ตอนที่ 211 เสี่ยงต่อการถูกเล่นงาน (4)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

จิ้งหนานกั๋วฮูหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูรองเป็นผู้ที่กตัญญูนัก มิน่าล่ะฮูหยินผู้เฒ่าถึงรักใคร่และเอ็นดูนางเยี่ยงนี้”

ทุกคนต่างก็คล้อยตามกันไป ซูอวี้เหอได้ข่าวจากจดหมายทางจวนเกี่ยวกับเรื่องของเหยาเยี่ยนอวี่ตอนอยู่ในเมืองหลวง ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยพูด “มารดาของข้าเอ่ยถึงน้องรองในจดหมายอยู่หลายครั้ง บอกว่าน้องรองเป็นคนที่อ่อนโยนจิตใจงาม และยังสง่าผ่าเผย อีกทั้งยังเห็นแก่ความเป็นส่วนรวม เป็นแม่นางดีเด่นหายากยิ่ง”

หวางซื่อรีบคลี่ยิ้ม “นี่เป็นเพียงคำพูดที่เกรงอกเกรงใจของฮูหยินท่านโหวเท่านั้น ครึ่งปีที่นางอาศัยอยู่ที่นั่นก็ได้เป็นภาระให้จวนโหวมากพอแล้ว”

ซูอวี้เหอพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านป้าเกรงใจเกินไปแล้ว น้องสาวถึงจวนติ้งโหวไม่ใช่เหมือนอยู่จวนของตนเองหรอกหรือ อีกอย่างครั้งนี้น้องสาวไปเยือน ยังช่วยชีวิตพี่สะใภ้ทั้งสองคนของข้าไว้ พี่สะใภ้สามยังตั้งครรภ์ พูดถึงแล้วนี่ก็ต้องยกความดีความชอบให้น้องรอง ท่านแม่ยังบอกว่าหากข้าเจอน้องสาวก็ให้ขอบคุณนางดีๆ”

ทุกคนได้ยินคำพูดนี้จึงเอ่ยถามเรื่องทักษะการแพทย์ของเหยาเยี่ยนอวี่อีกครั้ง

เหยาเยี่ยนอวี่แค่อมยิ้มแล้วไม่พูดจา ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าคลี่ยิ้ม “ตั้งแต่เด็กนางก็มีนิสัยประหลาด แค่โปรดปรานที่จะอุดอู้อ่านตำราในเรือน จึงอ่านตำราพวกนั้นที่ท่านปู่ของนางสะสมตั้งแต่ตอนยังหนุ่มยังแน่นจนจบไปหนึ่งรอบ บังเอิญเด็กคนนี้มีความเฉลียวฉลาดในด้านนี้จึงฝึกความรู้จากในตำรามาได้บ้าง ครั้งนี้เรื่องที่รักษาอาการป่วยของพี่สาว ก็เป็นการลองผิดลองถูกล้วนๆ นางจะไปเข้าใจทักษะอะไรกันเล่า โชคดีที่มีบุญบารมีขององค์หญิงตั่งจั่งแห่งจวนติ้งโหวและราชวงศ์คอยคุ้มครองจึงได้เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี”

หลี่ฮูหยินแห่งจวนจือจ้าวก็คลี่ยิ้ม “นี่ก็เป็นความโชคดีของฮูหยินผู้เฒ่าเช่นกัน! มีหลานสาวเยี่ยงนี้อยู่ข้างกาย วันข้างหน้าหากป่วยไข้ขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป! ฮูหยินผู้เฒ่ามีอายุยืนนานถึงร้อยปี เหล่าลูกหลานต่างก็ได้การได้งานกันทุกคน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอัครเสนาบดีหรือโหวคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป! พวกเราที่เป็นญาติและมิตรสหายคงต้องพึ่งบารมีของพวกท่านแล้ว”

ทุกคนได้ยินคำพูดนี้ต่างก็ส่งยิ้มแสดงความเห็นด้วย ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินก็ยิ่งภาคภูมิใจและปลื้มปริ่ม จึงจับมือเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ไม่ปล่อยอย่างอาลัยอาวรณ์

ทางฝั่งเหยาเชวี่ยหวาถูกเมินเฉยตลอดมา ภายในใจรู้สึกหม่นหมองเล็กน้อย จึงแอบเลี่ยงออกมาแล้วมองชุ่ยเวยพลางเอ่ยถาม “เมื่อวานพี่รองไปวัดผู่จี้หรือ”

ชุ่ยเวยพยักหน้าด้วยรอยยิ้มจาง “เรียนคุณหนูสาม เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

เหยาเชวี่ยหวากะพริบตากลมโตแล้วเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ “เช่นนั้นพวกเจ้าได้เจออี๋เหนียงของข้าหรือไม่”

ชุ่ยเวยพยักหน้าอีกครั้ง กลับไม่กล้ามากความ แค่พูดขึ้น “เจอเจ้าค่ะ”

“อี๋เหนียงอยู่ทางโน้นเป็นเช่นไรบ้าง”

“คุณหนูสามวางใจเถอะเจ้าค่ะ มีพี่ว่างคอยดูแลอยู่ทางโน้น สะใภ้อี๋ราบรื่นทุกอย่างเจ้าค่ะ” แน่นอนว่าชุ่ยเวยต้องไม่บอกเรื่องที่เถียนซื่อกินผงปาโต้วเพื่อให้เหยาเหยียนอี้พานางกลับเมืองจนเกือบจะเสียชีวิตให้เหยาเชวี่ยหวาฟัง กลับให้นางอยู่ที่โน้นเพิ่มอีกหนึ่งเดือน

เหยาเชวี่ยหวาเม้มปาก ยังอยากจะพูดอะไรต่อ โมโม่คนหนึ่งที่อยู่ข้างกายนางก็ตามมาแล้วเอ่ยเตือน “คุณหนูสามเจ้าคะ ฮูหยินตามหาท่านเจ้าค่ะ”

“รู้แล้ว” เหยาเชวี่ยหวายิ้มน้อยๆ ตอบกลับเพียงคำเดียวแล้วมองชุ่ยเวยอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังเดินไปทางฝั่งซ่งฮูหยินผู้เฒ่า

เหตุเพราะแขกเหรื่อต่างมากันครบแล้ว ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าจึงสั่งให้เริ่มงานเลี้ยงได้

งานเลี้ยงวันนี้ยังถือว่าครึกครื้น เจียงซื่อสั่งให้คนเชิญเหล่านักแสดงร้องรำมาจากข้างนอกสามกลุ่ม เป็นพวกที่มักจะไปแสดงละครเพลงในชุ่ยยินเกอ

ชุ่ยยินเกอเป็นสถานที่ชมการแสดงที่เหยาหย่วนจือสร้างขึ้นเพื่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าสะดวกต่อการไปชมการแสดง

ทิศเหนือใต้ออกตกของชุ่ยยินเกอต่างล้อมรอบไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง ทิศใต้เป็นเวทีที่กว้างสามจั่ง เหล่าแขกเหรื่ออยู่ในเรือนหลักดื่มสุราพลางชมการแสดงไปด้วยได้ เรือนทิศตะวันออกและตกหากมีแขกมากก็ยังตั้งโต๊ะอาหารเพิ่มได้ อีกทั้งตรงกลางยังมีสวนใหญ่พอจะรองรับแขกอีกร้อยสองร้อยคน ข้างในตกแต่งได้อย่างครบครันอลังการ ไม่ว่าจะเป็นเรือนแต่งตัวหรือเรือนอื่นๆ ล้วนครบถ้วน

ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าพาคนกลุ่มหนึ่งออกจากเรือนหนิงรุ่ย พอถึงหลังสวนพฤกษาตรงชุ่ยยินเกอก็พาจิ้งหนานกั๋วฮูหยินและเหล่าฮูหยินที่เป็นญาติๆ ขึ้นไปยังเรือนหลัก หวางฮูหยินก็ติดตามไปด้วย หนิงซื่อพาเหล่าสาวใช้คอยติดตามไปปรนนิบัติรับใช้ที่เรือนหลัก ส่วนเจียงซื่อ เหยาเยี่ยนอวี่ และน้องสาวต่างก็พาเหล่าสะใภ้และเหล่าหญิงสาวจากตระกูลต่างๆ ขึ้นไปที่เรือนทิศตะวันตก เหล่าแม่บ้านและสาวใช้ที่มีความสามารถของเจียงซื่อต่างก็ติดตามไปรับใช้และดูแล ทางฝั่งเหยาหย่วนจือก็พาเหล่าบุตรชายและหลานชายจากตระกูลญาติๆ ขึ้นไปยังเรือนทิศตะวันออก

บ่าวรับใช้ทยอยยกอาหารน่ารับประทานแต่ละจานมาตั้งอยู่บนโต๊ะ ในสายตาล้วนเป็นของที่งดงามล้ำค่า เหล่าสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ยกเหยือกสุรารินเหล้าให้กับบรรดาแขกเหรื่อ

หนิงซื่อพาสาวใช้ยกถาดไม้แกะสลักด้วยลวดลายดอกไห่ถางเข้ามาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “รายการการแสดงมาแล้วเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินผู้เฒ่าเลือกว่าอยากชมละครเพลงอะไรก่อนได้เลยเจ้าค่ะ”

ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าเอารายการการแสดงมาพลิกดูแล้วเลือกหนึ่งฉากของละครเพลง ‘หม่านฉวงฮู่[1]’ และ ‘ต่าจินจื่อ[2]’ หนิงซื่อสั่งให้สาวใช้ไปส่งสาร จากนั้นก็ยกเหยือกชามารินน้ำชาให้กับฮูหยินผู้เฒ่าด้วยตัวเอง

ทันใดนั้นบนเวทีละคร นักดนตรีต่างเป่าและตีเครื่องดนตรีขึ้น ละครเพลงเริ่มขึ้น ทุกคนต่างก็พูดคุยเล่น ขณะเดียวกันก็จิบสุราและแทะเมล็ดทานตะวันไปพลางวิพากษ์วิจารณ์เหล่านักแสดงบนเวที

เหยาเยี่ยนอวี่อยู่เป็นสหายกับพี่สะใภ้ใหญ่เจียงซื่อ ซูอวี้เหอ ซ่งหย่าอวิ้น และคนอื่นๆ ตรงเรือนตะวันตก ทุกคนต่างพูดคุยและชมละครเพลงด้วยกัน

ซ่งหย่าอวิ้นได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องที่เหยาเยี่ยนอวี่รักษาผู้ป่วยอยู่บ้าง ทว่ามักจะรู้สึกว่าข่าวลือเหล่านั้นไม่น่าเชื่อถือ ด้วยเหตุนี้จึงขยับไปใกล้เหยาเยี่ยนอวี่แล้วแอบเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “พี่รอง ท่านรู้วิชาการแพทย์จริงหรือ”

เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าพูดหรือ ข้าก็แค่ลองผิดลองถูกเท่านั้น”

เหยาเชวี่ยหวากลับพูดขึ้น “พี่ซ่งถามเยี่ยงนี้ พี่รองหากไม่รู้วิชาการแพทย์แล้วจะรักษาอาการป่วยของพี่ใหญ่ให้หายดีได้อย่างไร หรือว่าแม้แต่คำพูดของพี่สะใภ้ก็ยังไม่เชื่อ?” ขณะที่พูดจึงหันไปมองซูอวี้เหอเพียงชั่วพริบตา

ซูอวี้เหอไม่อยากจะคลุกคลีกับลูกพี่ลูกน้องสองคนนี้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูซ่งก็แค่ถามขึ้นอย่างผิวเผินเท่านั้น” พูดจบก็หันไปมองถามเจียงซื่อ “วันนี้เชิญละครเพลงจากตระกูลตู้มาหรือไม่ ข้าอยากจะฟัง ‘กุ้ยเฟยจุ้ยจิ่ว’ ที่ตู้เสี่ยวเซิงแสดงมานานแล้ว”

เจียงซื่อเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น “แน่นอนว่าต้องเชิญมาและบอกกล่าวพวกเขาไปแล้ว ข้าก็ชอบการแสดง ‘กุ้ยเฟยจุ้ยจิ่ว’ ของพวกเขาเช่นกัน” พูดจบก็เอ่ยถามเหล่าแม่นางสองสามคนที่อยู่ทางนี้ “พวกเจ้ามีอะไรอยากรับชมก็บอกข้า ข้าจะให้พวกเขาเตรียมตัว”

เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยความรื่นเริง “ข้าอยากชม ‘ป่วนแหลกตำหนักสวรรค์’ ไม่ทราบว่ามีหรือไม่”

เจียงซื่อคลี่ยิ้ม “แน่นอนว่ามีสิ” ขณะที่พูดก็สั่งการสาวใช้ที่อยู่ข้างหลัง “ไปบอกพวกเขา ประเดี๋ยวหลังจากแสดงละครเพลงของฮูหยินผู้เฒ่าและซ่งฮูหยินเสร็จก็ให้พวกเขาร้องละครเพลงที่คุณหนูรองขอ ละครนี้ครึกครื้นยิ่งนัก คิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าและเหล่าฮูหยินน่าจะโปรดปราน”

ซูอวี้เหอคลี่ยิ้ม “เจ้าน่ะ ย่อมโปรดปรานบรรยากาศที่ครึกครื้น”

เจียงซื่อชูจอกเหล้าขึ้นอย่างเบิกบานแล้วพูดขึ้น “พูดเช่นนี้ใครบ้างที่ไม่โปรดปรานความครึกครื้น มา ดื่มสุรา”

ทุกคนต่างก็ชูจอกเหล้าแล้วชนกับของเจียงซื่อ จากนั้นก็ต่างคนต่างดื่มลงไป

เหยาเยี่ยนอวี่แทะเมล็ดทานตะวันพลางชมการแสดงไปด้วย สิ่งที่แสดงบนเวทีนางฟังสิบปีก็ไม่รู้เรื่อง แต่ยังดีที่มีความอดทนในการนั่งคอย ผ่านไปสักพักจึงหาข้ออ้างว่าจะไปล้างมือตรงด้านหลัง

ชุ่ยเวยเห็นจึงรีบติดตามเหยาเยี่ยนอวี่เดินลงบันได

ชั้นล่างมีเหล่าบ่าวไพร่ในจวนรวมตัวกันแอบชมละครเวทีอยู่ และยังมีนักแสดงเดินไปๆ มาๆ เป็นบางครั้ง ทว่าทุกคนยังถือว่าทำตามกฎระเบียบ ต่างก็ไม่มีใครกล้าพูดคุยและส่งเสียงดัง

เหยาเยี่ยนอวี่คิดจะเดินไปข้างหลังเพื่อหาสถานที่สงบสุขแล้วพักผ่อนสักพัก นางตื่นแต่เช้าแล้วรีบเดินทางกลับมา ร่างกายรู้สึกปวดเมื่อยยิ่งนัก ที่นี่เป็นจวนตระกูลของนาง ตอนนั้นก่อนเหยาหย่วนจือยังไม่ได้เป็นข้าหลวงใหญ่ผู้ปกครองสองเมืองก็พักอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับทุกอย่างในจวน

[1] หม่านฉวงฮู่ เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับกวอจื่ออี้ที่มีบุตรเจ็ดธิดาแปด

[2] ต่าจินจื่อ เป็นฉากที่ลูกชายทั้งเจ็ดพาสะใภ้มาอวยพรวันเกิดพ่อแม่