เข่งแรกทำซาลาเปาไว้สิบกว่าลูก หลังจากนึ่งด้วยไฟแรงจนสุกจึงนำออกจากหม้อ เปิดฝาเข่งนึ่งออก ไอน้ำร้อนสีขาวลอยฟุ้งขึ้น จากนั้นจึงได้กลิ่นหอมของซาลาเปา เด็กสี่คนล้อมอยู่รอบเตาปรุงอาหาร แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายสอแล้ว
กวั่นซื่อรีบคีบออกมาแปดลูก เด็กสี่คนคนละสองลูก เหลืออีกสามลูกให้พวกเขากิน ยกซาลาเปาสามลูกที่เหลือไปที่โต๊ะใหญ่
หลังจากดื่มสุราไป บุรุษสามคนที่นั่งตรงโต๊ะดื่มจนมึนเมาเล็กน้อย
หลี่ซื่อยกซาลาเปาไปวางบนโต๊ะ ซาลาเปาลูกใหญ่สีขาวดูอวบ คล้ายกับเด็กน้อยตัวอ้วนที่แสนน่ารัก เซียวจิ้งยี่ชอบกินซาลาเปา พอเห็นซาลาเปาดวงตาก็หยุดนิ่ง เอื้อมมือไปหยิบทันที
ซาลาเปาลูกใหญ่ที่เพิ่งนำออกจากเข่งนึ่ง ร้อนแทบตาย เซียวจิ้งยี่เพิ่งสัมผัสโดน ก็ถูกลวกจนแสยะปาก รีบเปลี่ยนใช้ตะเกียบคีบ
พอซาลาเปาถูกตะเกียบคีบ ก็สัมผัสได้ถึงแป้งที่บางและอ่อนนุ่ม แค่ดูก็รู้ว่าอร่อย
หลี่ซื่อยิ้มพร้อมกล่าว “นี่เป็นไส้ที่ยวี่หลัวปรุง ซาลาเปานี่ยวี่หลัวก็เป็นคนสอนพวกเราทำ พวกท่านดูสิรอยจีบบนซาลาเปานี่ดูดีขนาดไหน ราวกับดอกไม้ก็มิปาน! ”
เซียวยวี่มองซาลาเปาบนโต๊ะ เขาดื่มสุราจนมึนเมาเล็กน้อย ตกอยู่ในภวังค์เหม่อลอย
นี่คือซาลาเปาที่เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนทำ แป้งบางลูกใหญ่ พอกัดลงไป ก็มีน้ำมันไหลเยิ้มออกมา ครั้งก่อนเขากินรวดเดียวสี่ลูก ยังไม่หนำใจ คิดอยากกินอีก ก็ไม่มีแล้ว
คราวนี้ได้กินอีกครั้ง
เซียวยวีรีบเอื้อมมือไปหยิบ ซาลาเปาไส้หมูร้อนจนลวกมือของเขา เซียวยวี่รีบวางลงในชาม ใช้มือจับข้างใบหู เป่าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกัดลงไปหนึ่งคำ น้ำมันไหลเยิ้มถึงมือ
แป้งบางไส้เยอะ ไส้หมูมีส่วนเนื้อแดงและไขมันสลับกัน กลับไม่มันเลี่ยน ยังคงเป็นรสชาติเช่นเดียวกับคราวก่อน
ช่างอร่อยเสียจริง!
เซียวยวี่ได้กินรสชาติในครั้งก่อนอีกครั้ง รู้สึกอิ่มเอมไปถึงซอกกระดูก หรี่ตาพลางกินซาลาเปาคำแล้วคำเล่าลงท้องไปจนหมด
ซาลาเปามีเพียงสามลูก พอคิดจะไปหยิบอีกลูก จานก็ว่างเปล่าเสียแล้ว
เซียวจิ้งยี่ชี้ไปที่จาน พร้อมกล่าวอย่างรู้สึกไม่หนำใจ “เซียวเหลียน เจ้าไปห้องครัวเอามาอีกหนึ่งจาน ยังกินไม่หนำใจเลย”
ซาลาเปานี่ช่างอร่อยเสียจริง ไม่เพียงแค่กัดคำเดียวก็ถึงไส้ เครื่องปรุงด้านในยังมีน้ำมันไหลเยิ้ม กลับไม่มันเลี่ยนแม้แต่น้อย อร่อยจริงๆ อร่อยกว่าซาลาเปาที่ขายตามข้างทางกว่าร้อยเท่า
เซียวเหลียนรีบยกจานไปยังห้องครัว
เซียวจิ้งยี่กล่าวกับเซียวยวี่ด้วยท่าทางเมาสุรา “เซียวยวี่ ภรรยาของเจ้าไม่เลวจริงๆ เจ้าดูอาหารหลายอย่างบนโต๊ะนี้ เมื่อก่อนท่านป้าของเจ้าจะทำรสชาติเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร ล้วนได้ภรรยาของเจ้าสอน เจ้าดูสิ หลานสองคนของข้า ระยะนี้ตัวสูงขึ้นมาก ล้วนเป็นความดีความชอบของภรรยาเจ้า! ”
เซียวยวี่มึนเมาเล็กน้อย ได้ยินคนอื่นเอ่ยชมภรรยาของตนเอง ภายในใจเขาเกิดความรู้สึกชื่นใจ แม้แต่น้ำเสียงยังแฝงเร้นด้วยความละมุนเพราะความมึนเมาเล็กน้อย “อาหลัวดีจริงๆ ”
คราวนี้คนที่ยกซาลาเปาเข้ามาคือเซี่ยยวี่หลัว
เพิ่งเข้าประตูก็ได้ยินเซียวยวี่กล่าวประโยคนี้ เซี่ยยวี่หลัวหยุดอยู่หน้าประตู ผงะไป
เมื่อครู่เซียวยวี่บอกว่า อาหลัวดีจริง!
เซียวยวี่บอกว่านางดี นางคงไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง?
หรือจะหมายถึงคนอื่น?
แต่อาหลัว อาหลัว อาหลัวคือชื่อนางไม่ใช่หรือ? นอกจากชื่อของนางที่มีคำว่าหลัว ก็ไม่มีผู้อื่นที่มีคำนี้แล้ว
เซี่ยยวี่หลัวหน้าแดงถึงหู แต่พอเห็นเซียวยวี่ใบหน้าแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเป็นลักษณะของคนที่ดื่มสุราจนเมาแล้ว
นางจึงรู้สึกโล่งใจอย่างอดไม่ได้
ดูท่าเพราะดื่มจนเมา มีแต่ตอนดื่มเมาเท่านั้น ถึงจะกล่าววาจาเหล่านี้ออกมาได้
เซียวเหลียนมาพอดี เซี่ยยวี่หลัวส่งจานให้เขา ก่อนกลับห้องครัวไป
เซียวจิ้งยี่ตบบ่าเซียวยวี่ทีหนึ่ง ดวงตาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าดื่มมากเกินไป “เจ้าหนุ่มนี่ หายากนักที่จะได้ยินเจ้าบอกว่าใครดี วาจาเมื่อครู่ของเจ้าหากภรรยาของเจ้าได้ยินคงดี พวกเจ้าสองสามีภรรยาอย่าเอาแต่ทำสีหน้าบึ้งตึง ต้องยิ้มให้มาก ภรรยาตัวน้อย ต้องเอาอกเอาใจ คอยเอาอกเอาใจก็พอแล้ว เป็นสามีภรรยากัน ไม่มีคู่ไหนที่ไม่มีปากเสียง ข้ากับท่านป้าของเจ้าอยู่กันมานานขนาดนี้ หัวเตียงทะเลาะกันท้ายเตียงกลมเกลียว ทะเลาะกันมากขึ้นยังสามารถกระชับความสัมพันธ์ด้วย หากไม่ทะเลาะกันสิ ถึงจะจืดจางจริงๆ ”
เซียวยวี่มึนเมาเล็กน้อย แต่ยังมีสติแจ่มชัด เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เมาสุรา “ขอรับ ข้ารู้แล้ว”
จวบจนทางเซี่ยยวี่หลัวทำซาลาเปาเข่งสุดท้ายเสร็จ เหล่าบุรุษก็กินเสร็จแล้ว จะกลับบ้านแล้ว
เซียวจิ้งยี่ได้เซียวเหลียนพยุงยังโวยวายจะดื่มอีก เซียวเหลียนก็ดื่มมากไป กล่าวด้วยอาการมึนเมา “ท่านพ่อ ท่านดื่มมากไปแล้วขอรับ เซียวยวี่ก็ดื่มมากไปแล้ว ครั้งหน้าค่อยดื่มเถอะขอรับ”
เซียวจิ้งยี่ถลึงตาใส่ พร้อมตะคอกเสียงดัง “เจ้าเด็กบ้านี่ กล้ามาคุมข้าด้วยหรือ ข้าอยากดื่มก็จะดื่ม! ”
กวั่นซื่อที่ออกมาจากห้องครัวโมโหจนแทบทนไม่ไหว ยื่นมือไปประคองเขา “ดื่มดื่มดื่ม ดื่มจนเป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะดื่มอีก ไม่รู้จักดูแลร่างกายของตัวเอง ไป ตามข้ากลับห้องไปพักผ่อน ท่านเมาสุราคราวนี้ ไม่รู้ว่าจะเมาค้างไปอีกกี่วัน ไม่รู้จักทะนุถนอมร่างกายตัวเอง ถึงธรณีประตูแล้ว ยกเท้าซ้าย เท้าขวา…”
พอกวั่นซื่อเข้าประคอง เซียวจิ้งยี่ที่มึนเมาสุราก็แนบติดบนกายกวั่นซื่อทันที สองสามีภรรยาสูงวัยประคองซึ่งกัน เซียวจิ้งยี่เหมือนเด็กที่ว่าง่าย ไม่กล้ากล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว เอียงศีรษะพิงบนไหล่ของกวั่นซื่อ สองสามีภรรยาใกล้ชิดสนิทสนมกันเสียยิ่งกว่าอะไร
ถึงแม้กวั่นซื่อจะพร่ำบ่น แต่ก็กลัวว่าสามีของตนเองจะได้รับบาดเจ็บ ตอนประคองจึงระมัดระวังมาก
สามีภรรยาที่จับมือเดินมาด้วยกันครึ่งค่อนชีวิต ยังคงรักใคร่กลมเกลียวดั่งในอดีต
เซียวยวี่ใช้มือประคองหน้าผาก ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ สติเลื่อนลอย สายตาพร่ามัว ขณะลงบันไดก็โซเซไปมา เดินเอียงซ้ายทีขวาที เหมือนจะตกลงมาจากขั้นบันไดได้ทุกเมื่อ
เซียวจื่อเซวียนเห็นดังนั้น จึงรีบตะโกนเสียงดัง “พี่ใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ? ”
อาศัยจังหวะที่เซียวยวี่ยังไม่ล้มลง เซียวจื่อเซวียนยื่นมือไปประคอง เซียวยวี่โถมตัวไปทางเซียวจื่อเซวียน เซียวจื่อเซวียนยังเป็นเด็ก ไหนเลยจะรับน้ำหนักของเซียวยวี่ที่รูปร่างซูบผอมแต่ตัวสูงใหญ่ไหว โอนเอนไปมาจนประคองไม่ไหว เซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปช่วย ประคองเซียวยวี่ไว้
มือทั้งคู่ของเซียวยวี่ร้อนผ่าว ใบหน้าแดงก่ำ เมื่อเข้าใกล้ กลิ่นสุราก็ลอยมาแตะจมูก ไม่ได้รู้สึกเหม็นแม้แต่น้อย กลับแฝงเร้นด้วยกลิ่นหอมเบาบางของสุรา
เซียวเหลียนเดินโซเซลงจากบันได เห็นได้ชัดว่าดื่มไปไม่น้อย “เซียวยวี่ดื่มสุราไปสามถึงสี่ถ้วย ต้องเมาแล้วเป็นแน่ ข้าจะไปเตรียมเกวียนเทียมวัว ส่งเขากลับไป”
เซี่ยยวี่หลัวพบว่าเซียวเหลียนเองยังเดินโซไปเซมา เห็นได้ชัดว่าเมาสุรา ให้คนเมาสุราไปขับเกวียนเทียมวัว หากเป็นยุคปัจจุบันก็เท่ากับเมาแล้วขับไม่ใช่หรือ?
เซี่ยยวี่หลัวกลัวว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นระหว่างทาง จึงรีบกล่าว “พี่ใหญ่เซียว ท่านก็ดื่มไปไม่น้อย ท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าประคองเซียวยวี่กลับเองเจ้าค่ะ! ”
เซียวเหลียนเรอด้วยความเมาทีหนึ่ง “เซียวยวี่ตัวใหญ่ เจ้าประคองไหวหรือ? ”
ถึงแม้เซี่ยยวี่หลัวจะตัวสูงเหมือนกัน แต่ก็ร่างบางอรชร เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวยวี่ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ พอประคองแล้วก็กินแรงจริง กินแรงก็กินแรง ทว่าอย่างน้อยยังปลอดภัยกว่าให้คนที่ดื่มจนเมาไปขับเกวียนเทียมวัวมากนัก!
เซี่ยยวี่หลัวยืนกราน “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ยังมีจื่อเซวียนอยู่ด้วย ท่านรีบไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ! ”
เซียวเหลียนเห็นเซี่ยยวี่หลัวยืนกรานตลอด ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ดื่มมากไปจริงๆ วิงเวียนศีรษะ หากขับเกวียนเทียมวัวจริง ก็น่าเป็นห่วงว่าจะขับลงคูน้ำข้างทางหรือไม่ จึงไม่กล่าวอะไรอีก “เช่นนั้นพวกเจ้าเดินช้าๆ ระหว่างทางก็ระวังด้วย! ”
จากนั้นร่างกายเขาก็โอนไปเอนมา หลี่ซื่อออกมา จึงรีบเข้าประคอง พร้อมแสดงสีหน้าสงสาร
ดื่มสุราคราวนี้ เมากันทั้งสามคน เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอำลากวั่นซื่อที่ตามออกมา ก่อนประคองเซียวยวี่ออกจากบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน