เล่มที่ 8 บทที่ 220 นางอ่อนโยนดุจสายน้ำ เขาเกิดข้อกังขามากมาย

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวยวี่ดื่มมากไปจริงๆ เซียวจื่อเซวียนตัวสูงถึงช่วงอกของเขาเท่านั้น เซี่ยยวี่หลัวสูงกว่าเขาหนึ่งช่วงศีรษะ เซียวยวี่สูงกว่าเซี่ยยวี่หลัวหนึ่งช่วงศีรษะ คนตรงกลางสูงสุด สองข้างเตี้ยกว่า เดินโอนเอนไปมา เซียวยวี่เดินอยู่ตรงกลาง เอียงไปทางซ้ายทีหนึ่ง เซไปทางขวาทีหนึ่ง ทำให้ทั้งสองคนที่ประคองเขาเหนื่อยแทบแย่

เซี่ยยวี่หลัวหยุดพักหายใจครู่หนึ่ง “อย่างนี้ไม่ไหว พี่ชายของเจ้าตัวหนักเกินไป น้ำหนักไม่มีจุดศูนย์ถ่วง เจ้ากับข้าล้วนรับน้ำหนักของเขาไม่ไหว ยังไม่ถึงบ้านเจ้ากับข้าก็จะเหนื่อยจนล้มเสียก่อน”

เซียวจื่อเซวียนก็หายใจหอบ “พี่สะใภ้ใหญ่ เช่นนั้นควรทำอย่างไรขอรับ? ข้าไปตามคนมาช่วยดีกว่า! ”

ตอนนี้เป็นช่วงเที่ยงพอดี ภายในหมู่บ้านเงียบสงบมาก คนส่วนใหญ่น่าจะกำลังพักผ่อน เวลานี้ จะตามใครก็เป็นการรบกวนทั้งนั้น

เซี่ยยวี่หลัวกัดฟันทีหนึ่ง “ไม่ต้อง เจ้าไม่ต้องประคองพี่ชายของเจ้าแล้ว ข้าจะให้เขาโถมน้ำหนักมาทางข้าทั้งหมด เจ้าพาน้องสาวกลับบ้านก่อน รีบกลับไปต้มน้ำร้อนไว้”

เซียวยวี่ดื่มจนเมาแล้ว ถึงแม้จะยังสะลึมสะลือ แต่ก็ไม่ค่อยมีสติรับรู้เท่าไร เวลาอย่างนี้ นางประคองเขากลับบ้าน เขาก็น่าจะไม่รู้กระมัง!

เซียวจื่อเซวียน “เช่นนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านก็เหนื่อยกว่าเดิมไม่ใช่หรือขอรับ? ”

“ไม่เป็นอะไร ข้าประคองเขาเดินครู่หนึ่ง พักครู่หนึ่ง! น่าจะถึงบ้านเร็วมาก” เซี่ยยวี่หลัวประคองเซียวยวี่เดินไปด้านหน้า เซียวจื่อเซวียนจูงมือน้องสาววิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

หากเขายังอยู่ต่อก็เท่ากับสร้างความลำบากให้พี่สะใภ้ใหญ่มากขึ้น มิสู้กลับบ้านไปรีบต้มน้ำร้อน

เซี่ยยวี่หลัวใช้มือซ้ายโอบเอวผอมบางของเซียวยวี่ มืออีกข้างหนึ่งดึงแขนขวาของเซียวยวี่ที่วางพาดบนไหล่นางไว้ น้ำหนักกว่ากึ่งหนึ่งของเซียวยวี่โถมอยู่บนตัวเซี่ยยวี่หลัว เดินไปไม่กี่ก้าว เซี่ยยวี่หลัวก็เหงื่อออกทั้งตัว ได้แต่หยุดพักก่อนจะเดินต่อ

เซียวยวี่ฝีเท้าเบาหวิว เดินไปด้านหน้าโดยที่เท้าข้างหนึ่งลงน้ำหนักเต็มส่วนเท้าอีกข้างลงน้ำหนักเบาหวิว เซี่ยยวี่หลัวเหนื่อยจนหายใจหอบ เดินเพียงห้าถึงหกก้าวก็ต้องหยุดพักผ่อน นางต้องรีบกลับไป อาศัยจังหวะที่ตอนนี้เซียวยวี่ยังเหลือสติรับรู้เล็กน้อย มิเช่นนั้นหากรอจนเขามึนเมาจนไม่ได้สติ นอนหลับบนพื้น ถึงเวลาคงลากไม่ไหว

หลังจากเซี่ยยวี่หลัวทำงานก็มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เป็นเช่นนี้ ดื่มสุราจนเมาแล้วเพียงขดม้วนตัว เดินถึงที่ไหนก็นอนตรงนั้น ใครก็ลากไม่ไหว

ถึงแม้เซียวยวี่จะมีรูปร่างผอม แต่กลับตัวสูง ไม่ถือว่ามีเนื้อเยอะ แต่กระดูกก็หนักไม่น้อยแล้ว!

เซี่ยยวี่หลัวประคองเซียวยวี่ เดินไปด้านหน้า พลางกล่าวพึมพำ “ดูเจ้าสิ ทำไมถึงตัวสูงนัก? ดูไปแล้วเหมือนจะตัวผอม แต่เจ้าตัวหนักเสียจริง ข้ายังประคองเจ้าไม่ไหวเลย! ”

“…”

“เซียวยวี่ เจ้าได้ยินข้าพูดหรือไม่? หากได้ยิน พวกเราเดินให้เร็วขึ้นหน่อย จะได้ถึงบ้านเร็วขึ้น พอถึงบ้านแล้ว เจ้าก็ไปนอนลงบนเตียง” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวประโยคนี้จบด้วยอาการหายใจเหนื่อยหอบ ก่อนหยุดพักอีกครั้ง นางเหนื่อยจนหยาดเหงื่อซึมไปทั่วตัว

แต่นางยังคงกัดฟันประคองเซียวยวี่ให้เดินไปด้านหน้าต่อ ถึงแม้จะเดินได้เพียงสองก้าว เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่เคยกล่าววาจาไม่พอใจแม้แต่คำเดียว

“โบราณกล่าวไว้ ดื่มสุราจนเมาจะเป็นการทำร้ายตับ ระดับของเจ้าดื่มได้ประมาณสามถึงสี่ถ้วย ต่อไปอย่าได้ดื่มเยอะเกินไป ดื่มเยอะไม่ดีต่อร่างกาย” เซี่ยยวี่หลัวบ่นไม่หยุด

น้ำหนักของคนข้างๆ โถมลงบนตัวเซี่ยยวี่หลัวทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้กล่าวอะไรกับเซี่ยยวี่หลัวแม้แต่คำเดียว เซี่ยยวี่หลัวกล่าวจบแล้วจึงหัวเราะ “เจ้าว่าข้าจะบอกเจ้ามากมายขนาดนี้ไปทำไม อย่างไรเจ้าก็ไม่ฟังข้า! ข้าเองก็คุมเจ้าไม่ได้…”

จู่ๆ คนที่ ‘เมาสุรา’ ก็ขมวดคิ้ว เขาขมวดคิ้วจนเป็นปม แต่ช่างน่าเสียดาย ที่เซี่ยยวี่หลัวมองไปด้านหน้าตลอด จึงไม่ทันสังเกตเห็นคนข้างกายขมวดคิ้วมุ่น

หลังจากเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าราวกับเต่าย้ายบ้าน ในที่สุดเซี่ยยวี่หลัวก็เห็นประตูใหญ่ของบ้านตัวเอง

เหลือระยะห่างเพียงไม่กี่สิบก้าวแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวหยุดอีกครั้ง หายใจหอบพลางกล่าว “ในที่สุดก็ขนย้ายเจ้ากลับบ้านได้แล้ว ขอร้องเจ้าล่ะ ครั้งหน้าอย่าดื่มสุรามากขนาดนี้อีกเลย ข้าประคองเจ้าไม่ไหว! ”

นางกัดริมฝีปาก ก่อนกล่าวเสียงดัง “พวกเราเดินรวดเดียวให้กลับถึงบ้านเลย! ”

ช่วงหลายสิบก้าวนี้ เซี่ยยวี่หลัวประคองเซียวยวี่เดินรวดเดียวจนกลับถึงบ้านได้จริงๆ ในที่สุดก็ถึงประตูใหญ่แล้ว เซียวจื่อเมิ่งรอพวกเขาอยู่ตรงประตู พอเห็นพี่สะใภ้ใหญ่และพี่ใหญ่กลับมา จึงรีบเปิดประตูที่แง้มไว้ เซี่ยยวี่หลัวประคองเซียวยวี่ขึ้นบันได เห็นขั้นบันไดตรงหน้าประตู เซี่ยยวี่หลัวกล่าวเตือนอย่างระมัดระวัง “ด้านหน้ามีธรณีประตู หากเจ้าสามารถได้ยิน ข้าให้เจ้ายกเท้าข้างไหนเจ้าก็ยกเท้าข้างนั้น”

คนข้างๆ ไม่ส่งเสียงใดๆ

เซียวยวี่หลัวประคองเซียวยวี่เดินถึงหน้าธรณีประตูจึงหยุดลง ก้าวเท้าซ้ายออกมา “เท้าซ้าย…”

เซียวยวี่ก้าวเท้าซ้ายอย่างว่าง่าย

“เท้าขวา…“

เซียวยวี่ก้าวเท้าขวาอย่างว่าง่าย

เข้าประตูแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ประคองเซียวยวี่กลับไปที่ห้อง

หากบอกว่าช่วงแรกเดินด้วยความเร็วเหมือนเต่าคลาน ช่วงหลังถือว่าเดินได้เร็วมาก เดินไปหลายสิบก้าวก็ยังไม่ต้องพัก

วางเซียวยวี่ลงบนเตียง เซี่ยยวี่หลัวลุกขึ้น ลูบเส้นผมที่ลู่ลงตรงอกทีหนึ่ง กล่าวด้วยอาการหายใจหอบ “เฮ้อ ในที่สุดก็ขนย้ายเจ้ากลับถึงบ้านแล้ว ข้าเหนื่อยแทบตาย เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าจะไปเคี่ยวน้ำแกงสร่างเมามาให้เจ้า”

เซี่ยยวี่หลัวรวบมุ้งไปแขวนไว้บนตะขอ เปิดประตูหน้าต่างไว้ทั้งหมด คนที่ดื่มสุราจนเมาไม่ชอบความร้อนที่สุด เซี่ยยวี่หลัวเกรงว่าเซียวยวี่จะร้อน

หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงออกไป

ในชั่วพริบตาที่นางออกไป คนที่หลับตาด้วยอาการเมามาตลอดซึ่งนอนอยู่บนเตียง จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นนั่งทันที

ดวงตาทั้งคู่ที่ลืมตาขึ้นมีแววตาแจ่มชัด ถึงแม้แก้มจะแดง แต่แววตากลับไม่มีประกายความเมาแม้แต่น้อย ไม่เหมือนคนที่ดื่มสุราจนเมาสักนิด

แววตาของเซียวยวี่ดูแจ่มชัด แต่กลับมองไปยังทิศทางที่เซี่ยยวี่หลัวเดินออกไปด้วยแววตาฉายประกายฉงนสงสัย เขาดื่มจนเมามาย นางกลับไม่ว่ากล่าวแม้แต่คำเดียว ทั้งยังประคองเขากลับมา

เซี่ยยวี่หลัวในอดีต ท่านตาของนางบอกกับเขาเอง ว่าเซี่ยยวี่หลัวมีอุปนิสัยไม่ดี ถูกเขาที่เป็นท่านตาเอาใจจนเสียคนตั้งแต่เด็ก ไม่รู้จักทำงานบ้านงานเรือน ไม่ว่างานในบ้านหรือนอกบ้านล้วนทำไม่เป็น ทั้งยังไม่รู้จักใส่ใจผู้อื่น ดูแลผู้ใหญ่และเด็กไม่เป็น แม้แต่ตัวนางเองยังดูแลตัวเองไม่เป็น

ตอนนั้นเซียวยวี่สำนึกบุญคุณที่เขาเสี่ยงอันตรายรักษาอาการป่วยให้บิดามารดาของตนเอง เซียวยวี่จึงยอมตอบตกลง

ช้าเร็วเขาก็ต้องแต่งภรรยา ถึงอย่างไรก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่งกับใครก็เหมือนกัน หลังจากเซี่ยยวี่หลัวแต่งเข้ามา ก็เป็นดั่งที่ท่านตาของนางกล่าวจริง ทำงานบ้านงานเรือนไม่เป็น แม้แต่ตัวนางเองยังดูแลไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้จักดูแลผู้อื่น นิสัยใจคอไม่ดี มีเรื่องแม้เพียงน้อยนิดก็จะอาละวาด ในบ้านเกิดความวุ่นวายจนไม่อาจอยู่อย่างสงบสุข

แล้วเซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้เล่า?

อุปนิสัยอ่อนโยน สามารถทำอาหารที่ทุกคนได้กินแล้วล้วนกล่าวชื่นชมไม่ขาดปาก ซักผ้าและเก็บกวาดบ้านเป็น ปลูกผักปลูกดอกไม้และเลี้ยงปลาเป็น ทั้งยังหมักสุราเป็น และเย็บปักเป็น นอกเหนือจากนี้ ประเด็นสำคัญคือนิสัยใจคอของนาง

เซี่ยยวี่หลัวในอดีตไม่ชอบความยุ่งยากเป็นที่สุด หากเรื่องในวันนี้เกิดขึ้นกับเซี่ยยวี่หลัวในอดีต เกรงว่าคงเตะเขาลงคูน้ำข้างทางไปนานแล้ว มีหรือจะประคองเขากลับบ้าน?

ฝันไปเถอะ!

ทว่า เรื่องเหล่านี้ เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนทำจริง!

หากไม่ใช่เพราะใบหน้าที่ยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน เซียวยวี่คงเกิดข้อกังขา ว่าคนผู้นี้คือเซี่ยยวี่หลัวหรือไม่?

หากบอกว่าใช่ เหตุใดคนถึงเกิดความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หากบอกว่าไม่ใช่ แล้วหน้าตาที่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนนั่น จะอธิบายอย่างไร?

เซียวยวี่ขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปมยิ่งกว่าเดิม