึเปล่า ? ” หวังเย่าทำตัวราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งมีความรัก เขาวิ่งเข้าไปกอดเธอ พร้อมกับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากตัวเธอ ตอนนั้นฟ่านฉิงเหมยได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ
“ฮ่าฮ่า เธอคิดยังไง ? เธออยากแต่งงานกับฉันรึเปล่า ? ” หวังเย่ายิ้มและถามขึ้นมา
“ฮึ่ม…ฉันไม่อยาก” ฟ่านฉิงเหมยรู้ว่าหวังเย่าเอาแต่ใจตัวเอง หากยอมเขาสักครั้ง เขาก็จะได้ใจไปตลอด
หวังเย่าแสดงสีหน้าขมขื่นราวกับเด็กที่กำลังจะร้องไห้ออกมา
จากนั้นทั้งสองก็กอดกันไว้แน่น
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะเอาตัวไปถูกับตัวของเธอจนรู้สึกได้ถึงความนุ่มจากหน้าอกของเธอ เพราะมันใหญ่กว่าของจ้าวเมิ่งซีซะอีก
5 นาทีต่อมาทั้งสองก็พากันจัดเสื้อผ้าและเดินลงมาที่ชั้นล่าง
“หวังเย่า บ้านเป็นยังไงบ้าง ? ” จ้าวเมิ่งซียิ้มและถามขึ้นมา
แน่นอนว่าหวังเย่าไม่มีปัญหาอะไร ตราบใดที่ทั้งสองชอบ เขาก็พอใจกับมัน
“ขอแค่พวกเธอชอบก็พอแล้ว”
“ฉันกับพี่รู้สึกชอบที่นี่ เราจะซื้อที่นี่แต่นายต้องเป็นคนจ่าย”
“แน่นอนว่าฉันต้องเป็นคนจ่ายอยู่แล้ว”
ไม่ว่าวิลล่านี่จะราคาเท่าไหร่ มันก็ไม่ใช่เงินมากมายสำหรับหวังเย่าในตอนนี้
พนักงานขายแสดงสีหน้ายินดีออกมา เธอรีบจัดการกับสัญญาก่อนจะส่งเอกสารให้กับจูเย่เหยียน เพราะว่าหวังเย่าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่
ตอนนี้จูเย่เหยียนเป็นซีอีโอของบริษัท เขามีอำนาจอย่างมาก และเขาก็มีความสามารถที่จะได้ตำแหน่งนี้ไป
เขาอ่านสัญญาอยู่สักพัก ผ่านไป 2 นาทีเขาจึงพยักหน้า “คุณหวัง สัญญานี่ปกติดี บ้านหลังนี่ราคา 40 ล้าน”
ราคา 40 ล้านถือว่าค่อนข้างแพง แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้
ยังไงซะเพราะพื้นที่ที่แออัดในเมือง บ้านทั่วไปจึงราคาต่ำ บ้านส่วนมากราคาแค่หลักหมื่นซึ่งเพียงพอกับความต้องการของผู้คนในการพักอยู่อาศัย แต่วิลล่าที่หรูหรานั้นจะตั้งราคาไว้ค่อนข้างสูง ขนาดและจำนวนของมันก็ยังถูกจำกัดเอาไว้ด้วย
ส่วนคฤหาสน์นั้นถูกห้ามไม่ให้สร้างขึ้นมา
หวังเย่าพยักหน้าและพูดขึ้น “งั้นก็ทำสัญญาเลย”
หลังจากที่ทำสัญญาเสร็จสิ้น พนักงานขายก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปสัญญาเอาไว้
อันที่จริงแล้ว หวังเย่าก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่อยากจะเสพสุขกับความหรูหราและความสบาย คนรวยทุกคนอยากมีคฤหาสน์เป็นของตัวเอง แต่โดยพื้นฐานแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับเมืองใหญ่ แม้แต่บ้านของเจ้าเมืองก็ยังไม่ถึงเกณฑ์ของคฤหาสน์
แน่นอนว่าตราบใดที่มีความแข็งแกร่งรึเงินมากพอ นี่ไม่ต้องพูดถึงคฤหาสน์เลย แม้แต่การสร้างเมืองขึ้นมาก็ไม่ใช่ปัญหา
เพียงแต่ว่ามันจะไม่ถูกสร้างไว้ในเมือง แต่เป็นมิตินอกที่ถูกยึดมาได้
ก็เหมือนกับมิติภูเขาเขาวัวที่มีกลุ่มทหารรับจ้างประจำการอยู่ที่นั่น พวกเขาได้สร้างสวนผักและที่พักขึ้นมา แต่การสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ก็ยังต้องอาศัยช่างและวัสดุที่จำเป็นอยู่
วัสดุต่าง ๆ สามารถเก็บไว้ในกระเป๋ามิติได้ แต่ช่างและคนงานนั้นจะต้องเดินทางไปที่นั่นด้วยตัวเอง อีกอย่างแล้วพวกเขาไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเอง
การสร้างคฤหาสน์ในมิตินั้นถือว่าเป้นการไปอยู่ยังต่างโลก มันไม่ได้มีสัญญาณติดต่อกับโลกภายนอก
แน่นอนว่าอันตรายจากสัตว์อสูรเองก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ต้องพิจารณา
หลังจากทำสัญญาแล้ว หวังเย่าก็ได้บอกจูเย่เหยียนและหยางเสี่ยวซวนให้คอยจัดการธุระเล็ก ๆ น้อย ๆ กับพนักงานขาย เขามีหน้าที่แค่จ่ายเงินเท่านั้น
“เรื่องบ้านก็เสร็จแล้ว สำหรับการตกแต่ง พวกเธอสองคนดูแลไปละกัน ตราบใดที่พวกเธอชอบ ฉันก็ชอบด้วย” หวังเย่าทำการโอนเงินให้พวกเธอคนละ 300 ล้านเครดิต เป็นธรรมดาที่เขาจะให้เงินกับแฟนของเขา เผื่อว่าพวกเธอจะซื้อของที่พวกเธอต้องการ
นอกจากนี้ หลังจากที่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน เขาก็ต้องวิวัฒนาการสัตว์อสูรของฟ่านฉิงเหมยและจ้าวเมิ่งซีด้วย
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว หวังเย่าก็เดินทางไปที่บริษัทในตึกเพนตากอนต่อ ที่นี่กว้างขวาง พนักงานเองก็ขยัน เขาพอใจกับที่นี่อย่างมาก
หน้าที่หลักของบริษัทคือการหาข้อมูลต่าง ๆ จากภารกิจที่โถงภารกิจส่งให้ รวมไปถึงคัดเลือกภารกิจและรายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์อสูรในแต่ละภารกิจ
ส่วนกลุ่มทหารรับจ้างโลกานั้นรับหน้าที่ในการจัดการกับภารกิจเหล่านั้นไป
นอกจากนี้แล้ว หวังเย่าก็ยังเป็นผู้ตรวจสอบ 1 ดาว ตราบใดที่เขาต้องการก็มีกลุ่มทหารรับจ้างจำนวนมากที่อยากจะร่วมงานกับเขา
ด้วยตำแหน่งนี้ หวังเย่าจึงสามารถเรียกคนหรือโอนอำนาจบางส่วนได้ เขาสามารถเรียกคนมาใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมไปถึงรับภารกิจมากขึ้นและอัตราในการทำภารกิจสำเร็จก็เร็วขึ้น
นี่มันเท่ากับการทำธุรกิจ โอกาสสำเร็จและก้าวหน้านั้นสูงอย่างมาก
หลังจากตรวจสอบบริษัทแล้ว หวังเย่าก็ได้พาสาว ๆ ทั้งสองคนไปยังเขตที่พักทหารรับจ้าง
“หัวหน้ามาแล้ว”
เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 8 ของตึกเค หลงปู้หยู๋ก็ได้เข้ามาต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพาหวังเย่าเดินชมรอบ ๆ
ชั้นนี้เป็นของกลุ่มทหารรับจ้างโลกาทั้งหมด มันมีพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางเมตร มีห้องซ้อม, ห้องกินข้าวและมีห้องนอนกว่า 50 ห้อง แต่ละห้องนอนได้ 28 คน ที่นี่พักได้มากกว่า 200 คน
เมื่อกลุ่มทหารรับจ้างโลกาได้ขึ้นไปถึงระดับ 5 แล้ว หลังจากที่รับคนมาเพิ่มพันคน พวกเขาก็ต้องเช่าที่เพิ่ม นี่ยังไม่นับรวมสมาชิกสำรองอีก….มันถือว่าค่อนข้างใช้เงินเยอะ
แต่นั่นคือเงินที่ต้องลงทุน
เป็นธรรมดาที่หวังเย่าจะไม่ใส่ใจกับเงินแค่หลักสิบล้าน รอจนเขาแข็งแกร่งพอ เขาจะไปยึดมิติลับมา จากนั้นอย่าว่าแต่เลี้ยงคนสองพันคนเลย ต่อให้เลี้ยงเป็นหมื่นก็ไม่คณนามือเขา
“หลงปู้หยู๋ นายบอกสมาชิกทั้งหมดให้เตรียมตัว ในอีก 2-3 วันฉันจะพาพวกนายไปที่มิติดวงจันทร์ ฉันยังมีของขวัญให้กับนายด้วย” หวังเย่าเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา
หลงปู้หยู๋ตาเป็นประกายขึ้นมา ในที่สุดเขาก็จะได้อสูรแล้วใช่ไหม ?
ตั้งแต่ที่เขายกเลิกสัญญากับกิเลนไฟนั้น ความแข็งแกร่งของเขาก็ลดลงมาอย่างมาก หวังเย่ารับปากว่าจะหาอสูรที่ไม่ต่ำกว่าระดับสวรรค์ให้กับเขา
มิติดวงจันทร์เป็นมิติ 5 ดาว มันมีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของหัวเซี่ย มันมีพื้นที่ 134 ล้านตารางกิโลเมตร
เพราะที่นี่คล้ายกับดวงจันทร์ แสงจันทร์ที่เฉิดฉายออกมาจึงพิเศษ ทำให้สัตว์อสูรที่นั่นมีพลังที่แข็งแกร่ง ทหารรับจ้างหลายคนอยากที่จะทำสัญญากับสัตว์อสูรพวกนั้นอย่างมาก