ตอนแรกเสี่ยวเชี่ยนก็แค่คิดว่าผู้ฟังแค่อารมณ์ไม่ดี แต่พอฟังเด็กคนนี้บอกว่าไม่ได้นอนมาสามวันแล้วเธอก็ให้ความสนใจทันที
“น้องคะ ช่วงนี้เจอเรื่องไม่สบายใจอะไรมาหรือเปล่าคะ?”
“ก็ไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ แค่รู้สึกหนักใจมาตลอด ทุกวันฉันพยายามจะทำให้ตัวเองหลับ แต่พอนอนบนลงบนเตียงไม่ว่าจะหลับตานับแกะยังไงก็นอนไม่หลับเหมือนเดิม ไม่มีประโยชน์ กินยาก็ไม่ได้ผล…”
อาการแบบนี้…เสี่ยวเชี่ยนฟังดูก็รู้ว่าไม่เหมือนกับผู้ฟังคนอื่นที่โทรมาด้วยเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง
“นอกจากเรื่องพวกนี้แล้วยังมีอาการผิดปกติอื่นๆอีกไหมคะ?”
“ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะคะ หรืออาจจะมี…แต่ฉันไม่อยากพูดค่ะ”
นอนไม่หลับ+ไม่อยากบอกคนอื่นว่าตัวเองเศร้า หรืออาจไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน แค่อาการสองอย่างนี้ก็พอจะทำให้เสี่ยวเชี่ยนจับสังเกตได้แล้ว
“มีเรื่องอะไรที่ทำให้น้องมีความสุขไหมคะ? กินได้บ้างไหม?” เธอถามต่อ
“ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เรื่องที่เคยทำให้ฉันมีความสุขเหมือนมันหายไปชั่วข้ามคืน อาหารที่เคยชอบกินก็ไม่มีความอยากเลย หมอให้ยามาฉันก็ยังนอนไม่หลับเหมือนเดิม”
ไม่มีเรื่องที่ชอบ ไม่อยากอาหาร นอนไม่หลับ ไม่อยากระบายกับใคร รู้สึกมืดมนกับอนาคต ประเมินตัวเองค่อนข้างต่ำ…
สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนคาดเดาอยู่ในใจชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“มีความปรารถนาอะไรที่อยากทำให้สำเร็จไหมคะ?”
“ไม่มีค่ะ…อ้อ ไม่สิ ก็มีนะคะ! จริงๆแล้วฉันอยากโทรมาอวยพรพี่ ฉันคิดมาตลอดว่าฉันเข้ากับโลกใบนี้ไม่ได้ แต่รายการพี่กลับเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันมีความรู้สึก ฉันอยากอวยพรพี่เรื่องแต่งงานด้วยตัวเอง ทำเรื่องนี้ได้ฉันก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว ยังไงซะฉันก็ไม่มีอะไรที่ทำได้อีกแล้ว ไม่รบกวนพี่แล้วนะคะ”
แม้แต่ความปรารถนาก็ไม่มี
“ขอทราบชื่อน้องได้ไหมคะ”
“ฉัน—” เด็กผู้หญิงลังเล
“บอกหน่อยน้า พี่เหม่ยเหวยอยากรู้”
“ฉันชื่อเวยเวยค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนอึ้ง
เวยเวย เหวยเหวย คล้ายชื่อลูกสาวเธอมาก
เสี่ยวเชี่ยนหลับตารู้สึกคล้ายกับว่าลูกสาวกำลังพูดกับเธออยู่
หม่าม้าช่วยเขาด้วย
เสี่ยวเชี่ยนลืมตาขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความรู้สึกอื่น เธอเจอแบบนี้แล้วจะปล่อยไปเฉยๆก็ไม่ได้
“อย่าเพิ่งรีบวางสายนะคะ เดี๋ยวทิ้งวิธีติดต่อไว้กับผู้กำกับหน่อยนะ พี่เลิกรายการแล้วจะติดต่อกลับ จำไว้นะคะ ไม่ว่าตอนนี้จะลำบากแค่ไหนน้องก็ยังมีพี่เหม่ยเหวยอยู่เสมอ”
“ขอบคุณค่ะพี่เหม่ยเหวย แต่ว่า…มันสายไปแล้ว การยืนมันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันอยากจะเอนตัวสักพัก”
ว้าว! พิธีกรแจกเบอร์!
ผู้ฟังหลายคนพากันตื่นเต้นทันที ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมบทสนทนานี้ถึงทำให้เหม่ยเหวยที่ดูเย็นชามาตลอดถึงกับทิ้งเบอร์ไว้ให้เอง แต่เรื่องนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ตกใจ
คะแนนความนิยมของเหม่ยเหวยพุ่งสูงมาตลอด บวกกับเธอเป็นคนเก็บตัวไม่เปิดเผยตัวตน ผู้ฟังหลายคนต่างอยากรู้ว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร คนที่อยากรู้วิธีติดต่อเธอมีมากยิ่งกว่า แต่ทางสถานีเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างดี
ก่อนหน้านี้ก็มีผู้ฟังที่อยากได้ช่องทางติดต่อเธอ ล้วนถูกเสี่ยวเชี่ยนปฏิเสธอ้อมๆไป วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอบอกเอง!
สายต่อๆไปก็คงอยากได้เบอร์ติดต่อเสี่ยวเชี่ยน รายการยังมีเวลาอีกหลายนาทีกว่าจะจบ แต่ตอนนี้ใจเสี่ยวเชี่ยนไปผูกอยู่กับเด็กคนนั้นแล้ว เธอต้องติดต่อเด็กคนนั้นให้ได้ไวที่สุด
เธอเปิดเพลงตัดปิดรายการ
คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจริงๆกับคนที่แกล้งเป็น จิตแพทย์แยกแยะได้ชัดเจน หากอยากจะปิดบังไม่มีทางเป็นไปได้
เสี่ยวเชี่ยนพอเลิกรายการแล้วก็รีบวิ่งออกไปขอวิธีติดต่อเด็กคนนั้นกับผู้กำกับทันที
“เด็กคนนั้นไม่ได้ทิ้งเบอร์ไว้นะ เขาวางสายไปเลย”
“เช็คเลยค่ะ เช็คเบอร์ที่เขาใช้โทรเข้ามา”
ผู้กำกับรีบเช็คพลางถามด้วยความสงสัย
“เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นเธอเป็นแบบนี้ มีอะไรเหรอ?” ผู้กำกับไล่ดูไปเรื่อยๆ
“เพราะอาการของเขาไม่เหมือนกับผู้ฟังคนอื่น เขาต้องการฉัน”
“ฉันคิดว่าเธอจะเป็นคนที่เย็นชาเสียอีก เพราะจะแต่งงานแล้วเลยอ่อนโยนขึ้นเหรอ?” ผู้กำกับหาเจอแล้วจึงใช้ปากกาจดไว้
“ฉันเย็นชาไม่เกี่ยวอะไรกับการเป็นหมอ”
ตอนที่เด็กคนนั้นบอกว่าสิ่งเดียวที่ทำให้มีความรู้สึกก็คือรายการของเสี่ยวเชี่ยน ตอนที่บอกว่าได้โทรมาหาเสี่ยวเชี่ยนแล้วก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีก เซ้นส์ของหมอได้บอกให้เสี่ยวเชี่ยนรีบหาตัวเด็กคนนั้นให้เจอ
“อะ! ครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นคนยอมรับว่าตัวเองเย็นชา…” ผู้กำกับพูดด้วยความสงสัยพลางมองเสี่ยวเชี่ยนที่พอได้เบอร์ก็รีบออกไปอย่างรีบร้อน
เสี่ยวเชี่ยนไม่มีเวลาคุยด้วยแล้ว เธอรีบกดโทรทันที เป็นเบอร์บ้าน ดังอยู่นานไม่มีคนมารับ เสี่ยวเชี่ยนก็ยังโทรต่อไป ครั้งที่สามในที่สุดก็มีคนรับ
“ดึกๆดื่นๆโทรมาทำไม คนจะหลับจะนอน!”
คนที่รับสายเป็นผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด คล้ายกับเพิ่งตื่น
“บ้านคุณมีเด็กผู้หญิงที่ชื่อเวยเวยไหมคะ?”
“เสือกอะไรด้วย! ดึกดื่นป่านนี้ยังจะโทรมาแม่งเอ๊ย!” ผู้ชายคนนั้นพูดจาไม่ดี เนื่องจากถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเลยอารมณ์ไม่ดีเท่าไร พูดจาหยาบคาย
“รีบไปที่ห้องเขานะคะ ดูว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ ฉันเป็นพิธีกรเหม่ยเหวยที่จัดรายการทางวิทยุ เด็กคนนั้นโทรหาฉัน ฉันว่าอาการเขาดูแปลกๆ น่าจะเป็นโรคซึมเศร้า ตอนนี้อยู่ในช่วงอาการกำเริบ รีบเข้าไปหาเขาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ!”
“หา!” ผู้ชายคนนั้นตื่นทันที ไม่สนใจจะพูดกับเสี่ยวเชี่ยนแล้ว ปล่อยหูโทรศัพท์ลงโดยไม่ได้วางเก็บให้ดี
เสี่ยวเชี่ยนได้ยินเสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นบ้าน ได้ยินเสียงเคาะประตู ตามมาด้วยเสียงตะโกนของผู้ชายคนนั้น
“เวยเวย! เปิดประตู!”
ไม่มีเสียงตอบรับ จากนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ได้ยินเขาตะโกนต่อ
“อาจือ! ไปเอากุญแจมาเร็ว!”
เสียงผู้หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นหลังจากเสียงหาว “น่ารำคาญจริง ไม่รู้จักจบจักสิ้น มันอยากจะตายก็ให้ตายไปเลย เสียเวลาคนจะนอน!”
เสี่ยวเชี่ยนฟังแล้วก็โมโห นี่แม่แท้ๆเหรอ?
ทำไมไม่มีความอดทนกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเลย?
ในที่สุดก็เปิดประตูได้ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตื่นตระหนกของผู้ชายคนนั้น
“เวยเวย! รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!!!”
“ว้าย เด็กคนนี้กินยาจริงๆเหรอเนี่ย นี่มันดึกแล้วนะพวกเราขับรถไปเถอะ…”
“หุบปาก! เรียกรถ!!!”
จากนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ได้ยินเสียงเดิน เสียงของผู้หญิงคนนั้นชัดขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนจะบ่นพึมพำ ผู้ชายคนนั้นมัวแต่กังวลจะช่วยเด็กผู้หญิงเลยไม่ได้ยินในสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูด แต่เสี่ยวเชี่ยนได้ยิน
“วันๆบ่นแต่อยากตาย อยากตายก็ตายไปสิวะ! น่ารำคาญชิบ เรียกรถพยาบาลไม่ต้องใช้เงินหรือไง รีบๆตายไปหาแม่อายุสั้นเลยไป เฮงซวยจริงๆ…”
อ่อ…แม่เลี้ยง หรือไม่ก็ญาติ เอาเป็นว่าไม่ใช่แม่แท้ๆ
เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจแล้ว ถ้าเป็นแม่แท้ๆคงไม่ใจร้ายแบบนี้
“ทำไมไม่วางหูโทรศัพท์ให้มันดี! อะไรกันนักกันหนา!” ผู้หญิงคนนั้นวางหูโทรศัพท์ หลังจากนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่รู้เรื่องแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาเช้ามืด ตอนเลิกรายการก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว เสี่ยวเชี่ยนมองนาฬิกา แต่ก็ยังไม่วางใจ
ขณะที่กำลังจะโทรหาศาสตราจารย์หลิวนั้น ศาสตราจารย์หลิวก็โทรเข้ามาเสียก่อน