บทที่ 188 เหยือกซ้อนเหยือก สุราในสุรา

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

“ทำไมท่านอาจารย์หวังถึงได้พูดเช่นนั้นกัน เถ้าแก่ปู้เคยช่วยเหลือนครหลวงให้ก้าวผ่านอุปสรรคมามากมาย…” จีเฉิงเสวี่ยขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้น

เป็นเช่นนั้นจริงเสียด้วย จักรพรรดิไม่ได้ล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของปู้ฟาง หรือจุดกำเนิดของร้านเล็กๆ ของเขา ถึงกระนั้นจักรพรรดิก็ยังมีความเชื่อมั่นในร้านนั้นอยู่ไม่เสื่อมคลาย หากไม่ใช่เพราะปู้ฟาง จักรวรรดิวายุแผ่วคงจะล่มสลายไปแล้วจากการต่อสู้กับสำนักต่างๆ ที่ผ่านมา

ถึงแม้ว่าจีเฉิงเสวี่ยจะนับถืออาจารย์หวังมากเพียงใด แต่ในฐานะผู้นำ เขาก็ต้องเชื่อมั่นการตัดสินใจของตนเองด้วย เขาไม่เชื่อว่าปู้ฟางจะนำภัยพิบัติใดๆ มาสู่นครหลวงได้

เซียวเหมิงและคนอื่นๆ ก็คิดเช่นนั้น พวกเขาเองเคยพบปะปู้ฟางมาประมาณหนึ่ง ถึงแม้จะไม่อาจเข้าใจชายหนุ่มได้ทั้งหมด แต่ดูจากสีหน้าท่าทางแล้ว อีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นคนที่นำพาอันตรายใดๆ มาได้เลย

หวังติ้งออกจะประหลาดใจ จากท่าทีของจีเฉิงเสวี่ย ดูเหมือนว่าจักรพรรดิหนุ่มจะเชื่อมั่นในตัวเถ้าแก่ปู้หมดใจ

แต่กระนั้นหวังติ้งก็ไม่ได้ตื่นตระหนก เขาเพียงยิ้มบางๆ ก่อนจะถามออกมา “ฝ่าบาททรงจำงานสมโภชร้อยครอบครัวได้หรือไม่พะย่ะค่ะ”

“ข้าจำได้แน่นอน นั่นเป็นงานสมโภชร้อยครอบครัวครั้งแรกตั้งแต่เริ่มรัชสมัยของข้า ช่างยิ่งใหญ่เหลือประมาณ และเถ้าแก่ปู้ก็เป็นผู้ชนะในงานนั้นเสียด้วย” จีเฉิงเสวี่ยตอบ

พ่อครัวเงาส่งยิ้มที่ดูเหมือนรอยยิ้มแสยะไร้อารมณ์ “ลูกศิษย์ที่ไม่เอาไหนสองคนของตาเฒ่าผู้นี้ก็เข้าร่วมแข่งขันด้วย พวกเขาตั้งใจจะชิงรางวัลพระราชทานมาให้ได้”

อา… ช่างน่าอึดอัดใจเสียจริง จีเฉิงเสวี่ยหน้าเสียไปชั่วขณะ

“รางวัลพระราชทานของฝ่าบาทคือเมล็ดพันธุ์ใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ ถึงแม้ฝ่าบาทจะทรงไม่ทราบว่าเมล็ดพันธุ์นั้นมีความสำคัญเช่นไร แต่ชายชราผู้นี้พอจะทราบอยู่บ้าง” พ่อครัวเงากล่าว

ใบหน้าของจีเฉิงเสวี่ยแข็งทื่อไปทันที เมล็ดพันธุ์นั่น…

“มันเป็นเมล็ดพันธุ์จากต้นตื่นรู้ทางห้าสาย เมื่อต้นตื่นรู้ทางห้าสายเติบโตจนถึงวัยก็จะออกผลตื่นรู้ทางห้าสาย ฝ่าบาทน่าจะทรงทราบประโยชน์ของผลตื่นรู้ทางสามสายอยู่แล้ว แล้วทรงทราบหรือไม่ว่าผลตื่นรู้ทางห้าสายนี้มีพลังเช่นใดพะย่ะค่ะ”

ทันทีที่พูดจบ ทุกคนในท้องพระโรงต่างก็สูดลมหายใจเข้าลึก

ผลตื่นรู้ทางสามสายเป็นสมุนไพรพลังปราณระดับเจ็ด แล้วต้นตื่นรู้ทางห้าสายเล่า เพียงคิดเท่านี้… ทุกคนก็ขนลุกเกรียวทันที!

“ผลตื่นรู้ทางห้าสายนี้ เมื่อผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการกินเข้าไป จะทำให้คนผู้นั้นเห็นวิถีแห่งธรรม มีโอกาสบรรลุขั้นปราณสู่…ระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามได้!” ในใจของพ่อครัวเงาตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึกหลังจากที่เล่าสรรพคุณออกมาอย่างกระตือรือร้น

จีเฉิงเสวี่ยหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ระดับแปดขั้นเทพแห่งสงคราม… พลังระดับนั้นเป็นเช่นใดกันแน่! ทว่า… เมล็ดพันธุ์นั้นมันฝ่อเลยไม่งอกแล้วนี่ จีเฉิงเสวี่ยดึงสติกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง สายตาของเขาจับจ้องไปที่พ่อครัวเงาไม่วางตา ชายหนุ่มรู้ดีว่าเมล็ดพันธุ์นั้นเลอค่าเพียงใด แต่การจะทำให้มันพัฒนาเป็นต้นอ่อนนั้นเป็นไปไม่ได้ จักรวรรดิลองร้อยแปดพันเก้าวิธีแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล

เซียวเหมิงที่นั่งอยู่เบื้องล่างสูดลมหายใจเข้าลึก ตัวเขาปรารถนาที่จะบรรลุสู่ระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามเป็นอย่างมาก ทว่า… คงอีกนานกว่าจะทำได้สำเร็จ

พ่อครัวเงาซดสุราอัญมณีทิพย์เข้าไปอึกใหญ่เพื่อควบคุมจิตใจที่กำลังเต้นโครมครามให้สงบ ก่อนจะเชิดศีรษะขึ้น กวาดตามองไปรอบตัว แล้วประกาศด้วยเสียงแผ่วเบา

“เถ้าแก่ปู้ ทำให้เมล็ด… แตกหน่อได้แล้ว”

  …

ภายในร้านเล็กๆ ของฟางฟาง แสงไฟยังสว่างอยู่ริบหรี่

ปู้ฟางกำลังพิจารณาสมุนไพรพลังปราณระดับเจ็ดทั้งสามชนิดตรงหน้า ชายหนุ่มหรี่ตาลงเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่แผ่ออกมาจากภายใน

จากนั้นจิตใจของเขาก็ครุ่นคิดถึงวิธีที่จะนำสมุนไพรพลังปราณเหล่านี้มาใช้หมักสุรา

การหมักสุราในครั้งนี้ ปู้ฟางจะใช้กระบวนการหมักเก้ากรรมวิธีไม่ได้อีก สุราหัวใจหยกเยือกแข็งหมักจากข้าว แต่วัตถุในครั้งนี้คือสมุนไพรและผลไม้พลังปราณ จึงจำเป็นต้องใช้กรรมวิธีหมักที่แตกต่างกันออกไป

สิ่งนี้เองที่รบกวนใจปู้ฟางมาตลอด แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าใดนัก ในอดีตชาติ ปู้ฟางเคยมีประสบการณ์หมักสุราจากผลไม้มาก่อน ชายหนุ่มจึงไม่ค่อยกังวลใจเรื่องนี้ เขาเพียงหนักใจว่าจะหมักสุราพลังปราณนี้ให้ออกมาสมบูรณ์แบบได้อย่างไรเท่านั้น

“ระบบ มีคำแนะนำเรื่องการหมักสุราพลังปราณไหม” ปู้ฟางครุ่นคิดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะตัดสินใจค้นหาในระบบ ชายหนุ่มเชื่อว่าการทำเช่นนี้น่าจะปลอดภัยกว่า

ระบบไม่ได้ตอบทันทีแต่กลับเงียบอยู่นานสองนาน แล้วค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขึงขัง “การหมักสุราพลังปราณเป็นภารกิจฉุกเฉินของนายท่าน เป็นหน้าที่ของนายท่านที่จะต้องคิดค้นสุราซึ่งยอดเยี่ยมกว่า “ลมหายใจมังกร” ให้ได้ด้วยตนเอง ฉะนั้นระบบจะไม่ให้กรรมวิธีใดๆ”

“อย่างที่คิดไว้เลย…” มุมปากของปู้ฟางม้วนขึ้น ชายหนุ่มรู้ดีว่าตามธรรมชาติของระบบแล้ว ย่อมต้องไม่เปิดช่องให้เขาหาประโยชน์ได้เป็นแน่

คิ้วของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันเป็นปม ในเมื่อระบบไม่ยอมช่วย ปู้ฟางก็ต้องหากรรมวิธีให้ได้ด้วยตนเอง

ส่วนที่ยากที่สุดของการหมักสุราจากผลไม้ก็คือระยะเวลาในการหมัก… ปู้ฟางต้องควบคุมระยะเวลาในการหมักด้วยตนเอง หากชายหนุ่มเปิดไหหมักเร็วเกินไป กลิ่นและรสภายในก็อาจจะหายไป ซึ่งย่อมกระทบต่อคุณภาพของสุราอย่างแน่นอน

เขายกมือขึ้นถูคางแล้วครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่เป็นนาน

จากนั้นปู้ฟางก็เลิกคิด เขาหยิบผลไม้พลังปราณระดับต่ำออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บของระบบ ระดับของผลไม้พลังปราณเหล่านี้อยู่ในระดับสองถึงสาม เรียกได้ว่าไม่สูงแม้แต่น้อย

ผลไม้พลังปราณเหล่านี้มีสีม่วง ทุกลูกอวบแน่นและสุกงอม ปู้ฟางเคยชิมดูแล้ว มันทั้งหวานและเปรี้ยวในเวลาเดียวกัน เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาทำน้ำหมักสุรา

กลุ่มควันเบาบางลอยอยู่รอบมือของปู้ฟาง ก่อนมีดสีดำหน้าตาเรียบๆ จะปรากฏขึ้นในมือเขา

ปู้ฟางฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง พื้นผิวโต๊ะสั่นสะเทือนทันที ก่อนที่ผลไม้พลังปราณทั้งหมดจะลอยขึ้นมาตามๆ กัน

ชายหนุ่มควงมีดในมือแล้วใช้ทักษะการใช้มีดฝนดาวตกขยับมีดเข้าไปใกล้ๆ เพื่อหันผลไม้พลังปราณเหล่านั้น

“ฟุ่บ! ฟุ่บ!”

เหยือกสุราขนาดยักษ์วางรองอยู่ใต้ผลไม้พลังปราณแล้ว ผลไม้ที่ปู้ฟางหั่นเสร็จร่วงหล่นลงไปในเหยือก

ปู้ฟางมีผลไม้พลังปราณเหล่านี้อยู่จำนวนมาก พอถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พวกมันจึงกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งเหยือก

เขาหยิบเหยือกใบเล็กจิ๋วใบหนึ่งออกมาทำความสะอาด ก่อนจะนำผลตื่นรู้ทางสามสายออกมา

ผลไม้พลังปราณนี้เป็นผลไม้พลังปราณระดับเจ็ด มีลวดลายคล้ายเมฆสามสายพาดผ่านอยู่ด้านบน ปู้ฟางขยับมีดในมืออย่างแผ่วเบาราวกับกำลังเล่นกับใบมีด เขาหั่นผลไม้พลังปราณอย่างไม่รอช้า

ผลตื่นรู้ทางสามสายระดับเจ็ดถูกหั่นเป็นชิ้นๆ อย่างรวดเร็ว

ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของมีดทำครัวกระดูกมังกร พลังปราณในผลตื่นรู้ทางสามสายจึงแทบไม่สลายไปแม้แต่น้อย

หลังจากใส่ผลไม้ที่หั่นเสร็จแล้วลงไปในเหยือกสุราใบเล็ก ปู้ฟางก็นำเหยือกใบนั้นใส่ลงในเหยือกใบใหญ่ที่มีผลไม้ชิ้นเล็กๆ อยู่กว่าครึ่งเหยือก

สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งก็ถูกหั่นใส่เหยือกเล็ก แล้วใส่ลงไปในเหยือกขนาดใหญ่ด้วยกรรมวิธีเดียวกัน เช่นเดียวกับดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง

หลังจากที่ส่วนผสมทั้งสามลงไปอยู่ในเหยือกสุราใบใหญ่เรียบร้อย พลังที่มองไม่เห็นก็เริ่มเข้ามาประสานกัน เหยือกที่มีสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงอยู่ส่องแสงเป็นประกายที่แดงเพลิงออกมา ส่วนเหยือกที่ใส่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งก็ส่องแสงสีฟ้าอ่อน

เหยือกที่มีผลตื่นรู้ทางสามสายอยู่นั้นออกจะแปลกตาไปสักหน่อย เพราะมีพลังปราณในรูปของเมฆสามสายปรากฏขึ้นด้านบน

เหยือกซ้อนเหยือก สุราในสุรา ส่วนประกอบทั้งสี่ถูกหมักไปพร้อมๆ กัน

หลังจากที่ปิดฝาเหยือกสุราใบใหญ่แล้ว ปู้ฟางก็ใช้มือทั้งสองบีบปากเหยือกสุราด้วยแววตามุ่งมั่น พลังปราณเที่ยงแท้ไหลวนอยู่ในแก่นพลังของเขา ก่อนที่จะปะทุขึ้นแล้วไหลบ่าลงไปในเหยือก

“พลั่ก! พลั่ก!”

ผลไม้พลังปราณที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ในเหยือกสุราใบใหญ่ปู้ฟางนั้น เมื่อถูกกดดันด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ก็ปล่อยน้ำหวานออกมา น้ำหวานเหล่านี้ไหลออกจากเนื้อผลไม้อย่างรวดเร็ว

พลังปราณเที่ยงแท้ของปู้ฟางค่อยๆ หมุนวนอยู่ภายใน ขณะที่พลังปราณหมุนวนอยู่นั้น มันก็ค่อยๆ แทรกซึมไปในน้ำหวานอย่างแช่มช้า

หลังจากที่ผสมคลุกเคล้าอยู่ร่วมครึ่งคืน พลังปราณเที่ยงแท้ในร่างของปู้ฟางก็แทบจะหมดเกลี้ยง

ชายหนุ่มปล่อยมือจากเหยือกสุราใบใหญ่ เขาซวนเซไปด้านหลังสองสามก้าว ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้น แล้วพบว่าตอนนี้มือของเขากำลังสั่นเล็กน้อย

เขาทุ่มเทใช้พลังปราณเที่ยงแท้ไปมากในครั้งนี้ ทั้งพลังปราณและพลังกายของปู้ฟางตอนนี้ต่างถึงขีดจำกัดด้วยกันแล้วทั้งคู่

“ผลลัพธ์จากการใช้พลังปราณเที่ยงแท้เพื่อช่วยในการหมักน่าจะออกมาดีไม่น้อย…” ปู้ฟางพึมพำ ก่อนจะยกเหยือกสุราใบใหญ่ที่หนักอึ้งขึ้นแล้วออกเดินไปทางตู้เก็บของในครัว

ตู้ใบนี้เขาสงวนเอาไว้สำหรับใช้หมักสุราเท่านั้น

ปู้ฟางหยิบเหยือกสุราหัวใจหยกเยือกแข็งทั้งสามใบในตู้ออกมา ก่อนจะใส่เหยือกสุราใบยักษ์นั้นเข้าไปแทน

เวลาในตู้ใบนี้เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นการหมักก็น่าจะแล้วเสร็จในเวลาเพียงไม่กี่วัน

แต่ปู้ฟางก็ยังไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง ชายหนุ่มอดรู้สึกไม่ได้ว่าทั้งหมดนี้ช่างง่ายดายเกินไป ก่อนหน้านี้หนี่หยันเคยพูดไว้ว่ากรรมวิธีการหมักสุราลมหายใจมังกรนั้นซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

ระหว่างการหมักนั้น เป็นไปได้ว่าเหยือกถูกฝังอยู่ใต้ทะเลสาบเทือกเขาปราณสวรรค์ ก่อนจะกลายมาเป็นสุราหลังจากผ่านไปร่วมสามปี…

“ระบบ ตู้นี้สามารถสร้างบรรยากาศจำลองได้หรือไม่” ปู้ฟางหันไปพึ่งระบบอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่า หากใช้กรรมวิธีหมักธรรมดาทั่วไปก็จะไม่สามารถเอาชนะลมหายใจมังกรได้ เนื่องด้วยปัจจัยในการหมัก รวมถึงสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันมีผลกระทบอย่างมากกับคุณภาพผลผลิตสุราที่ได้

“ตู้โกงเวลานั่นสร้างบรรยากาศจำลองได้ในราคาสิบผลึก ผลึกจะถูกหักออกจากรายรับของนายท่าน” ครั้งนี้ระบบตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ปู้ฟางกลอกตา เขารู้ดีว่าหากระบบตอบกลับเร็วเช่นนี้ แปลได้อย่างเดียวว่าเขาจะต้องเสียเงิน

แต่ก็เพียงสิบผลึกเท่านั้น แน่นอนว่าเขาจ่ายไหว

ปู้ฟางจ่ายเงินสิบผลึก หลังจากนั้นสติของเขาก็เข้าเชื่อมกับตู้โกงเวลาอย่างรวดเร็ว

เมื่อวางเหยือกขนาดใหญ่เข้าไปในตู้แล้ว ปู้ฟางก็มองเห็นทัศนียภาพที่ต่างกันไปอยู่ตรงหน้า มีทั้งโลกที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง ภูเขาไฟ ทะเลสาบเทือกเขาปราณสวรรค์ และกระทั่งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

แต่บรรยากาศเช่นใดกันเล่าที่ชายหนุ่มต้องการ ปู้ฟางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเลือกบรรยากาศใต้ท้องสมุทร

การรวมตัวกันของเปลวเพลิงและน้ำแข็ง ร่วมกับพลังอันรุนแรงของเกลียวคลื่นใต้ท้องทะเล… สุราพลังปราณนี้ทำให้ปู้ฟางตื่นเต้นเสียจนคุมตนเองแทบไม่อยู่

ส่วนเรื่องของเวลาภายในตู้ ปู้ฟางเองก็คำนวณมาแล้วอย่างรอบคอบ ตามปริมาณของพลังปราณเที่ยงแท้ที่เขาใส่เข้าไป สุรานี้ยังต้องการระยะเวลาการหมักร่วมสามปี ฉะนั้นปู้ฟางจึงปรับให้สุราหมักอยู่ในตู้นี้เป็นเวลาสามปี ซึ่งเท่ากับประมาณหนึ่งเดือนภายนอกตู้

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ปู้ฟางก็นั่งหมดแรง เมื่อสัมผัสถึงพลังปราณเที่ยงแท้ในกายที่หมดเกลี้ยงไป คิ้วของชายหนุ่มก็ขมวดเข้าหากันอีกครา จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าควรทำขนมที่จะช่วยเพิ่มพลังปราณเที่ยงแท้ให้กลับมาโดยเร็ว

เขาออกจากห้องครัวกลับเข้าห้องตนเองเพื่อไปอาบน้ำ ไอน้ำอบอุ่นทำให้สายตาของเขาพร่าเลือน

แม้ว่าร่างกายจะอ่อนล้าสักเพียงใด แต่ในใจของปู้ฟางก็ลิงโลดอยู่เช่นเดิม สุราพลังปราณที่หมักด้วยสมุนไพรระดับเจ็ดถึงสามอย่าง…แม้แต่ตัวปู้ฟางเองก็ไม่อาจคิดจินตนาการถึงความยอดเยี่ยมของมันได้

แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าสุราหัวใจหยกเยือกแข็งนั้นไม่อาจเทียบสุราพลังปราณนี้ได้แน่

แต่แล้วจู่ๆ ปู้ฟางที่ล้มตัวลงนอนบนเตียงไปแล้วก็เกิดเอะใจขึ้นมา เขาหรี่ตาลง…

คำถามที่สำคัญอีกข้อปรากฏขึ้นในใจ สุราพลังปราณนี้… เขาควรตั้งชื่อมันว่าอะไรดี