บทที่ 229 ชายชู้

เวลานี้จางเป่าเกินพุ่งเข้ามาประหนึ่งคนบ้า!

จางซิ่วเอ๋อวิ่งไปทางบ้านผีสิงโดยไม่ลังเล

แต่จางเป่าเกินว่องไวมาก ไม่รู้ว่าทำไม ตัวจางเป่าเกินดูไม่ได้ผอม แต่เวลาวิ่งกลับไวผิดปกติ

จางซิ่วเอ๋อไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นเพราะจางเป่าเกินทำเรื่องไม่ดีมามาก จึงถูกไล่ล่าอยู่บ่อย ๆ ถึงได้มีฝีมือแบบนี้ติดตัวมา

จางซิ่วเอ๋อวิ่งพลางเหลียวหลังไปมองจางเป่าเกิน แต่เพียงเพราะเหลียวมองทีเดียวเท่านั้น จึงไม่ทันมองทางที่เท้า ทำให้นางสะดุดและกำลังจะล้มลงไปบนพื้น

ขณะนั้นเอง จางเป่าเกินได้ไล่ตามขึ้นมาและยื่นมือมาหมายจะคว้าตัวจางซิ่วเอ๋อไว้

จางซิ่วเอ๋อหลับตาเตรียมใจรับแรงกระแทกครั้งนี้ แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงไออุ่นบนร่าง หลังจากนั้นก็มีคนพยุงนางให้ลุกขึ้น

ก่อนจะมีเสียงร้องโหยหวนของจางเป่าเกินดังตามมา “โอ๊ย เจ้าเป็นใคร ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”

จางซิ่วเอ๋อกระพริบตา ค่อย ๆ ได้สติกลับมา

ตอนนี้เนี่ยหย่วนเฉียวกอดนางไว้หลวม ๆ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเนี่ยหย่วนเฉียวบีบข้อมือของจางเป่าเกินไว้ จางเป่าเกินถึงได้ส่งเสียงร้องน่าสังเวชเช่นนี้

จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก โชคดีที่เนี่ยหย่วนเฉียวมาทันการณ์พอดี

ไม่อย่างนั้นหากโดนจางเป่าเกินจับได้ ให้นางปะทะกับจางเป่าเกินซึ่ง ๆ หน้าก็คงจะไม่ได้เปรียบนัก

“หนิงอัน” จางซิ่วเอ๋ออุทาน

เนี่ยหย่วนเฉียวพยักหน้าให้และปล่อยจางซิ่วเอ๋อ พร้อมหันไปตั้งใจจัดการกับจางเป่าเกิน

บัดนี้จางเป่าเกินได้เห็นโฉมหน้าของเนี่ยหย่วนเฉียวแล้ว สีหน้าของเขามืดครึ้มลงและร้องเสียงหลง “เจ้าเองหรอกหรือ!”

เนี่ยหย่วนเฉียวกวาดสายตามองจางเป่าเกิน “เป็นข้าแล้วจะทำไม?”

จางเป่าเกินโวยวายด้วยความโมโห “มิน่าล่ะวันนั้นที่ตลาดเจ้าถึงปกป้องจางซิ่วเอ๋อขนาดนั้น! ที่แท้เจ้าก็เป็นชายชู้ของจางซิ่วเอ๋อมานานแล้วนี่เอง! จางซิ่วเอ๋อ เจ้านี่เก่งใช่เล่นเลยนะ! ข้าได้ยินมาว่าเจ้าให้ท่าไปหลายคนเลยนี่ เจ้าเจอเรื่องยุ่งทีไรมีผู้ชายออกหน้าให้เจ้าทุกครั้ง เป็นที่นิยมมากกว่านางคณิกาในหอนางโลมอีก!”

สีหน้าของจางซิ่วเอ๋อพลันเขียวคล้ำ “จางเป่าเกิน เจ้าพูดจาให้มันดี ๆ นะ! ”

“ข้าด่าเจ้าแล้วจะทำไม? เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้แต่ไม่ให้ข้าพูดรึ?” จางเป่าเกินยิ่งคิดยิ่งโมโห!

เนี่ยหย่วนเฉียวออกแรงที่มือหนักขึ้น “ขอโทษซะ!”

ภาพคราวก่อนปรากฏขึ้นอีกครั้ง จางเป่าเกินตัวสั่นเล็กน้อยและเริ่มหวาดกลัว ถึงอย่างไรการปรากฏของเนี่ยหย่วนเฉียวในคราวก่อนได้ทิ้งบาดแผลให้เขาไว้อย่างมาก ข้อมือของเขาเกือบโดนเนี่ยหย่วนเฉียวบีบจนหักเลยทีเดียว!

แต่ไม่นานนักจางเป่าเกินก็ทำใจกล้าขึ้นมา

“พวกเจ้าโอหังให้ได้อะไรขึ้นมา? ข้าจะบอกให้นะ ถ้าครั้งนี้เจ้ากล้าลงมือทำร้ายข้า ข้าจะป่าวประกาศเรื่องโสมมของพวกเจ้าในหมู่บ้าน ให้คนรู้กันทั่ว! ดูซิว่าพวกเจ้าจะมีหน้าอยู่ต่อไปอย่างไร!” จางเป่าเกินโวยวาย

สีหน้าของเนี่ยหย่วนเฉียวเหี้ยมเกรียมขึ้นมา “งั้นหรือ?”

พูดมาถึงตรงนี้ เนี่ยหย่วนเฉียวก็เอ่ยเสียงเย็น “ถ้าอย่างนั้นข้าจะอัดเจ้าจนพูดอะไรไม่ออกเสียตั้งแต่ตอนนี้! หากเจ้าพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าค่อยเด็ดหัวเจ้าออก! ถึงตอนนั้นก็ไม่เสียหายอะไร!”

จางเป่าเกินโวยวาย “จางซิ่วเอ๋อ ชายชู้ของเจ้าเป็นอาชญากรชัด ๆ! เจ้าไม่กลัวว่าตัวเจ้าจะไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านต่อไปได้หรืออย่างไร?”

จางซิ่วเอ๋อคลึงขมับ มองจางเป่าเกินที่กำลังโหวกเหวกและกล่าวขึ้น “จางเป่าเกิน เจ้าอย่าลืมนะว่าตอนนี้เจ้าตกอยู่ในมือข้า ข้าขอเตือนว่าเจ้าควรวางกิริยาให้นอบน้อมเอาไว้จะดีกว่า ไม่อย่างนั้น…..”

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “หนิงอัน เจ้าหักมือเขาซะ! ข้าจะดูซิว่าเขาจะแต่งภรรยาได้อย่างไร!”

จางเป่าเกินอยากจะแต่งภรรยานักหนาไม่ใช่เหรอ? เช่นนั้นนางจะเล่นประเด็นที่จางเป่าเกินกลัวที่สุด!

เนี่ยหย่วนเฉียวแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วตอนได้ยินคำที่จางเป่าเกินด่าทอจางซิ่วเอ๋อ บัดนี้ได้ยินจางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้ ยิ่งไม่มีทางออมมือให้ เขาออกแรงที่มือ ส่งผลให้จางเป่าเกินส่งเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือดออกมาในบัดดล

“อ๊าก! เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ…..”

เนี่ยหย่วนเฉียวรู้ขอบเขตอยู่ ไม่ได้หักมือจางเป่าเกินแต่อย่างใด ทว่าก็ไม่ได้ปล่อยมือเช่นเดียวกัน

จางเป่าเกินตัวใหญ่ดูเหมือนจะโหด แต่ความจริงแล้วอ่อนแอมาก ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่เขายอมปอดแหก

“ปล่อยข้าไปเถอะ ปล่อยข้าไปเถอะ” จางเป่าเกินเริ่มร้องขอความเมตตา

เสียงของเนี่ยหย่วนเฉียวเย็นเยียบ “ปล่อยเจ้า? แล้วให้เจ้าออกไปพูดเหลวไหลรึ?”

“ข้าสาบานว่าข้าจะไม่พูดเหลวไหล ข้าสาบาน……” ตอนนี้จางเป่าเกินยอมพูดอะไรก็ได้แล้วเพื่ออิสรภาพของตัวเอง

จางซิ่วเอ๋อหรี่ตา “ท่าทางแข็งกร้าวของเจ้าเมื่อกี้หายไปไหนเสียแล้วล่ะ? เจ้าเป็นฝ่ายมาหาเรื่องเอง คิดว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เหรอ?”

จางเป่าเกินมองจางซิ่วเอ๋ออย่างเคียดแค้น ข่มโทสะของตัวเองและเอ่ยถาม “เจ้าจะเอาอย่างไร?”

จางซิ่วเอ๋อปัดฝุ่นดินบนตัว พูดเนิบ ๆ “ข้าไม่ได้จะเอาอย่างไร แค่เจ้ายอมรับมาว่าเจ้าเป็นหมาบ้าและยอมขอโทษข้า ก่อนจะกลิ้งออกไปจากที่นี่ ข้าถึงจะปล่อยเจ้าไป”

ตอนนี้ยังหักมือของจางเป่าเกินไม่ได้จริง ๆ

มิฉะนั้นด้วยนิสัยของแม่เฒ่าจางและแม่เถาแล้ว พวกนางต้องเอาเรื่องแน่ ๆ

ตัวนางเองไม่กลัวหรอก แต่นางต้องคำนึงถึงแม่โจวและจางซานหยาด้วย

แน่นอนว่าต่อให้จางซิ่วเอ๋อไม่หักมือของจางเป่าเกินในตอนนี้ นางก็ไม่คิดจะให้จางเป่าเกินเอาเปรียบหรอก

“จางซิ่วเอ๋อ เจ้าได้คืบแล้วจะเอาศอกรึ!” จางเป่าเกินรู้สึกว่าตัวเองถูกเหยียดหยาม

จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้ว “ข้ามีปัญญาได้คืบเอาศอกแล้ว! แน่จริงเจ้าก็สู้ให้ชนะเราสองคนสิ!”

เนี่ยหย่วนเฉียวเห็นสีหน้าได้ใจและโอหังของจางซิ่วเอ๋อแล้วกลับรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อในแบบนี้นั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มองอย่างไรก็ไม่เคยพอ

จางเป่าเกินรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก น่าขำ หากเขาสู้ไอ้โรคจิตอย่างหนิงอันได้ บัดนี้จะโดนถูกข่มเหงอยู่แบบนี้หรือ?

ไอเย็นแผ่ซ่านออกจากตัวเนี่ยหย่วนเฉียว “ข้าจะนับถึงสาม ถ้าเจ้าไม่ทำตามที่นางบอก เจ้าคงรู้ว่าจะพบจุดจบอย่างไร”

“หนึ่ง……”

“สอง…….”

นับมาถึงตรงนี้ เนี่ยหย่วนเฉียวก็เหลือบสายตามองจางเป่าเกินด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือก

จางเป่าเกินตัวสั่นทันที รีบเอ่ยขึ้น “ข้าผิดเอง”

“แล้วอะไรอีก?” จางซิ่วเอ๋อถามพร้อมยิ้มกว้าง

เห็นสภาพแบบนี้ของจางเป่าเกินแล้วนางอารมณ์ดีมากโขเลยล่ะ

จางเป่าเกินกัดฟันและกล่าวต่อ “ข้าเป็นหมาบ้า”

จางซิ่วเอ๋อมองจางเป่าเกิน “ข้ารู้ว่าให้เจ้ากลิ้งออกไปคงจะลำบากอยู่สักหน่อย ดังนั้นข้าจะเป็นคนเข้าอกเข้าใจคนอื่นและปล่อยให้เจ้าเดินออกไปอย่างปลอดภัยนะ…….”

จางเป่าเกินประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อครู่เขายังคิดอยู่เลยว่าจะหนีจากเรื่องนี้อย่างไร ตลกน่า หากให้เขากลิ้งออกไปจริง ๆ เช่นนั้นชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่อาจแสดงท่าทางอกผายไหล่ผึ่งต่อหน้าจางซิ่วเอ๋อได้อีก!

จางซิ่วเอ๋อเดินมาอยู่ตรงหน้าจางเป่าเกินและกระชากกระเป๋าผ้าที่คาดไว้ตรงเอวออก นี่คือกระเป๋าเงินที่ไว้ใส่เงิน

จางซิ่วเอ๋อยื่นมือเข้าไปคลำดู ในนี้มีก้อนแข็ง ๆ ก้อนหนึ่ง จับแล้วรู้ทันทีว่านี่คือตำลึงเงิน นางจึงเทออกมาดู

ตำลึงเงินก้อนนี้มีขนาดไม่ใหญ่ เทียบมูลค่าแล้วน่าจะประมาณ 200 เหรียญ

จางซิ่วเอ๋อมองจางเป่าเกินยิ้ม ๆ “คิดไม่ถึงเลยนะว่าเจ้าก็มีเงินใช้ได้!”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คนพาลแบบนี้มันต้องเจอคนโหดแบบจริง ๆ เข้าสักราย เจอของจริงทีไรหดทุกที

ไหหม่า(海馬)