บทที่ 224 มรสุมน้ำแกงไก่

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 224 มรสุมน้ำแกงไก่

ศัตรูไร้ความสุข นางก็มีความสุข

ตอนที่จางซิ่วเอ๋อเดินผ่านจางเป่าเกิน จางเป่าเกินได้กลิ่นแกงไก่สุดเข้มข้น

ดวงตาเขาเป็นประกาย สายตาจับจ้องไปบนตะกร้าที่จางซิ่วเอ๋อสะพายมา

“อะไรอยู่ในนั้นรึ?” จางเป่าเกินถามอย่างอดไม่ได้

จางซิ่วเอ๋อกวาดสายตามองจางเป่าเกิน พูดด้วยน้ำเสียงดูหมิ่น “ของในนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ถ้าเจ้าอยากกินก็ไปบอกให้ท่านย่าทำให้กินสิ”

“แกงไก่ใช่ไหม?” จางเป่าเกินเมินความดูหมิ่นของจางซิ่วเอ๋อ และจี้ถาม

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเย็น “ใช่แล้วจะทำไม?”

อย่างไรเสียการที่นางนำของกินมาให้แม่โจวโต้ง ๆ แบบนี้คงปิดบังอะไรไม่ได้หรอก

ก่อนหน้านี้ต้องให้แต่ของกินที่แม่โจวซ่อนไว้ได้ แกงไก่นี้ซ่อนไม่ได้หรอก จะช้าจะเร็วก็ต้องมีคนรู้อยู่ดี

ในเมื่อครานี้ตกลงกับคนตระกูลจางแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็ไม่คิดจะหลบ ๆ ซ่อน ๆ

จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ตอบจางเป่าเกินตรง ๆ แต่ตอนนี้จางเป่าเกินมั่นใจแล้วว่าต้องเป็นแกงไก่แน่ ๆ

เขามองท่าทางหวงของกินของจางซิ่วเอ๋อแล้วแค่นเสียงเชิดจมูก “ก็แค่แกงไก่! ใครจะอยากกินกันเล่า!”

ตัวจางเป่าเกินเองไม่ได้อยากกินเจ้านี่จริง ๆ

ถึงแม้ตอนเขาอยู่นอกบ้านจะไม่ถึงขั้นกินดีทุกวัน แต่ตำลึงเงินที่จางต้าเหอให้เขาเอาไปซื้อของกินหมด บวกกับเขามีก๊วนเพื่อนเสเพลที่มักจะออกไปลักกินลักขโมยด้วยกัน บางครั้งก็มีหยิบเงินของคนอื่นติดไม้ติดมือมาบ้าง เคยกินของดีมาไม่น้อยเลยล่ะ

แต่ถึงตัวเขาไม่อยากกิน เขาก็ไม่อยากให้จางซิ่วเอ๋อได้กินดี

คนชั้นต่ำอย่างจางซิ่วเอ๋อมีสิทธิ์อะไรกินแกงไก่? มีสิทธิ์อะไรให้นังแก่ตัวขาดทุนอย่างแม่โจวกินแกงไก่ด้วย!

นังแก่ตัวขาดทุนอย่างแม่โจวต้องปล่อยให้จบชีวิตลงซะ!

ต้องยอมรับว่าพอมีตัวอย่างที่ไม่ดีคนตามก็จะทำไม่ดีตาม จางเป่าเกินอยู่ข้างกายแม่เถาและจางต้าเหอตั้งแต่เด็ก ทั้งสองเอาแต่นินทาดูถูกแม่โจว ไม่เห็นแม่โจวอยู่ในสายตา

จนจางเป่าเกินก็รู้สึกมาตั้งแต่เด็กว่าแม่โจวและลูกสาวสามคนของแม่โจวเป็นตัวขาดทุน เป็นคนชั้นต่ำ! จะข่มเหงรังแกอย่างไรก็ได้

ตัวจางเป่าเกินไม่ได้ไปแย่งแกงไก่ แต่จงใจโวยวายขึ้นมาเพื่อให้แม่เฒ่าจางและจางอวี่หมินได้ยิน

เฮอะ เขาไม่เชื่อหรอกว่าท่านอาเล็กจอมตะกละของตัวเองพอได้ยินแบบนี้แล้วจะไม่ไปหาเรื่องจางซิ่วเอ๋อ?

คิดมาถึงตรงนี้ จางเป่าเกินก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของตัวเองฟังดูดี จึงได้ใจขึ้นมานิด ๆ

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง อย่าคิดนะว่านางไม่รู้ว่าจางเป่าเกินหวังสิ่งใดอยู่ แต่จางอวี่หมินมาแล้วจะทำอะไรได้?

จางซิ่วเอ๋อเข้าไปในห้อง พอเห็นว่าป่านนี้จางต้าหูยังอยู่ในห้องก็แปลกใจนิดหน่อย

“ซิ่วเอ๋อ เจ้ามาแล้วเหรอ” จางต้าหูทักทายอย่างไม่ค่อยมีเยื่อใยเท่าใด เขาพูดพลางมองตะกร้าที่จางซิ่วเอ๋อสะพายอยู่

ที่จางต้าหูทักแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้น เขาแค่รู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อมาแล้ว ถ้าเขาไม่ส่งเสียงใด ๆ ก็คงไม่ดี จึงฝืนทักทาย

จางต้าหูไม่เต็มใจทักจางซิ่วเอ๋อ จางซิ่วเอ๋อก็ไม่เต็มใจทักจางต้าหูเช่นกัน!

เวลานี้จางซิ่วเอ๋อจึงแค่แค่นเสียงและพูดไปอย่างนั้น “มาแล้ว” และก็ไม่พูดอะไรต่ออีก

จางซิ่วเอ๋อเข้าห้องมาแล้วยื่นมือไปลงกลอนประตู

จางต้าหูมองจางซิ่วเอ๋ออย่างไม่เข้าใจ “กลางวันแสก ๆ เจ้าลงกลอนประตูทำไมกัน?”

“ข้าตุ๋นแกงไก่มาให้แม่ข้า กลิ่นมันหอมเกินไป เกิดอีกสักพักมีหมามีแมวมาหมายตาจะทำอย่างไรเล่า? ท่านพ่อ ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่จะออกไปก็ได้นะ” จางซิ่วเอ๋อตวัดสายตามองจางต้าหู

จางต้าหูได้ยินแล้วรีบพูดขึ้น “วันนี้ข้าอยู่บ้านเพื่อดูแลแม่เจ้านี่แหละ ข้าจะออกไปทำไมกัน?”

และเขาอยากเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อทำของดีอะไรมาให้แม่โจวด้วย!

เขารู้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าจางซิ่วเอ๋อส่งของกินมาให้แม่โจวตลอด เขาไม่พอใจด้วย และก็อยากรู้ด้วยว่าจางซิ่วเอ๋อส่งอะไรมา

ครั้งนี้ได้ดูอย่างเปิดเผยแล้ว จะไม่ให้เขาดูได้อย่างไรกัน

จางซิ่วเอ๋อกวาดสายตามองจางต้าหู หยิบของในตะกร้าสานออกมาโดยไม่พูดจา

ถึงจางต้าหูอยู่นี่ แต่นางไม่กลัวเลยว่าจางต้าหูจะมาแย่งแกงไก่

คนอย่างจางต้าหู หลายครั้งก็หน้าบาง เรื่องแบบนี้จางต้าหูทำไม่ลงหรอก…….

นอกเสียจากว่าแม่เฒ่าจางสั่งให้จางต้าหูกระทำสิ่งใด ถ้าเช่นนั้นต่อให้เป็นเรื่องหน้าด้านขนาดไหนจางต้าหูก็รู้สึกว่าเขาต้องกตัญญู สมเหตุสมผลแล้วที่กระทำลงไป

จางซิ่วเอ๋อตักแกงไก่เต็มถ้วยกระเบื้อง ไก่ป่าตัวไม่ใหญ่มาก แต่แม่โจวคนเดียวก็คงกินไม่หมด จางซิ่วเอ๋อจึงเลือกส่วนที่เนื้อมากอย่างอกไก่และน่องไก่ในการทำ

เนื่องจากใส่โสมลงไปด้วยตอนต้ม น้ำแกงจึงเข้มข้น กลิ่นแกงไก่หอมฟุ้งไปทั้งห้อง

ในนั้นมีข้าวถ้วยใหญ่ถ้วยหนึ่งด้วย

จางต้าหูอึ้งไปเลย เขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม? นั่นข้าวขาว ๆ เลยนะ ชีวิตนี้ทั้งชีวิตเขายังเคยกินแค่สองสามครั้งเท่านั้น และยังกินไม่หนำใจด้วย

โดยเฉพาะข้าวถ้วยนี้ของจางซิ่วเอ๋อที่แต่ละเม็ดใสสกาวแวววาว แค่เห็นก็น้ำลายไหลแล้ว

ต่อให้ไม่มีแกงไก่ แค่ข้าวถ้วยนี้ถ้วยเดียวเขาก็กินอย่างเอร็ดอร่อยได้แล้ว

จางต้าหูมองของเหล่านี้ตาค้าง สายตาฉายแววคาดหวัง จางซิ่วเอ๋อเอามาไม่น้อยเลยนะ แม่โจวจะกินหมดเหรอ? แม่โจวกินข้าวน้อยถึงเพียงนั้นต้องกินไม่หมดแน่ ๆ ถ้ากินไม่หมดละก็……เช่นนั้นตัวเองก็กินด้วยสักคำสองคำได้ใช่ไหม?

จางต้าหูยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น

แต่จางต้าหูจะไปรู้ได้อย่างไรกัน?

จางซิ่วเอ๋อเอาอาหารมาตามปริมาณการกินของแม่โจวเท่านั้น ไม่ได้นึกเผื่อจางต้าหูเลย

พูดถึงปริมาณการกินของแม่โจวแล้ว จางต้าหูช่างเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ที่ก่อนหน้านี้แม่โจวกินน้อยตอนกินข้าวกับคนตระกูลจางไม่ใช่เพราะปริมาณการกินของแม่โจวนั้นนิดเดียว แต่เพราะแม่โจวไม่กล้ากินเยอะต่างหาก!

กินเยอะก็ต้องโดนด่า!

พอโดนไปครั้งสองครั้ง แม่โจวที่ไม่อยากโดนด่าก็กินน้อยลง

อีกอย่าง ต่อให้นางยอมโดนด่าเพื่อให้ได้กินเยอะขึ้น แม่เฒ่าจางก็ไม่ปล่อยให้แม่โจวได้สมดังปรารถนาหรอก

พอนานวันเข้า จึงมีน้อยครั้งมากที่แม่โจวจะกินอิ่ม คนอื่นจึงรู้สึกว่านางกินน้อย หากแม่โจวได้กินอิ่มทุกมื้อ ต่อให้เป็นธัญพืชหยาบก็คงไม่ผอมถึงเพียงนี้

หลังจากที่จางซิ่วเอ๋อออกไปอยู่คนเดียวและเริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น แม่โจวถึงได้กินอิ่ม

ตอนแรกแม่โจวก็ไม่กล้ากินเยอะ แต่นางค่อย ๆ รู้ว่าสถานการณ์จริงของจางซิ่วเอ๋อนั้นเป็นอย่างไร และภายใต้การเกลี้ยกล่อมของจางซิ่วเอ๋อ ถึงแม้ไม่ถึงขั้นกินข้าวแต่ละมื้อได้จนจุก นางก็กินอิ่มได้ไม่มีปัญหา

ทว่าทุกครั้งที่จางซานหยาเอาของกินกลับมาให้แม่โจวก็ต้องทำแบบลับ ๆ ตลอด แม้ว่าแม่โจวจะกินอิ่มได้แล้ว แต่นางต้องค่อย ๆ กินและไม่เคยได้กินอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้เลย

หลังจากพักผ่อนมาทั้งเช้า ร่างกายของแม่โจวก็เริ่มมีแรง

สีหน้าของนางเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นไม่น้อย เวลานี้นางสามารถยกถ้วยขึ้นมากินข้าวเองได้แล้ว