ภาคที่ 2 บทที่ 201 อาหารเช้า

มู่หนานจือ

“บัดซบ!” หลี่เชียนสบถ พลางเด้งตัวขึ้นมาและจะออกไป “เหตุใดเขาถึงย้อนกลับมาเร็วขนาดนี้? เจ้าคนสารเลวจงเทียนอี้บอกว่าวิชาตัวเบาของเขาจัดอยู่ในสามอันดับแรกของยุทธภพไม่ใช่หรือ?” แล้วก็หันกลับมากำชับเจียงเซี่ยนว่า “เป่าหนิง เดี๋ยวข้ามาหาเจ้าอีกที! ข้ายังพูดเรื่องที่อยากบอกเจ้าไม่จบเลย!”

คนๆ นี้ไม่มีช่วงเวลาที่ทำตัวเรียบร้อยเลย!

เจียงเซี่ยนถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง และเอ่ยว่า “มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน พวกเจ้าไปๆ มาๆ แบบนี้ ยังจะให้คนนอนหรือไม่!”

“ได้ ได้ ได้” หลี่เชียนเชื่อฟังทุกอย่าง “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยมาคุยกับเจ้า” เขาเปิดหน้าต่างและกระโดดออกไป ไม่นานก็หายไปท่ามกลางทิวทัศน์ยามราตรี

เจียงลวี่พาคนวิ่งเข้ามาสองสามคน พอเห็นหน้าต่างของห้องด้านในที่เปิดอยู่ก็โกรธจนหน้าเขียว และถามเจียงเซี่ยนว่า “เจ้าคนสารเลวหลี่เชียนได้มาที่นี่หรือไม่?”

เจียงเซี่ยนหาวอย่างเกียจคร้านครั้งหนึ่ง และเอ่ยว่า “พวกท่านมีบุญคุณและความแค้นอะไรเป็นเรื่องของพวกท่าน อย่าทำให้ข้าเดือดร้อนไปด้วย ข้าจะไปนอนแล้ว มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน และท่านก็อย่ามาหาข้าอีก นี่ฟ้าจะสว่างแล้ว ท่านยังจะพักผ่อนหรือไม่? ท่านจะกลับเมืองหลวงพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ? แบบนี้ท่านจะไหวหรือ?”

เจียงลวี่โกรธจัด และเอ่ยว่า “แล้วนี่ข้าทำเพื่อใคร?”

เจียงเซี่ยนจำเป็นต้องประนีประนอม จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้ว่าท่านพี่ทำเพื่อข้า แต่วันนี้ทุกคนเหนื่อยมากแล้วจริงๆ ดังนั้นพักผ่อนเร็วหน่อยดีกว่า แล้วพรุ่งนี้มีบุญคุณก็ตอบแทนบุญคุณ มีความแค้นก็แก้แค้นดีหรือไม่?”

“ลูกสาวที่ออกเรือนแล้วจะคิดถึงสามี” เจียงลวี่ยังไม่หายแค้น และเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เจ้าก็ไม่อาจละเว้น”

เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างระมัดระวังเพื่อทำให้เขาหายโกรธ กว่าจะหลอกให้เจียงลวี่กลับไปได้ก็ไม่ง่ายเลย นางเหนื่อยมากจนหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว พอล้มตัวลงบนเตียงก็หลับทันที ความกังวลและความหวาดกลัวทั้งหมดต่างไม่รู้ไปไหนแล้ว นางไม่ได้พลิกตัวแม้แต่ครั้งเดียว ตื่นมาตอนเช้าแขนก็ชาไปหมดแล้ว ตอนที่เห็นชีกูที่มีดวงตาใสแจ๋ว นางก็ใช้เวลานานมากกว่าจะจำได้

ชีกูยังพาสาวใช้ที่อายุสิบเจ็ดสิบแปดมาด้วยสองคน คนหนึ่งคือเซียงเอ๋อร์ที่นางเคยเจอก่อนหน้านี้ ส่วนอีกคนชื่อจุ้ยเอ๋อร์ ชีกูพาทั้งสองคนมาคารวะนางด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเรียกนางว่า “ท่านหญิง” อย่างนอบน้อม แล้วเอ่ยว่า “จดหมายของนายท่านส่งไปถึงไท่หยวนตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว พวกข้าจึงติดรถมา ระหว่างทางล่าช้าไปเล็กน้อย จึงเพิ่งมาถึงวันนี้ หลายวันนี้ทำให้ท่านหญิงลำบากแล้ว” แล้วก็ชี้เซียงเอ๋อร์และเอ่ยว่า “สาวใช้คนนี้ท่านรู้จักมานานแล้ว นางพอจะถือได้ว่าเฉลียวฉลาด หลายวันนี้ก็ให้นางติดตามขันทีหลิวเพื่อเรียนรู้ว่าต้องดูแลรับใช้ท่านอย่างไร ท่านว่าดีหรือไม่?”

ถึงอย่างไรเจียงเซี่ยนก็เป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน คนรับใช้ข้างกายส่วนใหญ่ก็เป็นนางใน เรื่องส่วนตัวจึงยังไม่ค่อยชินที่จะเรียกใช้หลิวตงเยว่จริงๆ พอได้ยินก็อดที่จะโล่งอกไม่ได้ และคิดว่าแบบนี้หลิวตงเยว่ก็จะได้สบายหน่อยเช่นกัน จึงพยักหน้า และเรียกหลิวตงเยว่เข้ามามอบคนให้เขา

หลังจากนั้นชีกูก็ชี้จุ้ยเอ๋อร์ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นางหวีผมเก่ง แถมยังรู้หนังสืออยู่บ้าง หากท่านหญิงไม่มีอะไรทำ ยังสามารถให้นางช่วยอ่านนิยายและคัดคัมภีร์ให้ท่านได้ด้วย”

คนที่รับใช้ข้างกายเจียงเซี่ยนล้วนต้องตรวจสอบบรรพบุรุษทั้งสามรุ่นให้ชัดเจน นางจึงยังไม่ค่อยชินกับการให้คนแปลกหน้าติดตามรับใช้ข้างกาย

นางยิ้มและรับคนเอาไว้ แล้วเอ่ยว่า “เพียงเพราะข้างกายไม่มีคน จึงยืมมาช่วยชั่วคราวไม่กี่วันเท่านั้น เรื่องอ่านนิยายกับคัดคัมภีร์ก็ช่างเถอะ มีคนช่วยข้าหวีผมให้เรียบร้อย”

ทั้งสามคนต่างเม้มปากยิ้มอย่างเต็มไปด้วยความปรารถนาดี บรรยากาศอบอุ่นและดีมาก

ชีกูไปตักน้ำเข้ามา จุ้ยเอ๋อร์เกล้ามวยอย่างง่ายๆ ให้นางตามคำสั่งของนาง

เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าศีรษะเบาลงไปสองสามจิน

เซียงเอ๋อร์เอากล่องเครื่องประดับเข้ามาให้เจียงเซี่ยนเลือกเครื่องประดับที่จะใส่

ในนั้นมีปิ่นปักผมมรกตลายหม่านฉือเจียว[1] ปิ่นปักผมทองคำบริสุทธิ์ประดับหยก ปิ่นปักผมรูปหงส์ฝังทับทิม ปิ่นปักผมไข่มุกเหอผู่ขนาดเท่าเม็ดบัว หวีเสียบผมที่ประดับอัญมณีนานาชนิด ดอกไม้ผ้าไหมประดิษฐ์ที่ทำด้วยการใช้ผ้าไหมผืนบางพับและเย็บเป็นดอก ดอกไม้ใหญ่ที่เลี่ยมประดับด้วยขนนกกระเต็นสีฟ้า…มีทั้งเครื่องประดับเงินทองที่ล้ำค่ามากและดอกไม้ผ้าไหมผืนบาง ผ้ากำมะหยี่ และผ้าแพรที่ประณีตเป็นพิเศษ

“นี่มาจากที่ใด?” เจียงเซี่ยนยิ้ม และอดที่จะหยิบดอกโบตั๋นสีชมพูออกมาจากในนั้นไม่ได้

ดอกไม้นั้นขนาดเท่าจอกเหล้า สีชมพูอ่อนสดใสสวยงาม แม้แต่ความเข้มและอ่อนของกลีบดอกไม้ก็ย้อมได้มีชีวิตชีวาและเหมือนจริงมาก มองไปแวบแรกก็เห็นได้ชัดว่าเป็นดอกโบตั๋นสีชมพูที่เพิ่งจะบาน

“ฝีมือดีจริงๆ!” นางเอ่ยชม

ของในวังยิ่งทำก็ยิ่งเป็นแบบแผน นับวันจึงยิ่งไม่น่าสนใจเช่นกัน

ของที่มีพลังมหัศจรรย์แบบนี้ ในวังทำไม่ได้

“มาจากเจียงหนานหรือ?” นางเดา

“ท่านหญิงสายตาแหลมคมดีจริงๆ” ชีกูเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นของของตระกูลหลี่ดอกไม้ผ้าไหมประดิษฐ์เฉียนถังเจ้าค่ะ ที่ไท่หยวนก็มีสาขาเช่นกัน เพียงแต่มีแบบไม่มากนัก มีแต่โบตั๋นดอกนี้ที่ยังถือว่าประณีตและงดงาม ข้าจึงเลือกดอกนี้มา…”

เจียงเซี่ยนนึกถึงฝีมืออันคล่องแคล่วว่องไวตอนที่นางกระโดดเข้าไปในตรอกใต้เท้าเจิ้ง แล้วก็อดที่จะยิ้มและเอ่ยไม่ได้ว่า “คิดไม่ถึงว่าชีกูยังเลือกดอกไม้ผ้าไหมประดิษฐ์เป็นด้วย!”

ชีกูยิ้มและเอ่ยเหมือนกำลังสื่อถึงอะไรบางอย่างว่า “อยู่ตำแหน่งไหนก็ต้องวางแผนงานของตำแหน่งนั้น นี่ข้าก็กำลังค่อยๆ เรียนรู้เช่นกัน หากมีตรงไหนเสียมารยาทไป ก็ขอให้ท่านหญิงโปรดให้คำแนะนำด้วยเจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้เจ้าถามผิดคนแล้ว” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม และวางดอกไม้ผ้าไหมประดิษฐ์ลงในกล่องเครื่องประดับ แล้วหยิบปิ่นปักผมไข่มุกเหอผู่ขนาดเท่าเม็ดบัวออกมาลองใส่ “ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เหมือนกัน เดิมทีนางในสองคนที่อยู่ข้างกายเป็นคนจัดหาให้”

“ต่อไปหากได้เจอ ข้าจะต้องขอคำแนะนำจากพี่สาวทั้งสองอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” ชีกูยิ้มพลางเอ่ยอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

ทั้งสองคนคุยกันไม่หยุด

เจียงเซี่ยนหยิบเครื่องประดับที่ตนเองสนใจออกมาลองใส่และวางทั้งหมดกลับลงไปในกล่อง สุดท้ายก็สวมเสื้อผ้าและเครื่องประดับอย่างเรียบๆ แล้วลุกขึ้นยืน จะไปรับประทานอาหารเช้า

ชีกูยิ้มและไปที่โถงบุปผาข้างๆ เป็นเพื่อนเจียงเซี่ยน โดยไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว

ผักดอง ของว่าง และบะหมี่โจ๊กทุกแบบวางอยู่เต็มโต๊ะ

เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “นี่ก็เยอะเกินไปแล้วเช่นกัน!” นางเก็บทุกอย่างไว้เพียงคำเดียว แล้วนอกนั้นก็ให้เป็นรางวัลแก่คนอื่นหมด

เซียงเอ๋อร์เพิ่งมา ยังไม่กล้าเข้าไป จึงเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างกายหลิวตงเยว่ ช่วยยื่นผ้าเช็ดหน้าและจัดการตะเกียบที่ใช้คีบอาหารให้แขก และติดตามหลิวตงเยว่เพื่อเรียนรู้ว่าต้องดูแลให้เจียงเซี่ยนรับประทานอาหารอย่างไร

เจียงลวี่บุกเข้ามา

บางทีอาจจะเป็นเพราะยังไม่สร่างเมา หรืออาจจะเป็นเพราะอารมณ์ เขาจึงแลดูสีหน้าไม่ค่อยดีนัก มองอาหารเช้าบนโต๊ะครั้งหนึ่ง ก็เอ่ยอย่างเซื่องซึมว่า “ตอนเช้ากินอันนี้หรือ? มีราดหน้าหรือไม่? เอามาให้ข้าชามหนึ่ง!”

ตอนเช้าใครเขากินราดหน้ากัน?

เลี่ยน

มีคนของหลี่เชียนอยู่ข้างกายเจียงเซี่ยน เจียงเซี่ยนก็ยังต้องไว้หน้าเจียงลวี่ นางจึงสั่งให้เซียงเอ๋อร์ไปบอกให้คนที่ทำอาหารที่ห้องครัวทำราดหน้ามาชามหนึ่งอย่างอารมณ์ดี

สายตาของเจียงลวี่ฉายแววพอใจ แล้วยกชาที่หลิวตงเยว่ถือมาดื่มอึกหนึ่ง และเอ่ยว่า “ทำไม? หลี่เชียนไม่ได้มาหรือ?”

เจียงเซี่ยนรู้สึกกลุ้มใจ จึงเอ่ยว่า “เขาไม่ได้มา ท่านมาหาเขาหรือ? เขาน่าจะอยู่ในเรือนข้างๆ กระมัง? ท่านสามารถไปหาเขาที่นั่นได้!”

“ข้าจะไปหาเขาทำไม?” เจียงลวี่เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย “ข้ากลัวว่าเขาจะมาบ่นอะไรกับเจ้าที่นี่ต่างหาก” เจียงลวี่พูดไปก็ปิดปากและหาวใหญ่มาก

เจียงเซี่ยนเห็นเขาใต้ตาคล้ำ จึงเอ่ยอย่างสงสารว่า “ท่านพี่อาลวี่ รับประทานอาหารเช้าแล้วก็กลับไปนอนที่ห้องอีกสักครู่เถอะ? พวกเราออกเดินทางพรุ่งนี้ก็เสียเวลาไปไม่เท่าไรเช่นกัน!”

เจียงลวี่ส่ายหน้า และเอ่ยว่า “กลับเมืองหลวงเร็วหน่อยดีกว่า”

กองทัพของหลี่เชียนพร้อมไปด้วยความสามารถในการสู้รบ เขาไม่ค่อยวางใจที่จะอยู่ที่นี่

เรื่องนี้เจียงเซี่ยนค่อนข้างอย่างไรก็ได้ นางคิดว่าในเมื่อเจียงลวี่คิดว่าไม่เป็นไร ก็ต้องทนได้อย่างแน่นอน จึงไม่พูดอะไรอีก และก้มหน้ากินโจ๊ก

ไม่นาน ราดหน้าของเจียงลวี่ก็วางลงบนโต๊ะ

เขาถามก่อนกินว่า “หลี่เชียนหายหัวไปไหน รู้หรือไม่?”

เมื่อคืนพวกเขานั้นคนหนึ่งนอนห้องข้างตะวันออก ส่วนอีกคนนอนห้องข้างตะวันตก

เจียงลวี่ตื่นแต่เช้าก็ไม่เห็นหลี่เชียน และหารอบๆ แล้วก็ไม่เจอตัวเช่นกัน

————————————

[1] หม่านฉือเจียว ลายทิวทัศน์ดอกไม้และนกในสระน้ำ