ท่ามกลางแสงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า ภูเขาห่างไกลที่เห็นจากสวนหลังบ้านเริ่มมีม่านดำชั้นบางปกคลุม เซี่ยยวี่หลัวฮัมเพลงพลางตักน้ำจากบ่อปลามาหนึ่งถัง ใช้กระบวยตักน้ำรดพืชพรรณต่างๆ ในสวนหลังบ้านทีละกระบวย
เริ่มจากผักแต่ละร่อง ต่อด้วยแตงแต่ละร่อง
แตงโมมีขนาดใหญ่เท่าศีรษะของเด็กเล็กแล้ว รออีกสักสิบกว่าวัน ก็สามารถกินได้แล้ว ยังมีแตงกวาที่มีขนาดเท่าแขนของเด็กเล็ก รออีกสองถึงสามวัน ก็สามารถเด็ดมากินได้แล้ว เซี่ยยวี่หลัวย่อตัวอยู่ตรงหน้าแตงโมผลหนึ่ง กล่าวพึมพำ “แตงเอ๋ยแตงเอ๋ย เจ้ารีบโตไวๆ รอเจ้าโตแล้วจะได้กินให้หนำใจ! ”
ยุคโบราณนั้นต่างจากยุคปัจจุบัน ไม่อาจรักษาสิ่งของใดๆไว้เป็นเวลานาน ได้แต่กินของตามฤดูกาล แตงโมก็เช่นเดียวกัน เฉพาะช่วงฤดูร้อนถึงจะมี พอถึงฤดูหนาว คิดจะกินแตงโมก็ยากแล้ว ปีนี้กินแตงโมชุดนี้หมด คิดจะกินอีก ก็ต้องรอให้ถึงเวลานี้ของปีหน้า
เซี่ยยวี่หลัวชอบกินแตงโม พอคิดว่าปีนี้กินหมดแล้ว ต้องรอถึงปีหน้าถึงจะได้กินอีก ก็รู้สึกเศร้าสลด “เมื่อก่อนข้าอยากกินเจ้า สามารถกินได้ทุกที่ทุกเวลา ตอนนี้จะกินเจ้า ยังต้องรออีกตั้งหนึ่งปี เฮ้อ แตงเอ๋ยแตงเอ๋ย เจ้าต้องออกผลให้มากหน่อย ให้ข้าได้กินจนหนำใจในปีนี้ เข้าใจหรือไม่? ”
นางย่อตัวอยู่บนพื้นพลางบ่นพึมพำ ไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่าใต้ชายคาในสวนหลังบ้านมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ กำลังมองนางอย่างสนอกสนใจ
คำพูดทุกประโยคที่เซี่ยยวี่หลัวกล่าวกับแตงโม คนด้านหลังได้ยินทั้งหมด
“แตงโมเข้าใจวาจาของเจ้าเช่นนั้นหรือ? ” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็เอ่ยถามขึ้นจากด้านหลัง เซี่ยยวี่หลัวตกใจสะดุ้งจนกระโดดขึ้น หันขวับมาดู จึงเห็นเซียวยวี่ยืนอยู่ด้านหลังนาง กำลังขมวดคิ้วมองนางอยู่
เซี่ยยวี่หลัวผงะไป ลืมตอบคำถามของเซียวยวี่ กลับย้อนถาม “เจ้ามาเมื่อไรกัน ทำไมถึงไม่มีเสียงแม้แต่น้อย? ”
เซียวยวี่ขมวดคิ้ว “ก่อนเจ้าจะมาข้าก็อยู่ที่นี่แล้ว”
เมื่อครู่เขายังรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย ตัวเองที่เป็นคนตัวเป็นๆ ยืนอยู่ข้างนาง เหตุใดนางถึงไม่มองสักนิด ดูท่าคงไม่เห็นเขาเลย
เซี่ยยวี่หลัวส่งเสียง “หา” ทีหนึ่ง “คือ… คือ…” คืออะไรนางไม่ได้กล่าว จากนั้นเพียงขานตอบว่า “อ่อ” แล้วจึงก้มตัวไปหิ้วถังน้ำ ไม่สนใจเซียวยวี่ หิ้วถังเปล่าไปตักน้ำที่บ่อน้ำ รดน้ำให้กุหลาบเลื้อยที่อยู่ริมกำแพงรวมถึงองุ่นและเก๋ากี้ที่นางย้ายมาปลูก ก็ถือว่าเสร็จแล้ว
เซียวยวี่ถูกปฏิบัติราวกับเป็นอากาศธาตุอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเรียบสงบ ไม่ได้อยู่ดูเซี่ยยวี่หลัวทำงาน เพียงมองภูเขาห่างไกลที่แทบมองไม่เห็น แล้วจึงเดินจากไป
เสียงปิดประตูห้องโถงดังขึ้น เซี่ยยวี่หลัวที่หวั่นใจอยู่ตลอดจึงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ครั้งหน้านางจะประมาทไม่ได้แล้ว ยังดีที่ไม่ได้พูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเซียวยวี่ คนที่แค้นฝังใจเช่นนี้ วันใดที่ไต่เต้าขึ้นเป็นใหญ่ไม่แน่ว่าอาจเฉือนลิ้นนางทิ้งก็เป็นได้ น่ากลัวเกินไปแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวหันหลังให้ตัวบ้านขณะตบอกตัวเองเบาๆ
มีเพียงสตรีและคนถ่อยที่คบหาได้ยาก* เซียวยวี่ผู้นี้ เอาใจยากนัก
เซียวยวี่ออกจากสวนหลังบ้าน จากสวนหลังบ้านกลับห้องตัวเองเป็นระยะทางเพียงยี่สิบกว่าก้าวเท่านั้น แต่กลับทำให้เซียวยวี่เข้าใจเรื่องหนึ่งในที่สุด เซี่ยยวี่หลัวกำลังหลบหน้าเขา!
นางจะหลบเขาไปทำไม?
เซียวยวี่หันกลับไปมองห้องโถง ขมวดคิ้วจนเป็นปม
ถึงปลายเดือนห้าแล้ว ไม่ได้เข้าไปในตัวเมืองเกือบสิบวัน เซี่ยยวี่หลัวต้องไปฮวาหม่านยีหนหนึ่ง นำแบบลวดลายที่วาดไว้ไปส่ง
นางบอกเรื่องนี้กับเด็กสองคนตั้งแต่ช่วงค่ำ เช้าวันต่อมาฟ้ายังไม่สว่างนางก็ลุกแล้ว ต้มโจ๊กไว้ในหม้อ ต้มไข่ไก่สามฟอง จากนั้นจึงอาศัยจังหวะที่ฟ้ายังไม่สว่าง ออกเดินทางแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้กินข้าวที่บ้าน นางคิดจะรีบไปรีบกลับ
เมื่อถึงฮวาหม่านยี ฮวาเหนียงเห็นเซี่ยยวี่หลัวมา ดวงหน้าก็ฉายประกายยินดี “แม่ทูนหัวของข้า ทำไมเจ้าหายไปนานขนาดนี้ ข้าจะไปหาเจ้าอยู่แล้ว”
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ของเด็กๆ กลับมาแล้ว ช่วงหลายวันมานี้จึงอยู่บ้านดูแลเขา”
พอฮวาเหนียงได้ยินว่าสามีของเซี่ยยวี่หลัวกลับมาแล้ว ก็ทำหน้าบ่งบอกว่าข้าเข้าใจ “ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ ห่างชั่วครั้งชั่วคราวกลับมาหวานชื่นยิ่งกว่าตอนเพิ่งแต่ง ไม่ได้พบกันนานขนาดนี้ สองคนตัวติดกัน ก็เป็นเรื่องสมควร เป็นเรื่องสมควร! ”
เซี่ยยวี่หลัว “…”
นางกล่าวอะไรผิดไปหรือไม่ ทำให้ฮวาเหนียงเข้าใจนางผิดไป นางกำลังดูแลเซียวยวี่จริงๆ นอกจากดูแลเรื่องอาหารการกิน ก็ไม่มีเรื่องอื่นอีก
ฮวาเหนียงกล่าวด้วยสีหน้าหยอกเย้า “สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน มักมีความรักใคร่กลมเกลียว ต้องอาศัยจังหวะอันดีนี้มีลูกด้วยกัน รีบมีลูกด้วยกันสักหนึ่งคน พอมีลูกแล้วความสัมพันธ์สามีภรรยาก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น! ”
เซี่ยยวี่หลัว “ฮวาเหนียง นี่คือแบบลวดลายที่ข้านำมา ท่านลองดู! ” เรื่องอื่นข้าไม่ได้ยินอะไรเลยจริงๆ !
ฮวาเหนียงรับแบบลวดลายมาพลางแอบชำเลืองมองใบหน้าเซี่ยยวี่หลัว พอเห็นใบหน้าขาวเนียนขึ้นสีแดงเรื่อ ฮวาเหนียงจึงใช้มือปิดปากพร้อมหัวเราะอย่างเปิดเผยกว่าเดิม “ได้ได้ได้ ข้าไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว ดูเจ้าสิ ทั้งที่แต่งงานแล้ว พูดเรื่องเช่นนี้ หน้ายังแดงเหมือนก้นลิงอีก ใครบ้างแต่งงานแล้วไม่มีลูก! เจ้าน่ะ ฟังฮวาเหนียงรับรองว่าไม่มีผิด รีบมีลูกแต่เนิ่นๆ มีหลายๆ คน ชั่วชีวิตของสตรีถึงจะถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์”
กล่าวถึงช่วงท้าย น้ำเสียงของฮวาเหนียงก็ค่อยๆ ลดต่ำลง เซี่ยยวี่หลัวเห็นประกายความรู้สึกเสียดายและหดหู่ที่ฉายชัดบนใบหน้านาง หลังจากสนิทสนมคุ้นเคยกับฮวาเหนียงแล้ว จึงได้รู้เรื่องราวส่วนหนึ่งของฮวาเหนียง ช่วงวัยสาวสามีภรรยารักใคร่ เพียงแต่น่าเสียดาย ที่สามีของนางด่วนจากไป ไม่มีบุตรชายหรือบุตรสาวให้ฮวาเหนียง กลายเป็นเรื่องเจ็บปวดในใจฮวาเหนียงตลอดไป
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา ขานตอบว่า “อืม” เบาๆ เหมือนกำลังปลอบโยนฮวาเหนียง
ฮวาเหนียงสลัดอดีตที่ทุกข์ระทมเหล่านั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เอ่ยชมแบบลวดลายของเซี่ยยวี่หลัวอย่างสุดกำลัง “ไม่รู้จริงๆ ว่าในหัวของเจ้ามีอะไรอยู่บ้าง ทั้งแมวทั้งสุนัขถูกเจ้าวาดเสียเหมือนคนก็มิปาน! ”
เซี่ยยวี่หลัวเพียงยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไร
ฮวาเหนียงนำสมุดบัญชีในเดือนนี้มาให้เซี่ยยวี่หลัวดู เซี่ยยวี่หลัวเปิดดูบัญชีในเดือนนี้ ภายในใจก็มีตัวเลขผลกำไรของเดือนนี้แล้ว มากกว่าเดือนที่แล้วกว่าเท่าตัว
และแล้ว ฮวาเหนียงก็กล่าวด้วยความตื่นเต้น “ข้าคาดว่าช่วงสองวันนี้เจ้าจะมา ดังนั้นจึงคำนวณตัวเลขในบัญชีไว้แล้ว ผลกำไรของเดือนนี้มากกว่าเดือนที่แล้วตั้งเท่าตัว ดังนั้นส่วนแบ่งของเจ้า ก็มากกว่าเดือนที่แล้วเป็นเท่าตัวเช่นกัน นี่ ให้เจ้า เจ้าลองนับดู”
เซี่ยยวี่หลัวลองประเมินน้ำหนัก น้ำหนักมากพอ ไม่จำเป็นต้องนับ “เช่นนั้นก็ขอบคุณฮวาเหนียงมาก”
ฮวาเหนียงกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน “ขอบคุณผิดคนแล้ว ควรเป็นข้าที่ขอบคุณเจ้า หากไม่ได้แบบลวดลายเหล่านี้ของเจ้า ผลกำไรฮวาหม่านยีของข้าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร! ”
เซี่ยยวี่หลัวนำของไปส่งแล้ว เงินก็ได้รับแล้ว หลังจากพูดคุยกับฮวาเหนียงพอเป็นพิธี ก็กำลังจะออกไป
ฮวาเหนียงส่งนางออกไปด้วยตัวเอง ทั้งสองคนมาถึงในสวน ฮวาเหนียงชี้ดอกหลิงเซียวที่ย้ายสถานที่ปลูก กล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “ยวี่หลัว เจ้าดูสิ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เจ้าบอกว่าต้องย้ายดอกหลิงเซียวมาปลูกอีกฝั่งหนึ่ง ก็ได้ผลจริง ดูสิ บนเถาวัลย์เต็มไปด้วยดอกตูม รออีกสักครึ่งเดือน บนกำแพงนี่ก็จะเต็มไปด้วยดอกหลิงเซียวแล้ว! ”
เป็นเช่นนั้นจริง ดอกหลิงเซียวแตกกิ่งก้านใบหนาทึบกว่าเดิมมาก พุ่มดอกตูมของดอกหลิงเซียวรอที่จะผลิบานทั่วกำแพงได้ทุกเมื่อ
————-
เชิงอรรถ
*มีเพียงสตรีและคนถ่อยที่คบหาได้ยาก เป็นสุภาษิตจีนที่ขงจื๊อได้กล่าวไว้ โดยประโยคเต็มคือ ‘มีเพียงสตรีและคนถ่อยที่คบหาได้ยาก ใกล้ชิดสนิทสนมเกินไปก็จะเหิมเกริมไร้มารยาท เหินห่างเกินไปก็จะเกิดความขุ่นเคือง’ ซึ่งตีความได้ว่าการรักษาระยะห่างที่เหมาะสมในความสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องยาก