ตอนที่ 162 ความหมดหวังของฉินหงเหยียน

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

อารมณ์ตื่นเต้นของฉินหงเหยียนลดฮวบฮาบลงในทันที!

เดิมทีหญิงสาวคิดว่าวันนี้จะวันแห่งการเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งมาถึงบริษัทเป็นวันแรกก็จะโดนไล่ออกเสียแล้ว

ท่าทางของเหวินเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกผิด หญิงสาวหันไปมองฉินหงเหยียน “หงเหยียน เธอไปล่วงเกินตระกูลหลิ่วมาเหรอ?”

เหวินเชี่ยนเชี่ยนวันๆ สาละวนแต่เรื่องของบริษัทตัวเอง ดังนั้นถึงไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉินหงเหยียนตอนอยู่ที่บริษัทหัวเซิ่งชัดเจนนัก

ฉินหงเหยียนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในทันที ที่แท้ก็เป็นฝีมือหลิ่วอวี่เจ๋อ

“ขอโทษด้วยนะหงเหยียน ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้ บริษัทเรามันเล็กจ้อย ไม่มีปัญญาไปงัดกับตระกูลหลิ่วหรอก”

เหวินเชี่ยนเชี่ยนขอโทษฉินหงเหยียนด้วยท่าทีสำนึกผิดอย่างยิ่ง

ฉินหงเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เชี่ยนเชี่ยน ฉันไม่โทษเธอ ถ้าเป็นฉันก็คงจะทำแบบนี้เหมือนกัน”

“งั้นฉันไปก่อนนะไว้เราค่อยมาดื่มชาด้วยกัน”

ฉินหงเหยียนยังคงรักษามารยาทเอาไว้ ขณะชันตัวลุกขึ้นเดินหนีไป

ฉินหงเหยียนเดินออกจากตัวอาคารแล้วกลับมาที่รถ หล่อนไม่มีเวลามาคร่ำครวญอาลัย หญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์กดโทรหาคนอื่นทันที

หญิงสาวโลดแล่นในวงการธุรกิจเพียงคนเดียวมาร่วมเจ็ดปี แถมยังได้ดิบได้ดีจนเป็นผู้บริหารบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยซ้ำ เส้นสายของหญิงสาวก็มีมากอยู่

ที่จริงแล้วบริษัทของเหวินเชี่ยนเชี่ยนไม่ใช่บริษัทที่ดีที่สุดที่หญิงสาวจะไปทำงาน

เพียงแต่เพราะว่าหล่อนเองรู้สึกว่าเข้ากันได้ดีกับเหวินเชี่ยนเชี่ยนเท่านั้นเอง ดังนั้นถึงได้เลือกที่นี่เป็นที่แรก

บริษัทการศึกษาออนไลน์เอย บริษัทแพลตฟอร์มดนตรี บริษัทบันเทิง หรือพวกบริษัททำคลิปในเทียนไห่ล้วนแต่เคยเชื้อเชิญหล่อนมาทำงานด้วยกัน

“คุณหวังก่อนนี้ที่คุณชวนฉันมาทำงานที่เทียนไห่ บอกว่าจะให้ฉันเป็นรองผู้บริหาร ตอนนี้ยังเชื่อได้อยู่ไหมคะ?”

“อื้มๆ ใช่ค่ะ ฉันมาที่เทียนไห่แล้ว คุณว่างตอนไหนคะ ฉันแวะไปคุยกับคุณหน่อยได้ไหม?”

ฉินหงเหยียนกดโทรหาบริษัทแพลตฟอร์มคลิปสั้นที่ชื่อชิงฉีก่อนเป็นที่แรก บริษัทนี้ก็เป็นบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์

เพียงแต่สองปีมานี้ บริษัทประสบปัญหาขาดทุน เมื่อปีก่อนขาดทุนไปถึงหมื่นล้าน

แต่ฉินหงเหยียนรู้ว่าจากการที่บริษัททำนองนี้เหลือเพียงแค่สามแห่งเท่านั้น แล้วบริษัทที่ทำพวกคลิปสั้นในอินเตอร์เน็ตก็จะเพิ่มค่าสมาชิก รวมไปถึงเพิ่มการเก็บค่าบริการแล้วจะส่งผลให้บริษัทจะมีกำไรมหาศาลในอนาคตไม่ช้าก็เร็ว

บริษัทแห่งนี้จะยังมีอนาคตอีกไกล

เมื่อมาถึงตัวอาคารอันเป็นที่ตั้งศูนย์กลางอันเป็นที่ตั้งบริษัท หวังหลิน CEO ของบริษัทลงมาต้อนรับหญิงสาวด้วยตนเอง

“แย่แล้ว คุณฉิน จากกันเมื่อคราวก่อนผมเอาแต่เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้พบคุณอีกครั้ง? พูดจริงๆ นะครับเมื่อวานผมยังฝันถึงคุณอยู่เลย! ใครจะรู้เช้านี้คุณก็โทรหาผมพอดิบพอดี บอกว่าจะมาทำงานที่บริษัทผม ฮ่าๆ คุณว่านี่ถือว่าเป็นโชคชะตาหรือเปล่า?”

ฉินหงเหยียนและหวังหลินก่อนนี้เคยกินข้าวด้วยกันที่อวิ๋นโจว พวกเขารู้จักกันบนโต๊ะอาหาร

เพราะฉินหงเหยียนโดดเด่น แถมยังรู้จักวิธีเข้าหาเอาอกเอาใจพวกนักธุรกิจเหล่านี้ ดังนั้นหวังหลินจึงตกหลุมรักหญิงสาวทันทีหลังจากที่เจอกันครั้งแรก

ฉินหงเหยียนกล่าว “ใครว่าไม่ใช่ล่ะคะ คราวก่อนที่ทานข้าวด้วยกันฉันก็มีลางสังหรณ์แล้ว ว่าต้องมีวันใดวันหนึ่งที่ฉันจะได้เป็นลูกน้องให้คุณหวัง”

“ฮ่าๆ! ดี! ดี!”

หวังหลินหัวเราะอย่างเบิกบานใจ ต่อไปภายหน้าถ้ามีรองผู้บริหารหญิงแบบฉินหงเหยียน ต่อไปวันทำงานก็คงเบิกบานราวอยู่ในสวรรค์ก็ไม่ปาน?

“หงเหยียน ก่อนนี้คุณอยู่ที่หัวเซิ่ง ยังไงเสียก็ไม่ใช่บริษัทแพลลตฟอร์มออนไลน์ ผมคงต้องลองทดสอบดูก่อนว่าคุณมีความเข้าใจในแพลตฟอร์มคลิปสั้นขนาดไหนบ้าง!”

หวังหลินย่อมไม่เลือกคนมาทำงานแล้วให้มารับตำแหน่งที่สำคัญในบริษัท หากแบบนี้ลูกน้องอาจจะไม่นับถือได้

ฉินหงเหยียนย่อมไม่ใช่เป็นเพียงแจกันประดับ หล่อนคยดูงานมาหลายแขนง เข้าใจในพวกแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างดี

เจ็ดปีมานี้หญิงสาวก็เคยกินข้าวเสวนากับพวกหัวหน้าในสายงานพวกนี้มาก็มาก เรียนรู้อะไรมาไม่น้อย

หลังจากเสวนากันแล้ว หวังหลินก็ถอนหายใจ “คนที่ทั้งสวยทั้งเก่งแบบฉินหงเหยียน ทั้งเทียนไห่ก็ไม่ได้มีคนเดียว ยินดีต้อนรับๆ!”

“ผมจะรีบเรียกประชุมพวกผู้บริหารแล้วประกาศเรื่องนี้!”

“ขอบคุณค่ะคุณหวัง!”

แต่ใครจะรู้ ในเวลานี้เองจะมีชายวัยกลางคนมาเคาะประตูห้องทำงาน เมื่อเข้ามาแล้วก็กระซิบอะไรบางอย่างกับหวังหลิน

หลังจากที่เขาได้ยินแล้ว สีหน้ายินดีก็ค่อยๆ เลือนหายไป

หวังหลินบอกให้ชายวัยกลางคนออกไป จากนั้นก็จุดบุหรี่มวนหนึ่งแล้วถาม “หงเหยียนเอ้ย คุณไปล่วงเกินคนตระกูลหลิ่วเมื่อไหร่?”

ฉินหงเหยียนเดาได้ว่า เมื่อครู่ข่าวที่ชายวัยกลางคนนั้นคาบมาบอกเขาก็คือข่าวคราวจากตระกูลหลิ่ว

ฉินหงเหยียนประหลาดใจอย่างยิ่งตนเองเพิ่งมาถึงบริษัทชิงฉีน่าจะเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง

ทำไมหลิ่วอวี่เจ๋อถึงได้เข้ามาขวางตนเองอย่างรวดเร็วเช่นนี้?

“หลิ่วอวี่เจ๋อกำลังสะกดรอยตามฉัน!”

ฉินหงเหยียนนึกถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ขึ้นมา

นี่ถือเป็นการปิดทางฉินหงเหยียนไม่ให้ลืมตาอ้าปากในเทียนไห่ ไม่ว่าหล่อนจะไปบริษัทไหน หลิ่วอวี่เจ๋อจะหาวิธีการขัดขวางหญิงสาว

บริษัทแพลตฟอร์มคลิปสั้นชิงฉีเป็นถึงบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ คิดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ ต้องเห็นแก่หน้าคนตระกูลหลิ่ว”

ฉินหงเหยียนหันมองหวังหลินแล้วกล่าว “คุณหวังอย่าบอกนะคะว่าคุณกลัวคนตระกูลหลิ่ว? ฉันไม่เคยล่วงเกินพวกเขา แต่เป็นพวกเขาเองที่จะหาเรื่องฉันให้ได้”

หวังหลินสูบบุหรี่พลางถอนหายใจ “เฮ้อ ขอโทษด้วยนะ คุณฉิน ผมจะไม่ไว้หน้าหลิ่วหย่วนหางไม่ได้ ไม่งั้นเอาแบบนี้ไหม คุณบอกผมหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจะช่วยดูให้ว่าจะช่วยเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ให้พวกคุณได้ไหม”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ”

ฉินหงเหยียนรู้ดีว่าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้โกรธแค้นตนเอง เขาทำแบบนี้เพียงเพราะตนเองเป็นแฟนของเย่เฉิน

พูดให้แน่ชัดก็คือวิธีแก้ไขเพียงทางเดียวก็คือเลิกกับเย่เฉิน

แต่ฉินหงเหยียนไม่มีทางทำเช่นนี้!

“รบกวนแล้วค่ะ คุณหวัง”

ฉินหงเหยียนออกจากบริษัทด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวอีกครั้ง

หลังจากนั้นฉินหงเหยียนก็กดโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วไปสัมภาษณ์ที่บริษัทต่างๆ อีกหลายครั้ง

แต่ว่าไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม หลังจากที่ไปแล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะมีคนโทรหาพวกเขา

พวกผู้บริหารที่เดิมหัวเราะอย่างเบิกบานใจนั้นก็มีสีหน้าเย็นชาทันที

จำเป็นต้องยอมรับว่าอิทธิพลของตระกูลหลิ่วที่เมียไห่ชักจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว

สิบกว่าบริษัทที่ฉินหงเหยียนไปนั้น ทุกแห่งต่างก็หวาดกลัวตระกูลหลิ่ว!

ตอนห้าโมงเย็น ฉินหงเหยียนจอดรถไว้ที่ข้างถนน ทั้งตัวหญิงสาวอาบไปด้วยเหงื่อ เครื่องสำอางบนใบหน้าเลอะเทอะไปหมด เพราะเดินบนรองเท้าส้นสูงทั้งวัน เดินจนปวดเท้า บริเวณหลังเท้าเสียดสีจนเลือดออกไปหมด

แต่ที่น่าอนาถที่สุดเห็นจะเป็นจิตใจของหล่อน

ที่โดนปฏิเสธอยู่ตลอด จนรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถอยู่ที่เทียนไห่ได้แล้ว!

ฉินหงเหยียนนั่งอยู่หลังพวงมาลัย มือหนึ่งจุดบุหรี่ แล้วพิงศีรษะเข้ากับพวงมาลัยรถ

ก๊อกๆ

ทันใดนั้นเองรถเบนซ์คันหนึ่งจอดเข้าที่ด้านหน้ารถของหญิงสาว จากนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเคาะกระจกรถของหญิงสาว

เจ้าหล่อนลดกระจกลง แล้วก็เห็นเข้ากับหลิ่วอวี่เจ๋อ!

หลิ่วอวี่เจ่อยิ้มชั่วเมื่อเห็นฉินหงเหยียนมีท่าทีหมดอาลัยตายอยาก

“เป็นยังไงล่ะคุณฉินร้องไห้แล้วใช่ไหม? จุ๊ๆ คนสวยที่เย่อหยิ่งคิดว่าตัวเองเก่งหนักหนา วันนี้มีสภาพหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ ผมเห็นผมล่ะเจ็บหัวใจจังเลย”

ฉินหงเหยียนมองหลิ่วอวี่เจ๋อด้วยท่าทีไม่พอใจนัก อยากจะงาบเขาให้รู้แล้วรู้รอด!

หลิ่วอวี่เจ๋อโน้มตัวลงที่หน้าต่างรถ แล้วยื่นหน้าเข้าไปในรถอีกฝ่าย

“เป็นไงล่ะ คุณฉินคนสวย รับรู้ถึงอิทธิพลของผมแล้วสิ? ไร้ประโยชน์ ต่อให้คุณไปอีกกี่บริษัทก็ไร้ประโยชน์ ผมแค่กดโทรออกไปกริ๊งเดียว ต่อให้พวกเขาจ้างคุณแล้วก็สามารถไล่คุณออกได้ทันที!”

หลิ่วอวี่เจ๋อพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วฉวยโอกาสนี้จุมพิตหญิงสาว!

ในสายตาเขาวันนี้ฉินหงเหยียนโดนเขาทรมานจนหมดอาลัยอยากแล้ว ย่อมต้องรับรู้ถึงศักยภาพของตระกูล

ฉินหงเหยียนไม่กล้าปฏิเสธ!