ตอนที่ 204 เข้าป่าเก็บสมุนไพร (2)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 204 เข้าป่าเก็บสมุนไพร (2)

เหยาเหยียนอี้ส่ายหน้าแล้วไม่พูดให้มากความ เรื่องในจวนที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเอ่ยถามอะไรอยู่แล้ว

จินหวนก็รีบเก็บของทันทีแล้วกลับมาปูที่นอนให้ดี หลังจากที่ปรนนิบัติรับใช้สองสามีภรรยา เหยาเหยียนอี้นอนหลับแล้วจึงจะเป่าเทียนดับ ปิดประตูและออกไปข้างนอกเงียบๆ

พูดถึงเถียนซื่อที่รู้สึกไม่สบายใจมาทั้งบ่ายจวบจนกลางคืน จนสาวใช้สี่เชวี่ยแอบมาบอกว่าคนในเรือนคุณชายรองต่างก็นอนหลับกันหมดแล้ว ถึงจะค่อยๆ ถอนหายใจออกมา

เพราะว่าเหยาเชวี่ยหวาสืบเรื่องที่เกี่ยวกับท่านเซียวโหวแล้วถูกเหยาเยี่ยนอวี่ตำหนิจึงถูกเถียนซื่อรู้แต่โดยเร็ว แล้วยังเพราะเรื่องนี้ หมัวมัวที่สั่งสอนเหยาเชวี่ยหวาก็ถูกว่ากล่าวตำหนิไปด้วย

ตอนนั้นเถียนซื่อออกจากเรือนของเหยาเชวี่ยหวาก็รู้สึกวิตกกังวลกลัวว่าฮูหยินจะตำหนิเหยาเชวี่ยหวาเพราะเรื่องนี้ หลังจากที่ครุ่นคิดไปสักพัก สุดท้ายก็ยอมฝืนใจส่งแจกันโบราณคู่หนึ่งที่กว่าจะได้มานั้นไม่ง่ายไปยังเรือนที่พักของหนิงซื่อก็เพื่อเรื่องของบุตรี หากถูกฮูหยินรู้เข้า หนิงซื่ออาจจะเห็นแก่แจกันคู่นั้นแล้วปกป้องบุตรีแทนนางเสียหน่อย

หลังจากนั้นก็กลัวว่าหนิงซื่อจะไม่รับ ไปสืบข่าวมาว่าหนิงซื่ออยู่ในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า จึงส่งไปด้วยตัวเอง แล้วยังใช้ข้ออ้างว่าต้องการร่วมแสดงความยินดีกับเหยาเหยียนอี้ จินหวนก็ปฏิเสธไปตามตรงไม่ได้ แค่บอกรอให้ฮูหยินกลับมาแล้วค่อยทำตามความหมายของนาง

สุดท้ายก็รู้สึกสบายใจเสียที! ไหนๆ ก็รับของไว้แล้ วก็คงไม่มีเหตุผลที่จะรับไปโดยไม่ตอบแทนผลประโยชน์ใดๆ เถียนซื่อสั่งให้สาวใช้ตักน้ำมาให้ตนล้างหน้าแปรงฟันแล้วเตรียมตัวเข้านอน ดังคาด ทันใดนั้นประตูเรือนก็ดังขึ้น ผัวจื่อคนหนึ่งที่คอยติดตามหวางซื่อก็เข้ามารายงาน “สะใภ้อี๋หลับหรือยัง ท่านฮูหยินมีธุระกับท่าน จึงสั่งให้ท่านไปเยือนเรือนหน้าเสียหน่อย”

หัวใจของเถียนซื่อสั่นสะท้านอย่างแรง นางรีบเผยยิ้มออกมาพร้อมเอ่ยถาม “ดึกดื่นป่านนี้ฮูหยินยังไม่หลับอีกหรือ”

ผัวจื่อผู้นั้นแสยะยิ้มเย็นชา “ท่านฮูหยินมีการมีงานเยอะ หรือสะใภ้อี๋ไม่รู้? รีบไปเถอะ หากท่านฮูหยินรอไม่ไหวคงไม่ใช่เรื่องดีกับทุกคน”

เถียนซื่อโมโหที่ผัวจื่อผู้นี้พูดจาไม่รู้จักเกรงใจ ทว่านางเองก็มีพิรุธในใจจึงไม่กล้ามากความ แค่ส่องคันฉ่องแล้วจัดระเบียบเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปตามคำสั่งของหวางซื่อ

หวางฮูหยินเปลี่ยนเสื้อชั้นนอก สวมแค่ชุดตัวในนั่งอยู่บนตั่งไม้ พอเห็นเถียนซื่อเข้ามาก็ถอนหายใจแผ่วเบา “ตามหลักแล้วหลายวันมานี้ในจวนมีแต่เรื่องน่ายินดี เป็นเวลาที่ควรแก่การใช้คนเป็นจำนวนมาก ทว่าเมื่อคืนข้าฝัน ในฝันเห็นเจ้าแม่กวนอิมตรัสกับข้า ช่วงนี้ในจวนมีคนกระทำผิด หากอยากจะมีชีวิตที่สันติสุขก็ต้องมีคนไปสวดมนต์ ‘ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร’ ที่วัดเป็นเวลาหนึ่งเดือน เวลานี้ข้าก็ไปไม่ได้ ทว่าความหมายของเจ้าแม่กวนอิมก็มิอาจไม่ทำตาม ข้าครุ่นคิดไปสักพักก็มีเพียงเจ้าแล้ว! เจ้าเป็นคนของนายท่านจึงเหมาะสมกว่าผู้อื่น เจ้ากลับไปเก็บข้าวเก็บของเถอะ วันพรุ่งนี้ก็ไปพักอาศัยในวัดผู่จี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน กินมังสวิรัติและสวดมนต์ขอพรให้กับฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านผู้เฒ่า และทุกๆ คนในจวนเถอะ”

เถียนซื่อเหมือนถูกฟ้าผ่า พูดอะไรไม่ออกไปสักพัก

หวางฮูหยินมองนางเพียงพริบตาเดียวแล้วเอ่ยต่อ “ครั้งนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว ช่วงเวลาที่เจ้าไม่อยู่ ข้าจะปฏิบัติกับยัยหนูสามเป็นอย่างดี เจ้าวางใจเถอะ”

เถียนซื่อแค่ตอบรับ “เจ้าค่ะ บ่าวขอน้อมรับคำสั่งของท่านฮูหยิน วันพรุ่งนี้จะเดินทางไปยังวัดผู่จี้เจ้าค่ะ”

“ดึกมากแล้ว ให้สะใภ้ซานว่างไปช่วยเจ้าเก็บของเถอะ เช้าวันรุ่งขึ้นทางฝั่งฮูหยินผู้เฒ่ายังมีธุระ เจ้าก็ไม่ต้องไปทักทายตอนเช้าแล้ว” หวางฮูหยินพูดไปก็ลุกขึ้นจากตั่งไม้เตี้ยแล้วเดินเข้าไปในเรือนนอน

เถียนซื่อก็ตามไปปรนนิบัติรับใช้หวางฮูหยินนอนหลับด้วยความเคารพแล้วก็ถอยไปอย่างเงียบๆ

พอออกจากเรือนที่พัก หวางฮูหยินเถียนซื่อก็ ‘ฮื้อ’ ร้องไห้ออกมาแล้วบอกว่าจะไปเข้าพบนายท่านผู้เฒ่า

สะใภ้ซานว่างจึงแสยะยิ้ม “ข้าขอเตือนอี๋เหนียง อย่าหาเรื่องใส่หัวเลย นายท่านผู้เฒ่านอนหลับไปนานแล้ว ท่านกล้าไปปลุกให้ตื่นหรือ เรื่องที่ตนเองทำ ตนเองก็คงจะรู้ดี ต่อให้คุณหนูสามจะเด็กมากเพียงใดก็เป็นนายหญิง เป็นคนที่ท่านจะยุยงไปเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร อีกอย่างคุณหนูสามทำการใดผิด มีผลประโยชน์อะไรกับท่าน ข้าขอเตือนว่าพวกเรารีบไปกันเถอะ เก็บข้าวของให้ท่านเสร็จข้าจะหลับพักผ่อนบ้าง ไม่เช่นนั้นจะมีเรี่ยวมีแรงส่งท่านไปวัดได้อย่างไร”

ตอนนี้เถียนซื่อมีความทุกข์แต่ยากจะอธิบายออกมา ทำได้เพียงเช็ดน้ำตาแล้วกลับเรือนตัวเองเก็บข้าวของพวกเสื้อผ้า ผ้าห่ม และทรัพย์สินส่วนตัว การจากไปครั้งนี้กินเวลาหนึ่งเดือน เวลาหนึ่งเดือนจะว่านานก็ไม่ถือว่านาน จะบอกว่าสั้นก็ไม่ถือว่าสั้น เกิดเรื่องอะไรต่อมิอะไรได้ตั้งมากมาย!

อารามแม้ว่าจะเป็นสถานที่สงบสุข ทว่าสถานที่ที่มีคนก็ย่อมมีการแก่งแย่ง แน่นอนว่าต้องไม่ขาดการติดสินบน พอนึกถึงแจกันสุดล้ำค่าคู่นั้นที่ส่งให้หนิงซื่อโดยไม่ได้รับการตอบแทนใดๆ หัวใจของเถียนอี๋เหนียงก็แทบจะสลาย

คืนนี้ในจวนข้าหลวงใหญ่ บางคนรื่นเริงยินดี บางคนก็โศกเศร้าจนอยากร้องไห้ ต่างก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหยาเยี่ยนอวี่

เหยาเยี่ยนอวี่นอนหลับ พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามซื่อ[1]แล้ว เห็นว่าพลาดเวลาเข้าพบฮูหยินผู้เฒ่าและท่านฮูหยินในช่วงเช้าจึงรีบลุกขึ้นแล้วตำหนิชุ่ยเวย “เหตุใดถึงไม่ปลุกข้าตื่นตามเวลาด้วย”

“เมื่อครู่คุณชายรองสั่งให้คนมาบอกว่ารอให้คุณหนูตื่นค่อยสั่งให้ตั้งอาหารเช้าเจ้าค่ะ หลังจากรับอาหารเสร็จค่อยไปเรือนหน้า ฮูหยินผู้เฒ่าและท่านฮูหยินต่างก็อยู่ตรงนั้น คุณชายรองบอกแล้วว่าวันนี้ถนนหนทางที่จะเดินทางนั้นค่อนข้างไกล เกรงว่าออกเดินทางสายตอนกลางคืนกลัวจะกลับมาไม่ทันเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ยิ่งต้องปลุกข้าให้ตื่นเช้าสิ” เหยาเยี่ยนอวี่สวมเสื้อผ้าด้วยความเร่งรีบพลางพูด

“ฮูหยินผู้เฒ่าบอกให้ห้ามปลุกเจ้าค่ะ บอกว่าคุณหนูต้องหลับให้เพียงพอถึงจะออกเดินทางได้เจ้าค่ะ”

เหยาเยี่ยนอวี่แอบยิ้มในใจ ตัวเองกลายเป็นแก้วตาดวงใจของฮูหยินผู้เฒ่าตั้งแต่เมื่อใดกัน แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่แต่งกายเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยไปน้อมทำความเคารพซ่งฮูหยินผู้เฒ่า และหวางฮูหยินที่เรือนหนิงรุ่ย ซ่งฮูหยินผู้เฒ่ากำชับอีกครั้งแล้วสั่งให้ผู้ที่ติดตามไปดูแลเป็นอย่างดีถึงจะปล่อยให้เหยาเยี่ยนอวี่และคนอื่นๆ จากไป

รถม้าถูกจัดเตรียมอย่างถี่ถ้วนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว เหยาเหยียนอี้พาเหล่าบ่าวไพร่รออยู่ด้านหน้า เหยาเหยี่ยนอวี่ไม่พูดจาไร้สาระแม้แต่คำเดียว ขึ้นรถม้าทันที เหยาเหยียนอี้เหมือนจะเร่งรีบกว่านาง จึงสั่งให้คนรีบเดินทางโดยด่วน

วันนี้พวกเขาเข้าป่าไปศึกษาหญ้าห้ามเลือดและดักแด้ดินว่ามีลักษณะอย่างไรกันแน่ สมุนไพรเหล่านี้ต้องรอให้เหยาเยี่ยนอวี่แน่ใจถึงจะดำเนินการต่อ ตั้งแต่ตอนนี้จนกว่าจะครบเวลาที่ฮ่องเต้กำหนดก็ยังมีเวลาสองเดือน ทว่าเวลาสองเดือนนี้ยังต้องจัดหายาสมุนไพรและแปรรูปวัตถุดิบ อีกทั้งยังต้องรวมถึงเวลาจัดส่งกลับไปยังเมืองหลวงอวิ๋นด้วย นับเป็นช่วงเวลาไม่มากเลยจริงๆ!

หลังจากออกจากเมืองเจียง หนิงเว่ยจางก็พาทหารมากความสามารถหกนายติดตามมาด้วย

เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินเสียงเสวนาข้างนอกจึงเลิกม่านมองออกไปข้างนอกเพียงพริบตาเดียว บังเอิญเว่ยจางหันหน้ามาพอดี ทั้งสองจึงสบตากัน ต่างคนต่างหยุดชะงักไปพักหนึ่งแล้วละสายตาไปทางอื่น เดิมทีเหยาเยี่ยนอวี่นึกว่าคนๆ นี้มาถึงเจียงหนิงคงจะไปทำธุระทางราชการของตนเอง คงไม่ติดตามมาแล้ว กลับนึกไม่ถึงว่ายังตามมา ช่างเป็นคนที่รับผิดชอบต่อหน้าที่จริงๆ

ช่วงเวลาเดือนสี่ในเจียงหนานมักจะมีฝนมาก ตอนเช้าที่ออกเดินทางท้องฟ้าแค่มืดครึ้มเท่านั้น ทว่าเพิ่งออกจากประตูเมืองฝนก็ตกลงมาปรอยๆ แล้ว

นอกเมืองหลวงมีหมอกปกคลุมผืนที่นาเป็นริ้ว ภาพในครรลองคือสีเขียวขจี อากาศที่สูดเข้าปอดเย็นสบาย ทำให้รู้สึกสบายใจนัก หากไม่ใช่เพราะว่าเร่งเดินทาง เหยาเยี่ยนอวี่อยากจะลงไปรับลมแผ่วเบาแสนชุ่มชื้นนี่ อีกทั้งยังอยากตากฝนที่มีกลิ่นอายของทุ่งนาด้วย

การเดินทางครั้งนี้เป้าหมายคือเขาปั่นหลง เหยาเยี่ยนอวี่บอกว่านางสังเกตเห็นหญ้าห้ามเลือดและดักแด้ดินที่หุบเขาปั่นหลงหลังวัดผู่จี้เป็นที่แรก ดังนั้นครั้งนี้จึงไปสถานที่แห่งนั้น

จากตัวเมืองไปสิบห้าลี้ ถนนหนทางเกือบครึ่งล้วนเป็นทางหลวง แต่พอเดินทางไปถึงเขาปั่นหลง ถนนกลับขรุขระ แม้ว่ารถม้าจะยังเดินทางได้ทว่าเริ่มสั่นคลอนไปมา เหยาเยี่ยนอวี่ค่อนข้างทนถนนหนทางแบบนี้ไม่ได้จึงเปรยขึ้น “อยากขี่ม้าจัง!”

[1]ยามซื่อ คือช่วงเวลา 9.00 ถึง 11.00 น.