บทที่ 83 ให้หม่ามี๊ไปทำงานที่บริษัทแด๊ดดี้

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

“อ๋า?”
ผู้ช่วยตะลึงงันทันที
ปล่อยไป?นั่นไม่ได้เป็นการปล่อยไก่หรอกเหรอ?ทำให้คุณเส้นหมี่กู้คืนทะเบียนบ้านแล้วอยู่ตระกูลหิรัญชาต่อไป?
ไม่สิ ไม่ใช่แบบนี้!
ถ้าเขาปล่อยข่าวนี้ไป ปัญหาที่จะเผชิญเป็นอย่างแรกน่าจะไม่ใช่ว่าทะเบียนบ้านของเส้นหมี่ยังอยู่ตระกูลหิรัญชาหรือไม่?แต่เป็นเธอที่จะรู้ทันที ถึงแม้เธอถูกพากลับมา แต่ที่จริงผู้ชายคนนั้นไม่ได้บอกคุณท่านมาตลอด
และพอเธอรู้ สาเหตุที่แสนรักทำแบบนี้ เธอก็เข้าใจ โดยธรรมชาติ
ในที่สุดผู้ช่วยก็เข้าใจ ทันใดนั้น เขาก็มองทนายที่ดูอบอุ่นตรงกระจกมองหลัง เผยให้เห็นสายตาที่ดูยากที่จะเชื่อเป็นอย่างมาก……
——
เส้นหมี่มารับลูกที่โรงเรียนอนุบาล
เดิมทีคิดว่าหลังจากลูกทั้งสองคนเห็นเธอแล้ว จะเหมือนลูกนกนางแอ่นที่โผลออกมาทันที แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากวันนี้เธอมา ลูกก็ยังไม่ออกมา เธอยังถูกครูอนุบาลเรียกไว้ด้วย
“คุณแม่อิคคิว ขอโทษนะคะ วันนี้ลูกชายคุณทะเลาะกับเพื่อนคนอื่นที่โรงเรียนเล็กน้อย เด็กคนนั้นไม่ระวังเลยทำเขาเจ็บ”
“อ๋า?”
เส้นหมี่ตกใจทันที
ไม่มั้ง วันนี้ลูกชายคนโตเพิ่งชกต่อยที่โรงเรียนอนุบาลไป ส่วนทางนี้ลูกชายคนเล็กก็เริ่มชกต่อย อย่าใจตรงกันโดยไม่ต้องพูดอะไรแบบนี้ได้ไหม?หรือว่าแม้แต่สิ่งนี้ฝาแฝดก็ยังเชื่อมโยงกัน?
เส้นหมี่รีบวิ่งเข้าไป เห็นลูกชายของตัวเอง
จริงด้วย พอเธอไปถึงห้องระดับกลาง ก็เห็นเด็กชายตัวน้อยที่ถูกครูล้อมรอบไว้ทันที น่าจะกลัวผู้ปกครองมาหาเรื่อง ครูของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้กำลังพยายามปลอบใจเขา
“คิวคิว เธอยังเจ็บตรงไหนอีกไหม?เดี๋ยวครูทาน้ำมันดอกคำฝอยให้เธออีก”
“ไม่เป็นไรครับ ลูกผู้ชายอกสามศอก แผลแค่นี้สบายมาก!”
คิวคิวโบกมือเล็กๆที่มีไหมจากการได้รับบาดเจ็บนั้นอย่างภาคภูมิใจ
แน่นอนว่า เขาก็ไม่อยากบอกพวกเธอว่า ไหมพวกนี้ ที่จริงแล้วเขาไปช่วยพี่ชายของเขาตีคนอื่นอีกที่หนึ่งตอนเที่ยง เพื่อตบตาแล้ว เขาจึงจงใจทะเลาะกับเพื่อนทางนี้
ตอนนี้รินจังก็แผ่ตัวลงไปข้างเขา เห็นพี่พูดว่าไม่เป็นไรเธอที่ทำเรื่องแย่ไปกับพี่ชาย ก็พูดรับประกันกับครูด้วยเสียงนุ่มนิ่ม
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ พี่ชายหนูชกต่อยทีไรไม่เคยแพ้เลย”
คิวคิว:“……”
พวกครู:“……”
ดีที่ตอนนี้เส้นหมี่เข้ามา เห็นลูกรักสองคนตรงนี้ ก็รีบเข้าไปทันที:“คิวคิว ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?หม่ามี๊ได้ยินว่าลูกถูกคนชกต่อยมา?”
เธอกอดลูกชายไว้แล้วรีบเช็กดูทันที
กลับพบว่า เจ้าเด็กคนนี้ ไม่บาดเจ็บที่อื่นเลย มีแค่มือเล็กๆสองข้าง ตรงหมัดนั้นช้ำและบวมแดงเล็กน้อย มองยังไงก็ไม่เหมือนถูกใครชกต่อยมา
กลับเหมือนว่าเขาไปชกต่อยคนอื่นเสียมากกว่า!
เส้นหมี่มองไปที่เด็กผู้ชายคนนี้อย่างสงสัย
คิวคิวเห็นท่าทางหม่ามี๊ผิดปกติ ก็ยิ้มตาหยีและเข้าไปโอบคอของหม่ามี๊ทันที:“เอาล่ะหม่ามี๊ เขาไม่ได้ตั้งใจด้วย พวกเราอย่าจับเขาไม่ปล่อยแบบนี้เลย หม่ามี๊สอนพวกเรานี่ ควรรู้จักใจกว้างต่อผู้อื่นบ้าง”
เส้นหมี่:“……”
เวลานั้น เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก
ดังนั้นสุดท้ายแล้ว สามคนแม่ลูกจึงออกไปจากโรงเรียนอนุบาลท่ามกลางความขอบพระคุณของบรรดาคุณครูโรงเรียนอนุบาล แล้วกลับบ้าน
กลับถึงบ้าน เส้นหมี่ก็ไปห่อเกี๊ยว รินจังเห็นหม่ามี๊ห่ออันนี้ ก็วิ่งเตาะแตะเข้าไปช่วย พอคิวคิวเห็น จึงหลบไปโทรศัพท์หาชินจังในห้อง
“ฮัลโหล ชินจัง นายเป็นไงบ้าง?”
“ดีมากแล้ว นายล่ะ?”
ชินจังยังพูดไปอย่างสั้นๆกระชับ แต่รู้จักใส่ใจเขาเป็นบ้างแล้ว
คิวคิวตบหน้าอกเล็กๆนั้นทันที พูดอย่างภูมิใจ:“ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว ฉันบอกนายให้นะ วันนี้พอฉันกลับมา ก็จงใจไปหาเรื่องเพื่อนคนหนึ่ง ครูกับหม่ามี๊ไม่สงสัยเลย นายว่า ฉันฉลาดไหมล่ะ?”
“อือ”
ชินจังยอมรับอย่างไม่ลังเล แต่จากนั้น เขาก็คิดถึงเรื่องหนึ่งได้ ดังนั้นเลยพูดเสียงอุดอู้ออกไปว่า:“ฉันไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาลนั่นของฉันอีก”
คิวคิว:“อ๋า?นายไม่อยากไปเหรอ งั้นนายอยากไปที่ไหน?”
ชินจังไม่พูด……
แต่ว่า ในหัวสมองเล็กๆของเขา กลับปรากฏโรงเรียนอนุบาลของเขาที่เขาไป หลังจากครั้งที่แล้วที่ทั้งสองสลับตัวกันอย่างไม่ตั้งใจทันที
ครั้งนั้น ถึงแม้โรงเรียนอนุบาลแห่งนั้นไม่ใหญ่ ไม่สวยเท่าที่เขาเรียน แต่ว่า ให้ความรู้สึกที่ดีต่อเขามาก เพื่อนพวกนั้นไม่เกลียดเขา ครูก่อนโยนต่อเขา พูดกับเขาอย่างอดทนเสมอมา และยังมีน้องสาวรินจัง……
“อ่า ฉันรู้แล้ว นายอยากมาโรงเรียนอนุบาลของฉันใช่ไหม?งั้นก็ง่ายมาก พวกเราสลับตัวกันอีกก็ได้แล้ว ฉันไปเรียนที่โรงเรียนอนุบาลของนาย นายก็มาของฉันที่นี่ พอดีเลย รอฉันไปทำให้พวกเขาซูฮกได้ นายค่อยไป จะดีกว่า!”
คิวคิวเป็นเด็กฉลาดมากจริงๆ คิดได้ในทันที
ชินจังได้ยิน จู่ๆดวงตาสวยงามที่ดูเศร้าทั้งบ่ายคู่นั้น ก็เป็นประกายทันที
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ ฉันจะหาเวลาไปเอง แต่ว่า ถ้าฉันปลอมเป็นนายไปโรงเรียนอนุบาล ตอนเช้าหม่ามี๊ไปเรืองรองก็ไม่มีอะไรทำแล้ว ถึงตอนนั้นอาจจะไปทำงานที่บริษัทอาธิปก็ได้”