ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 106 จะตีเหล็ก ไม้ตีก็ต้องแข็งด้วย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลังจากที่สองพ่อลูกหัวเราะกันเสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็เก็บรอยยิ้มลง “ตอนนั้นที่ตระกูลของพวกเราย้ายมายังนภาพิภพ…”

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเล่าเรื่องที่ตนประมือกับเหยียนซวี่ไปทั้งหมดแล้ว สีหน้าท่าทางของเยี่ยนตี๋ก็อึมครึมขึ้นมา ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงไออาฆาตที่รุนแรงจากดวงตาของเขาอย่างชัดเจน

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน เยี่ยนตี๋ก็กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เรื่องนี้ยังไม่นับว่าปิดฉาก”

เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ คำพูดต่อจากนี้ เขาใช้ปราณส่งกระแสเสียงไปแทน ‘โอสถวิเศษที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บของท่านอาจารย์ปู่ที่คราวก่อนท่านเคยพูดถึง ข้ามีเบาะแสแล้วขอรับ’

เยี่ยนตี๋ยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม ทว่าสายตาจดจ่อ ‘สถานการณ์เป็นอย่างไร’

‘อักษรของหนังสือม้วนเล่มนั้นที่ใช้จัดบันทึกเบาะแสของโอสถนั้นช่างเก่าแก่พบได้น้อยยิ่งนัก จะแกะความหมายออกมานับมีความยากอย่างยิ่ง’ เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวตอบว่า ‘แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ถูกแกะความหมายออกมาแล้ว ซึ่งวัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมด ข้าได้สั่งให้คนไปรวบรวมมาแล้วขอรับ’

‘ขอเพียงแค่รู้หลักพื้นฐานเบื้องต้น เนื้อหาการปรุงโอสถอื่นๆ หลังจากนั้นก็จะแกะความหมายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น’

เยี่ยนตี๋กล่าวว่า ‘นอกจากวรยุทธ์แล้ว เจ้าฝักใฝ่เรียนรู้สิ่งอื่นๆ มาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้มหน้าก้มตาศึกษาอักษรโบราณก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เจ้ามีพรสวรรค์ในด้านนี้ยิ่งนัก และในเวลานี้ก็ได้ใช้มันอีกด้วย’

‘ตั้งใจหน่อยล่ะ หากท่านอาจารย์หายขาดจากอาการบาดเจ็บเดิมได้ ความหวังที่จะสำเร็จในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ก็จะมีมากขึ้น’

ฝ่ายบิดาพูดพลางมองไปไกล “ตอนนี้ยิ่งลมพัดแรงเท่าไร คลื่นก็จะยิ่งสูงเท่านั้น”

การเปิดสงครามใหญ่ที่แผ่นดินของถังตะวันออกนี้ เป็นทั้งจุดเริ่มต้นอีกทั้งยังเป็นจุดสิ้นสุดเช่นกัน

จุดเริ่มต้นก็คือตั้งแต่สงครามครั้งนี้เป็นต้นไป จะเป็นการจุดชนวนการเปิดศึกขนาดใหญ่ระหว่างนภาพิภพกับอัคคีพิภพ ซึ่งจะส่งผลไปในอาณาบริเวณกว้าง

เมื่อการปะทะกันของสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อย่างเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยกระดับขึ้น ก็จะไม่จบอยู่แค่สถานการณ์การต่อสู้ก่อนหน้านี้

นอกจากอาณาจักรถังตะวันออกแล้ว ยังมีเกาะนภาตะวันออก แม้กระทั่งมีเกาะนภาใต้และเกาะนภาตะวันตกอีกด้วย

ในเขตที่เป็นการปกครองของทั้งสองฝ่ายก็จะมีการปะทะกันแบบเต็มรูปแบบที่รุนแรง แม้แต่วายุพิภพที่อยู่นอกเขตของอัคคีพิภพและนภาพิภพก็ได้รับผลกระทบด้วย

และที่ว่าสิ้นสุด ก็คือหลังจากการสู้กันครั้งนี้ที่ถังตะวันออก เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสงครามเกือบทั้งหมดก็จะแน่นอนแล้ว

ท้ายที่สุดมาตรสุริยันวัดสวรรค์ก็จะกลับไปอยู่ที่เขาเรืองรองแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ อาศัยเขตอาคมป้องกัน ใช้ความได้เปรียบทางพื้นที่ของอัคคีพิภพสกัดกั้นการโจมตีไล่ล่าของเขากว่างเฉิงและเมืองทะเลมรกตไว้

ส่วนสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็อดทนอย่างหนัก ไม่รบกวนหวงกวงเลี่ย จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือน ผู้อาวุโสสูงสุดที่กำลังเข้าฌาน

ทว่าในสนามรบโจมตีไล่ล่านั้น เพื่อที่จะหลีกหนีให้พ้นภัย มาตรสุริยันวัดสวรรค์จึงสูญเสียพลังไปมาก

เมื่อการต่อสู้ระดับสูงตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ ก็จะทำให้พลังการป้องกันในด้านอื่นๆ ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถดถอยไปไม่น้อยเช่นกัน

ซึ่งพลังการต่อสู้ในระดับกลางและระดับสูงของทั้งสองฝ่ายก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

กลุ่มกองกำลังของเขากว่างเฉิงจึงชนะอย่างราบคาบ

การปะทะกันครั้งใหญ่ในคราวนี้ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน เก็บเขี้ยวและกรงเล็บกลับเท่านั้น

บนยอดเขาเรืองรอง ยอดฝีมือระดับสูงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นั่งหันหน้าเข้าหากัน

พานป๋อไท่มองไปยังจรัสแสง “ท่านผู้นำเป็นอย่างไรบ้าง”

จรัสแสงกล่าวตอบว่า “มาตรสุริยันวัดสวรรค์สูญเสียพลังไปมาก ท่านผู้นำเองก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าไม่ถึงกับสาหัสมาก”

พานป๋อไท่เริ่มมีสีหน้าซีดเขียว “เขากว่างเฉิง…เมืองทะเลมรกต…แค้นวันนี้จะต้องชำระคืนเป็นสิบเท่าให้จงได้!”

“แม้ว่าครั้งนี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของเราจะถูกวางแผนทำร้าย เสียเปรียบอย่างยิ่งยวด แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บจนกระทบถึงแก่นแท้ของเรา” ทะยานบูรพากล่าว “ขอเพียงแค่ท่านเจ้าสำนักออกฌานมา พวกเราก็จะไปคิดบัญชีกับเขากว่างเฉิงและเมืองทะเลมรกตทันที!”

จรัสแสงส่ายศีรษะอย่างช้าๆ “ถ้าหากต้องการชิงสิ่งที่เสียไปในคราวนี้คืนกลับมา นั่นง่ายดายยิ่งนัก แต่ถ้าหากจะคิดบัญชีกับเขากว่างเฉิง บัดนี้ยังไม่ควรจะประมาท”

“คิดว่าครั้งนี้หยวนเจิ้งเฟิงคงจะเข้าฌานเพื่อบรรลุระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่เขามีอาการบาดเจ็บเดิมอยู่ ฉะนั้นจึงมีความหวังไม่มาก ถ้าเขาล้มเหลวก็แล้วไป แต่ถ้าเขาทำสำเร็จขึ้นมา กำลังของเขากว่างเฉิงจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ครั้งนี้พวกเราคาดการณ์ผิดไป คงจะหยุดยั้งได้ยากมากแล้ว”

แสงรัตติกาลกล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องทำให้แน่ใจเสียก่อนว่าการทดสอบแห่งจันทราที่จะถึงนี้ จะต้องนำมงกุฎจันทรากลับมาให้ได้!”

“เมื่อมีมงกุฎจันทราแล้ว ก็จะแก้ไขสถานการณ์ของเราในตอนนี้ได้ทันที เมื่อหยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌานพวกเราก็จะมีโอกาสอีกครั้ง”

จรัสแสงผงกศีรษะ สีหน้าเคร่งครึมจริงจังเล็กน้อย “สิ่งที่ข้าเป็นกังวลในตอนนี้ก็คือ อีกฝ่ายจะอาศัยโอกาสที่พวกเขามีอำนาจในตอนนี้ กันท่าลูกศิษย์สำนักของเราออกจากการทดสอบแห่งจันทราน่ะสิ”

ตงเซิงจวินเลิกคิ้ว “พวกเขามีสิทธิ์อะไร”

สายตาของจรัสแสงก็ทอดมองมา “หากพวกเขาเกลี้ยกล่อมเขาไร้พรมแดนและหอคลื่นโหมได้ ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า”

ทะยานบูรพาสูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง “ท่านเจ้าสำนักเข้าฌาน เป็นเหตุให้พวกเขาเข้ามากดดันได้”

พานป๋อไท่กล่าวว่า “ติดต่อกับเขาไร้พรมแดนและหอคลื่นโหมสักหน่อยเถิด หากจำเป็นก็ยอมปล่อยบางสิ่งบางอย่างไป เพื่อรักษาโอกาสชิงมงกุฎจันทราเอาไว้!”

ระหว่างทางกลับเขาไร้พรมแดนในแผ่นดินภูผาพิภพ

จ้าวฮ่าวหันกลับไปมองที่ๆ ไกลออกไป ซึ่งมองไม่เห็นแผ่นดินของถังตะวันออกแล้ว แววตาของเขาเผยความเยือกเย็นออกมาเล็กน้อย แต่ก็เงียบงันไม่พูดอะไร ขณะนี้ความหยิ่งทะนงบนใบหน้าของเขาลดน้อยลงไปบ้างแล้ว ทว่านั่นกลับไม่ใช่เพราะมหาปรมาจารย์เขาไร้พรมแดนที่ยืนอยู่ข้างๆ

แต่เป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในถังตะวันออกครั้งนี้ ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเยี่ยนจ้าวเกอ

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา แต่การมองและการตัดสินของเขาแม่นยำมากทีเดียว

ภายในหุบเหวปราการมังกร เยี่ยนจ้าวเกอทำให้จ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักรถังตะวันออกฟื้นคืนสติขึ้นมาในเวลาอันสั้น อีกทั้งประสิทธิผลล้วนทำให้เขาต้องรู้สึกตื่นตะลึง

หากครั้งเดียวยังอาจจะนับได้ว่าเป็นความบังเอิญ ทว่าเกิดติดต่อกันสองครั้ง จ้าวฮ่าวก็จำเป็นต้องมองปัญหานั้นอย่างจริงจังแล้ว

เขาเริ่มให้ความสำคัญกับเยี่ยนจ้าวเกอ กระนั้นก็ไม่เคยคิดจะหลบเลี่ยง

ในทางกลับกัน จ้าวฮ่าวเริ่มเกิดความคิดที่จะสังหารเยี่ยนจ้าวเกอ ที่คอยขัดขวางสิ่งที่เขาทำติดต่อกันอย่างจริงจัง

เขาไม่สามารถอยู่ที่ถังตะวันออกต่อได้อีก จึงต้องกลับไปเขาไร้พรมแดนกับคนของเขาไร้พรมแดน ซึ่งเขาไม่เป็นอิสระเหมือนเดิม นี่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ

และทั้งหมดนี้มีต้นเหตุเกี่ยวข้องกับเยี่ยนจ้าวเกอทั้งหมด

เขากว่างเฉิงที่อยู่เบื้องหลังเยี่ยนจ้าวเกอ เดิมทีจ้าวฮ่าวก็เห็นเป็นศัตรูอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้ยิ่งเกลียดจนไม่อาจจะเกลียดได้อีก

“เวลา ข้าต้องการเวลา ขอเพียงเวลาสักหน่อยให้ข้าบ้างก็พอ!”

“เยี่ยนจ้าวเกอ เขากว่างเฉิง…พวกเราเพิ่งจะเริ่มต้นกันเท่านั้น” จ้าวฮ่าวเก็บสายตากลับคืนมา แล้วมองไปยังอีกฟากหนึ่ง

เขาไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าเป็นศิษย์สำนักเขาไร้พรมแดน ทว่าในเมื่อเหตุการณ์บีบคั้น เช่นนั้นเขาต้องกอบโกยสิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดและรับตำแหน่งที่สูงยิ่งกว่า

จ้าวฮ่าวไม่มีจิตใจที่จะทำเหมือนเช่นศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักใหม่ ที่เลื่อนระดับอย่างช้าๆ และถูกผู้อื่นเรียกใช้

อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสเฮ่อ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งเขาไร้พรมแดนที่เดิมทีอยู่ในถังตะวันออก ขณะนี้เขากำลังตามหลังชายวัยกลางคนคนหนึ่ง

“เจอแบบนี้เข้าไป สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถอยู่ในถังตะวันออกได้อีกต่อไปเป็นแน่ แต่ในเมื่อเขากว่างเฉิงเป็นปรปักษ์กับสำนักศักดิ์สุริยันแล้ว ก็คงไม่สร้างความลำบากให้กับสำนักของเราแล้ว” ชายวัยกลางคนกล่าว “แต่เจ้าต้องอยู่ที่ถังตะวันออกต่อ ช่วงนี้ก็ระวังตัวหน่อยล่ะ”

เขามองไปที่ผู้อาวุโสเฮ่อ “แค่รักษาผลผลิตและกำลังอำนาจที่สำนักเราเดิมมีอยู่แล้วก็พอ”

ผู้อาวุโสเฮ่อผงกศีรษะ “ข้าเข้าใจ ท่านผู้อาวุโสระดับหนึ่งโปรดวางใจ”

ชายวัยกลางคนผู้นั้นหันศีรษะกลับไปมองทางถังตะวันออกอีกครั้ง “หากหวงกวงเลี่ยออกจากฌานแล้ว สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนเช่นนี้ แค่บุกไปบดขยี้โดยตรงก็ใช้ได้แล้ว”

“สุดท้ายแล้วจะตีเหล็กได้ ไม้ตีก็ต้องแข็งด้วย สำนักของเราก็จำเป็นต้องพัฒนาให้เร็วที่สุดเช่นกัน”

จู่ๆ จ้าวฮ่าวก็พูดขึ้นว่า “ทั้งสองท่าน หากกล่าวถึงการพัฒนาขึ้นอีกขั้นของเขาไร้พรมแดนแล้วนั้น อาจจะอยู่เบื้องหน้าแล้วก็ได้ขอรับ”

“หืม?” ชายวัยกลางคนกับผู้อาวุโสเฮ่อหันศีรษะกลับไปมองเขาพร้อมกัน

จ้าวฮ่าวชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วกล่าวอย่างสบายอกสบายใจว่า “เขานิมิตเมฆ”

ภายในดวงตาของชายวัยกลางคนกับผู้อาวุโสเฮ่อส่องประกายออกมาพร้อมกัน

ปฐพีพิภพในอดีต อเวจีในปัจจุบัน

ท่ามกลางความมืดมิด มีแสงสว่างวูบวาบ ไม่เห็นเงาของผู้ใด ได้ยินเพียงเสียงคนเท่านั้น

“หานเซิ่งตกอยู่ในกำมือของเขากว่างเฉิงแล้ว”

“ความสำเร็จไม่มี แต่ความล้มเหลวมีล้นฟ้า”

“อย่างไรเสียสิ่งที่หานเซิ่งรับรู้ก็มีจำกัด ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม มีเพียงเบาะแสที่ใช้ตามหาร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งเท่านั้น ที่ตกไปอยู่ในมือของเขากว่างเฉิง”

“ไม่เป็นไร ยังมีวิธีอื่นๆ ที่คาดคิดได้อีก ก่อนอื่นเตรียมเรื่องต่างๆ ให้พร้อม แล้วรอโอกาสก็พอ ”

“ดี!”

……….