ตอนที่ 303 กดไม่อยู่ / ตอนที่ 304 ชอบฝีมือการแสดงของไอดอลของฉันสุดๆ

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 303 กดไม่อยู่

 

 

ดังนั้นทั้งสองคนจึงรักษารูปแบบการติดต่ออันแสนแปลกประหลาดแบบนี้ต่อไป เหมือนกับว่า เผยอวี้เฉิงคนที่สูญเสียการควบคุมไปก่อนหน้านี้คนนั้นเป็นแค่ความฝันของเธอเท่านั้น

 

 

ก่อนหน้านี้เธอยังกังวลอยู่ว่าหลังจากแตกหักกับเผยอวี้เฉิงแล้วจะเข้ามาก้าวก่ายและควบคุมเธอมากจนเกินไป แต่ตอนนี้ดูท่าคงกังวลเสียเที่ยวเปล่าไปเสียแล้ว…

 

 

ขณะที่หลินเยียนกำลังสนทนากับตัวตัวอยู่นั้น ตอนนี้เองก็มีเสียงดัง ‘คัท’ แว่วเข้ามา เผยหนานซวี่กับเจี่ยงซือเฟยแสดงกันเสร็จแล้ว

 

 

ผู้กำกับเจียงอีหมิงคุยกับกับเผยหนานซวี่และเจี่ยงซือเฟยต่ออีกสักครู่ จากนั้นจึงเดินมาหาหลินเยียน

 

 

“หลินเยียนเอ๊ย เตรียมตัวเป็นยังไงบ้างแล้ว!” เจียงอีหมิงถามด้วยความห่วงใย

 

 

หลินเยียนรีบลุกขึ้นแล้วตอบกลับไปว่า “ก็โอเคอยู่ค่ะ…”

 

 

แต่ที่จริงในใจกลับไม่มั่นใจเลย อย่างไรเสียการวาดเสือวาดผิวหนังได้แต่วาดให้ถึงกระดูกนั้นยาก[1]การแสดงก่อนหน้านี้เธอยังใช้การฝึกฝนและทบทวนอย่างหนักเพื่อให้ผ่านไปได้ แต่การแสดงวันนี้ต้องแสดงประชันฝีมือกับเผยหนานซวี่ ต่างฝ่ายต่างแสดงใช้พลังใส่กัน เกรงว่าคงแย่แน่…

 

 

เพียงแต่เจียงอีหมิงกลับเหมือนจะมั่นใจในตัวเธอมาก เขาพูดโดยมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า “หลินเยียนเอ๊ย เธอไม่ต้องประหม่า ขอเพียงแสดงออกมาให้เป็นปกติก็พอแล้ว การเทสหน้ากล้องของเธอวันนั้นสมบูรณ์แบบมาก เชื่อฉันนะ เธอคือหลินเผี่ยนรั่วที่เหมาะสมมากที่สุดแล้ว ให้แสดงตามที่เธอแสดงวันนั้นก็พอ! เกรงว่าแม้แต่ หนานซวี่ก็กดเธอไว้ไม่อยู่!”

 

 

“เอ่อ…” หลินเยียนเมื่อได้ยินผู้กำกับเจียงเอ่ยถึงการเทสหน้ากล้องในวันนั้นก็ยิ่งรู้สึกกินปูนร้อนท้องขึ้นมาทันที

 

 

 

 

 

การเทสหน้ากล้องวันนั้นเธอไม่ได้แสดงตอนที่มีสติสัมปชัญญะ…

 

 

และตอนนี้เองเผยหนานซวี่ก็เดินเข้ามาเช่นกัน เขายิ้มพร้อมเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ผมได้ดูบันทึกการเทสหน้ากล้องในวันนั้นของคุณหลินแล้วเหมือนกัน แสดงดีมากจริงๆ ครับ ผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้แสดงกับคุณหลินมากเลย”

 

 

เมื่อหลินเยียนได้ฟังคำพูดของเผยหนานซวี่ก็ตื่นตระหนกเพราะได้รับคำชม “แค่ก ราชาภาพยนตร์เผยชมเกินไปแล้วค่ะ ตอนนั้นฉันแค่แสดงโอเวอร์เกินไปก็เท่านั้นเอง…”

 

 

“ฮ่าๆ หลินเยียนเอ๊ย อย่าถ่อมตัวเลย การแสดงของเธอในตอนนั้นจะทำออกมาได้แค่เพราะแสดงโอเวอร์เกินไปเท่านั้นเหรอ แต่ต้องมีทักษะการแสดงที่ทรงพลังสุดๆ ต่างหากถึงจะเอาอยู่! เอาละๆ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ตอนนี้พวกเรามาเริ่มกันเลยไหม?” เจียงอีหมิงพูดอย่างอดทนรอไม่ไหว

 

 

หลินเยียน “…”

 

 

ช่วยไม่ได้แล้ว ยังไงก็ลองสักตั้งก็แล้วกัน…

 

 

ถึงอย่างไรระยะนี้เธอก็ฝึกซ้อมการแสดงมาอย่างหนักมานานมากขนาดนี้ บางทีอาจกระตุ้นศักยภาพออกมาได้แล้วล่ะนะ?

 

 

ไม่นานนักเจียงอีหมิงก็บอกให้ทีมงานทุกคนเตรียมตัว การถ่ายทำเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

 

 

ฉากที่จะแสดงในวันนี้เป็นฉากที่หลินเยียนเทสหน้ากล้องวันนั้นพอดี พระเอกเฉินจิ้งพ่ายแพ้จนมีสภาพยับเยิน หลินเผี่ยนรั่วซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตไปหาเขาที่โรงพยาบาลเพื่อเจรจา คิดจะร่วมมือกับเขา

 

 

สิ่งที่ต่างไปเพียงสิ่งเดียวก็คือหุ่นที่ใช้เทสหน้ากล้องก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นคนจริงๆ อย่างเผยหนานซวี่

 

 

ฉากที่ใช้ถ่ายทำคือภายในห้องพักผู้ป่วยภายในสถานพักฟื้น พระเอกกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

 

 

“3 2 1! แอ็กชัน! เริ่มได้!” เจียงอีหมิงตะโกนบอกให้เริ่ม แสงและกล้องประจำที่

 

 

 

 

 

เฉินจิ้ง พระเอกที่เผยหนานซวี่แสดงกำลังนอนอยู่บนเตียง ช่างแต่งหน้าแต่งให้เผยหนานซวี่หน้าซีดและดูอ่อนแอเล็กน้อย มีเคราขึ้นบริเวณคางให้เห็นรำไร ต่างจากความเนี้ยบและดูดีที่มีในตอนปกติราวกับคนละคน

 

 

เพียงแต่ต่อให้เป็นแบบนี้ เผยหนานซวี่ที่อยู่ในเลนส์กล้องก็ยังมีเสน่ห์สุดๆ อยู่ดี แถมยังเพิ่มความงามของคนที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนด้วย

 

 

ชีวิตนี้เฉินจิ้งไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน นี่เป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตของเขา

 

 

เขาอยู่ที่สถานพักฟื้น ตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอกถึงครึ่งเดือนเต็ม นอกจากแฟนสาวแล้วก็ไม่ยอมพบใครอีก

 

 

และในวันนี้ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือนสถานพักฟื้น หลินเผี่ยนรั่ว

 

 

หลินเยียนสวมชุดสูทสากลตัวเล็กสีดำทั้งร่าง สวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่บนใบหน้า เดินผลักประตูห้องพักผู้ป่วยเข้ามา

 

 

 

 

 

 

 

[1] การวาดเสือวาดผิวหนังได้แต่วาดให้ถึงกระดูกนั้นยาก หมายถึง การรู้แค่เปลือกนอกผิวเผินนั้นทำง่าย แต่จะรู้ถึงเบื้องลึกนั้นยาก

 

 

 

 

ตอนที่ 304 ชอบฝีมือการแสดงของไอดอลของฉันสุดๆ

 

 

เมื่อเห็นหลินเผี่ยนรั่วปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ออร่าของเฉินจิ้งซึ่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเลื่อนลอยอยู่บนเตียงนั้นก็เปลี่ยนไปทันที

 

 

เมื่อครู่ยังดูไม่มีพิษมีภัยอยู่เลย แต่ชั่วพริบตาที่หลินเผี่ยนรั่วปรากฏตัว ความน่าเกรงขามของเผยหนานซวี่ก็แผ่ปะทุออกมาทันที ชายผู้เป็นจระเข้ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจ ตัดสินใจและทำอะไรรวบรัดเฉียบขาดคนนั้นกลับมาแล้ว

 

 

สายตาเย็นเยียบที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หลินเยียนถึงขั้นต้องสูดลมหายใจหนาวเหน็บ

 

 

ไม่เสียทีที่ซูเปอร์สตาร์เผยที่เป็นสมบัติของชาติ

 

 

พลังในการแสดงนี้!

 

 

ทั้งที่เวลาปกติเป็นคนอ่อนโยนมากขนาดนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับไม่หลงเหลือแม้แต่เงาของตัวเอง

 

 

ชอบฝีมือการแสดงของไอดอลของฉันสุดๆ ไปเลย!

 

 

หลินเยียนรีบดึงสติกลับมาจากการเป็นแฟนคลับ ไม่แยแสสายตาประสงค์ร้ายของเฉินจิ้ง เดินไปที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยแล้วนั่งลงไป

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูคู่อาฆาตในวงการธุรกิจคนนี้ เฉินจิ้งหรี่ตาลงเล็กน้อย ประกายคมปลายแผ่พุ่งออกมา “ประธานหลินให้เกียรติมาเยือน เสียมารยาทที่ไม่ได้ต้อนรับแล้ว”

 

 

ขณะนี้สีหน้าของเฉินจิ้งคล้ายไม่มีอะไร แต่แรงกดดันมหาศาลที่ไหลทะลักออกมาอย่างฉับพลันนั้น กลับทำให้เจ้าหน้าที่กองถ่ายที่อยู่โดยรอบรู้สึกกดดัน ดังนั้นจึงยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงหลินเยียนซึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างเผยหนานซวี่

 

 

หลินเยียนต้องรวบรวมสมาธิที่มีอยู่ทั้งหมดถึงทำให้ตัวเองอดทนอยู่ใต้แรงกดดันเช่นนี้ได้ เธอฝืนบังคับตัวเองให้พูดบทออกมา “ประธานเฉิน เจอปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ก็ล้มจนลุกไม่ขึ้นแล้วเหรอ”

 

 

เจียงอีหมิงที่อยู่ไม่ไกลนักกำลังจ้องมองมอนิเตอร์ สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

 

 

ความรู้สึกมันไม่ใช่…

 

 

ถึงแม้สีหน้าท่าทางบทพูดและน้ำเสียงจะดูเหมือนถูกต้องทั้งหมด แต่หลินเยียนกลับถูกกดรัศมีเอาไว้

 

 

นี่ต่างจากที่เขาคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง

 

 

ขณะนี้แม้เผยหนานซวี่จะมีใบหน้าซีดเซียว ซ้ำยังสวมชุดผู้ป่วย ปราศจากบารมีที่เคยมีในกาลก่อนก็ตาม ถึงกระนั้นแค่สายตาธรรมดาทั่วไปก็ทำให้คนรู้สึกว่าเขายังเป็นเฉินจิ้งที่ไม่มีวันล้มคนนั้นอยู่ดี สีหน้าที่กำลังมองหลินเยียนเหมือนเธอเป็นแค่สาวน้อยที่กำลังมาซ้ำเติมคนอื่นเท่านั้น

 

 

ต่อให้เป็นมังกรตกอับ แต่สุดท้ายมังกรก็ยังคงเป็นมังกรอยู่ดี

 

 

หลินเยียนตื่นตะลึงกับการตีความเฉินจิ้งของเผยหนานซวี่ที่อยู่ตรงหน้าเช่นเดียวกัน

 

 

หลินเยียน “ร่วมมือกับฉัน ฉันเป็นทางเลือกเดียวของคุณ…”

 

 

เมื่อเจียงอีหมิงดูถึงตรงนี้ก็ส่ายหน้าทันที “คัท! พักก่อนเถอะ! ซีนนี้ไม่ได้ เอาใหม่!”

 

 

หลินเยียนถอนหายใจอย่างแรงทันที เธอรู้ว่าการแสดงของเธอคงใช้ไม่ได้

 

 

เจียงอีหมิงเดินมาหาหลินเยียนด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง “หลินเยียนเอ๊ย เป็นอะไรไปน่ะ หรือว่าวันนี้อาการไม่ค่อยดี?”

 

 

เผยหนานซวี่เอ่ยปากขึ้นมาว่า “อันที่จริงที่คุณหลินแสดงไปเมื่อครู่มันก็ไม่เลวแล้วนะครับ”

 

 

เจียงอีหมิงผงกศีรษะแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้บอกว่าที่หลินเยียนแสดงไปเมื่อครู่มันไม่ดี ตรงข้าม…หลินเยียน สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นนักแสดงมืออาชีพอย่างเธอถือว่าดีมากแล้วจริงๆ เพียงแต่ฉันไม่ได้หวังกับเธอแค่นี้ เธอทำได้ดีกว่านี้จริงๆ เข้าใจไหม”

 

 

พอหลินเยียนได้ยินก็ไม่รู้ว่าควรตอบอะไรดี

 

 

ช่วงที่เธอสูญเสียสติสัมปชัญญะ เธอแสดงไปยังไงกันแน่นะ แสดงดีมากขนาดนี้จริงหรือเนี่ย

 

 

เผยหนานซวี่พูดอย่างอารมณ์ดี “ไม่เป็นไรครับ พวกเราลองอีกหลายครั้งก็ได้”

 

 

เจียงอีหมิงมองหลินเยียนพร้อมอธิบายบทให้เธอฟัง “อันที่จริงบทพูดของซีนนี้มีไม่มาก ที่สำคัญน่ะคือเธอ เป็นความน่าเกรงขามของเธอ ต้องรู้นะว่าหลินเผี่ยนรั่วที่อยู่ในเรื่องน่ะเป็นคู่ต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวของเฉินจิ้ง แล้วความน่าเกรงขามของเธอจะถูกเฉินจิ้งกดจมลงไปได้ยังไง

 

 

ถึงฉันจะบอกให้หนานซวี่ลดความน่าเกรงขามลงเพื่อให้เข้ากับเธอได้ก็ตาม แต่ถ้าเป็นแบบนี้ มาตรฐานของเรื่องก็จะลดฮวบลงไปทันที ดังนั้นวิธีการเดียวก็คือเธอต้องไล่ตามหนานซวี่ให้ทันถึงจะได้!

 

 

อย่างเช่นท่าทางของเธอตอนที่พูดบทช่วงแรกก็ไม่ถูกต้อง เห็นชัดว่าเธอกำลังมาเยาะเย้ย ส่วนบทช่วงที่สอง เธอถูกความน่าเกรงขามของหนานซวี่กดลงไป แล้วแบบนี้เธอจะให้คนดูเชื่อได้ยังไงว่าแค่สายตาและคำพูดของเธอเพียงประโยคเดียวก็ทำให้เฉินจิ้งรับปากยอมร่วมมือกับเธอแล้ว?”

 

 

อ๊าก!