บทที่ 225 พยายามอย่างหนัก

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 225 พยายามอย่างหนัก

จางซิ่วเอ๋อที่คอยดูอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นมาอย่างอบอุ่น “ท่านแม่ ค่อย ๆ กินนะเจ้าคะ อย่ากังวลไปเลย”

แม่โจวพยักหน้า ทว่าไม่ได้ลดความเร็วในการกินแม้แต่น้อย นางกลัวว่าจะมีใครมาแย่งไป ซึ่งการกินอาหารจานเนื้อในถ้ำหมาป่าอย่างบ้านตระกูลจางนี้สร้างแรงกดดันในใจให้แม่โจวไม่น้อยเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม่โจวจะพยายามยัดอาหารเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้ว ก็ยังไม่เร็วเท่ากับหมาป่าหิวโหยพวกนั้นที่ได้กลิ่นโชยมาตามลมอยู่ดี

เสียงทุบประตูหนักหน่วงดังจากด้านนอก พร้อมกับเสียงขุ่นเคืองของจางอวี่หมินดังขึ้น “นังเดนตาย กลางวันแสก ๆ แบบนี้ทำไมต้องลงกลอนประตูไว้ด้วย! คนที่ไม่รู้ก็จะนึกว่าทำเรื่องไร้ยางอายกันอยู่ข้างในนี้!”

จางซิ่วเอ๋อยืนประจันหน้าอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตู “ข้าคิดว่าท่านอาเล็กต่างหากที่ไร้ยางอายนัก ไม่อย่างนั้นแล้วเหตุใดเจ้าถึงคิดไปในทางนี้ได้? ข้าอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ข้า แล้วก็คุยเรื่องในครอบครัวกันอยู่ เหตุใดเจ้าถึงต้องมายุ่งกับเรื่องในครอบครัวข้าด้วย?”

“เจ้าพูดอะไรน่ะ? อย่าคิดว่าข้าหูหนวกนะ! เจ้ายกแกงไก่มาที่นี่ชัด ๆ! คิดจะขโมยแกงไก่จากคนอื่นมาแอบกินกันอยู่ในนี้ล่ะสิ!” จางอวี่หมินเอ่ยเสียงเขียว

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะออกมาในทันที ก่อนแค่นเสียงกลับ “ท่านอาเล็ก เจ้าหมายความว่ายังไงที่ข้าขโมยน้ำแกงไก่? ข้าทำน้ำแกงไก่นี่มาเอง ข้าอยากให้ใครได้กิน หรือจะกินกันอย่างไร นั่นมันเรื่องของข้า! ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”

“ท่านแม่ข้ายังไม่ได้กิน! ผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ก็ยังไม่ได้กิน! พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรได้กินก่อน?” จางอวี่หมินแค่นเสียงเย็นชา

จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าต่อให้ตอนนั้นจะตกลงกันดิบดีแล้ว พวกคนตระกูลจางก็ยังมาขออาหารอยู่ดี

แม่โจวมองไปที่ประตูอย่างกระวนกระวาย กลัวขึ้นมาเล็กน้อยว่าจางอวี่หมินจะทำอะไรสักอย่างเข้า

จางซิ่วเอ๋อปลอบนางด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ท่านแม่ อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ มีข้าอยู่ทั้งคนแล้ว ต่อให้พึ่งพาอะไรท่านพ่อไม่ได้ เราก็ไม่ต้องกลัวไปเจ้าค่ะ!”

จางต้าหูได้ยินจางซิ่วเอ๋อเอ่ยกระทบกระเทียบตนแล้ว สีหน้าก็พลันฉายแววอับอายขึ้นมา

“ท่านอาเล็ก เจ้าอย่าลืมสิ ข้าบอกเจ้าไปชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ว่าข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก ไม่อย่างนั้นแล้ว…ข้าก็ไม่เกรงใจ…ที่จะคิดว่าเจ้าจงใจทำให้แม่ข้าเสียลูกในท้องไป และปล่อยให้พ่อข้าต้องเป็นคนไร้ทายาท!” จางซิ่วเอ๋อขบฟันกรอดและจงใจเน้นคำว่า ‘ไร้ทายาท’ อย่างชัดเจน

จางต้าหูสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาและเอ่ยผ่านประตู “อวี่หมิน เจ้ารีบกลับไปเร็ว ของนี่ซิ่วเอ๋อตั้งใจทำมาตอบแทนเหมยจื่อเท่านั้น ถ้าเจ้าอยากกินก็ให้ท่านแม่เชือดไก่ให้ก็ได้”

จางอวี่หมินถึงกับไปต่อไม่ถูกเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น “พี่สี่! ทำไมท่านถึงช่วยพูดให้จางซิ่วเอ๋อแบบนั้นล่ะ!”

“ถ้าไม่ให้ช่วยข้า จะให้ช่วยเจ้าอย่างนั้นเหรอ? ปล่อยให้เจ้าฆ่าเด็กในท้องแม่ข้า? แล้วทำให้พ่อข้ากลายเป็นคนไร้ทายาท?” จางซิ่วเอ๋อเน้นย้ำคำว่า ‘ไร้ทายาท’ ครั้งแล้วครั้งเล่า

เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนที่แสลงใจของจางต้าหูนัก

เมื่อจางต้าหูได้ยินคำสองคำนี้ เขาก็โลเลน้อยลง อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็เลือกที่จะยืนหยัดเคียงข้างแม่โจวแล้ว

“จางซิ่วเอ๋อ! เจ้าไม่ต้องมาบ่มเพาะความร้าวฉานแล้ว! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะเป็นห่วงแม่เจ้าจริง ๆ!” จางอวี่หมินขบฟันกรอด

จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้ว ก่อนเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ ถ้าท่านจะเชื่อท่านอาเล็กก็เชิญเลย! ทุกคนมีขีดความอดทนจำกัด และคนเดียวที่ข้าจะดูแลก็คือท่านแม่ ต่อให้เสียเด็กคนนี้ไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า!”

จางต้าหูหรือจะกล้าท้าทายกับเรื่องนี้?

ปัง ๆๆ!

จางอวี่หมินที่อยู่ด้านนอกเรือนกำลังตบบานประตูอย่างเกรี้ยวกราด

จางซิ่วเอ๋อจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มห้าว “ท่านอาเล็ก ข้าขอแนะนำให้เจ้ากลับไปจะดีกว่า เจ้าเองก็เป็นหญิงสาวที่กำลังจะออกเรือน ถ้ามีใครมาเห็นเจ้ากำลังทุบประตูห้องของพี่ชายกับพี่สะใภ้แบบนี้เข้า ต่อไปเจ้าอาจไม่ได้แต่งงานกับคนดี ๆ ก็ได้นะ!”

จางอวี่หมินเอ่ยวาจาร้ายกาจ “ต่อให้ข้าจะไม่ได้แต่งงานกับคนดี ๆ ก็ดีกว่าเป็นแม่ม่ายแบบเจ้า!”

แม่โจวมีสีหน้าน่าเกลียดไป และเอ่ยด้วยเสียงอ่อนระโหยออกมาจากข้างในห้อง “อวี่หมิน ซิ่วเอ๋อไปทำอะไรให้เจ้า? เป็นหรือไม่เป็นแม่ม่าย ก็ล้วนเป็นคำพูดจากท่านอาอย่างเจ้า พูดแบบนี้ไม่ดูน่าเกลียดไปหน่อยหรือ?”

“ท่านแม่! มาเร็วเจ้าค่ะ! นังแม่โจวกับนังซิ่วเอ๋อมันรวมหัวกันกลั่นแกล้งข้า!” จางอวี่หมินตะโกนในทันทีและเริ่มกลับดำเป็นขาว

จางซิ่วเอ๋อลูบหลังแม่โจวและปลอบนางให้รู้สึกสบายใจ “ท่านแม่ อย่าได้มีโทสะและค่อย ๆ กินนะเจ้าคะ พวกเขาจะพูดยังไงก็ปล่อยให้พูดไป ข้าไม่สนใจเรื่องนี้หรอก ต่อให้ตอนนี้ข้าเป็นแม่ม่ายก็ยังดีกว่าตอนที่เป็นเด็กสาวในเรือนนี้ อย่างน้อยข้าก็ได้กินและได้ตอบแทนคุณท่าน ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับการถูกทุบตีและดุด่าทุกวัน หรือต้องกลัวว่าจะถูกขายเมื่อไหร่ด้วย”

“ซิ่วเอ๋อ ชีวิตเจ้าช่างน่าเจ็บปวดจริง ๆ” แม่โจวทำตาแดงใกล้จะร้องไห้

“ท่านพ่อ อย่าทำให้แม่ข้าต้องตื่นตระหนกหรือโมโห ไม่อย่างนั้นจะยื้อเด็กในท้องนางไว้ไม่ได้ต่อให้เป็นเทพเซียนลงมาช่วยก็ตาม พวกเขาพยายามอย่างหนักมาก ท่านจะทำเพียงดูเฉย ๆ งั้นเหรอ? อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับข้า ยังไงคนที่จะตายก็ไม่ใช่ข้าอยู่แล้ว! ถ้าท่านไม่สนใจ ข้าก็ไม่สนใจเช่นกัน!” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยพลางโบกมือ

ในตอนนี้ จางต้าหูที่คิดถึงน้ำแกงไก่กับข้าวขาวสลับกับเรื่องที่ตนจะไร้ทายาท ก็ได้พูดออกไปถึงนอกห้อง “อวี่หมิน ข้าขอร้องล่ะ ได้โปรดหยุดก่อปัญหาเสียที! ถ้าเจ้าแย่งของกินของพี่สะใภ้แล้ว เกิดลูกข้าเสียไปแล้วข้าจะทำอย่างไร?”

แน่นอนว่าถึงจางต้าหูจะพูดเพื่อแม่โจว แต่คำพูดของเขาก็ไม่มีพลังแต่อย่างใด

ทว่าถึงจะเป็นอย่างนั้น มันก็เพียงพอในการทำให้จางอวี่หมินขนลุกขึ้นมาได้

“พี่สี่! นังซิ่วเอ๋อมันเอาของต่ำอะไรให้ท่านกินเข้าไป! ท่านถึงได้หลงผิดเช่นนี้! ข้าผิดหวังในตัวท่านนัก!” จางอวี่หมินเอ่ยขณะขบเคี้ยวฟัน

จางซิ่วเอ๋อเร่งเสียงขึ้น “ข้าคิดว่าท่านพ่อกำลังผิดหวังกับเจ้าอยู่ต่างหากล่ะ พ่อข้าดีกับเจ้ามาก แต่ทำไมเจ้าถึงพูดกับเขาอย่างนี้? เจ้าอยากกินน้ำแกงไก่จนถึงขนาดจะฆ่าเด็กในท้องแม่ข้านี่นะ! เจ้าช่างทำได้ลงคอ!”

จางซิ่วเอ๋อจงใจทำให้เรื่องลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่

จางอวี่หมินถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ครู่หนึ่งนางไม่อยากจะรับรู้เลยว่าจางซิ่วเอ๋อจะกล่าวว่านางมีจุดประสงค์จงใจฆ่าเด็กในท้องแม่โจว

จางต้าหูได้ยินดังนี้ก็มีสีหน้าน่าเกลียดไปเล็กน้อย

ต้องบอกว่าการยุแยงในครั้งนี้ของจางซิ่วเอ๋อค่อนข้างประสบความสำเร็จทีเดียว

ในตอนนี้เองแม่เฒ่าจางก็ได้มาถึง

“ทำอะไรกัน! เสียงดังเอะอะไปหมด! ข้าล่ะขายหน้าจริง ๆ! เจ้าทำแกงไก่ทั้งทีก็ทำมานิดเดียว ทำมาให้เยอะ ๆ ตอบแทนย่าอย่างข้าหน่อยก็ไม่ได้?” แม่เฒ่าจางตะโกนเสียงดัง

ในตอนนี้เองจางซิ่วเอ๋อก็ได้แต่เปิดหน้าต่างและตะโกนออกไปนอกห้อง “ไก่นี่น่ะข้าปรุงแยกไว้ และจะให้ท่านแม่ข้ากินสักหลาย ๆ วัน! เด็กในท้องแม่ข้าจะหลุดอยู่แล้วท่านยังคิดจะแย่งอาหารจากปากท่านแม่ข้าอีกเหรอ! อย่าลืมสิว่าเด็กในท้องแม่ข้าเป็นแบบนี้ก็เพราะอะไร!”

คำพูดเหล่านี้ดังไปถึงหูคนนอกบ้านที่พากันฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงกร้าว “ถ้ายังเป็นแบบนี้กันอยู่ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนตอนที่ข้าไปฟ้องจางเป่าเกินกับทางการ ในข้อหาที่ว่าเขาจงใจทำให้แม่ข้าต้องตายทั้งกลมเลย!”

สายตาดุดันคู่นั้นของจางซิ่วเอ๋อข่มขู่แม่เฒ่าจางได้อย่างชะงัด

แม่เฒ่าจางเป็นคนที่เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ แม้ในตอนเช้านางกับจางซิ่วเอ๋อจะตกลงกันแล้ว แต่ในตอนนี้นางกลับหน้าหนาขึ้นเรื่อย ๆ และอยากจะลองดูว่านางจะได้ประโยชน์อะไรจากจางซิ่วเอ๋อหรือไม่