ตอนที่ 196 อย่าถอดใจ เรายังพลิกเกมได้!

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

เมื่อได้ยินประโยค ‘อันหลิน ศูนย์จุดหนึ่งคะแนน’ อันหลินก็ได้สติกลับคืนมา

เขากวาดสายตามองมวลชนที่ตะลึงรอบๆ ด้วยความตกใจแล้วเกาหัว

“ตัว…ตัวถ่วงกลุ่ม!”

เสียงโศกเศร้า สิ้นหวัง หมดเรี่ยวแรงและความคับแค้นดังขึ้นข้างกายเขา

อันหลิน “…”

อันหลินก็งุนงงเช่นกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้…

ระดับความน่ากลัวของแดนพิศวงเหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง มันไม่สมจริงเลยสักนิด!

เขามองรองผู้อำนวยการอวี้หัวตาละห้อย เอ่ยปากว่า “ท่านผู้อำนวยการ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในแน่…”

รองผู้อำนวยการอวี้หัวเพียงแค่ส่ายหน้าทอดถอนใจเมื่อได้ยิน ทำหน้าจนปัญญา

หนทางแห่งความลุ่มหลงเป็นแดนพิศวงนอกโลก ความลี้ลับของมันแม้แต่เซียนสวรรค์ระดับหวนสู่ความว่างเปล่ายังยากแท้หยั่งถึง

คะแนนของอันหลินเกินจะรับได้ แม้แต่ตัวอวี้หัวเอง ก็ไม่เชื่อว่าอันหลินจะก้าวไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว

แต่ทว่าเรื่องนี้ถูกชี้ขาดแล้ว

ลำพังแค่พวกเขาไม่มีทางวิเคราะห์ได้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงจำต้องตัดสินตามผลลัพธ์

การประลองมรรคของสรวงสวรรค์ได้คะแนนทั้งสิ้นแปดจุดเจ็ดคะแนน เป็นอันดับสุดท้าย

มันช่างเป็นผลลัพธ์ที่โหดร้ายเหลือเกิน นักเรียนบางคนกำลังเช็ดน้ำตาเงียบๆ จนบัดนี้แล้วหลายคนก็ยังยอมรับความจริงประการนี้ไม่ได้

“ไม่มีทาง…เทพอันของข้าจะก้าวไม่ออกเลยสักก้าวได้อย่างไร”

“เป็นเพราะไม่สบายกาย ถึงทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้”

“มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย มันไม่ใช่เรื่องจริง!”

“ข้าคิดว่าเป็นผลข้างเคียงจากการระเบิดในการประลองวรยุทธ์ก่อนหน้านี้…”

“ฮือ…เพื่อชัยชนะของสรวงสวรรค์ เขาทุ่มเทจนย่ำแย่แล้วหรือ…”

“ข้าสงสัยมากกว่าว่าคนที่บอกว่า ‘หากเทพอันถูกพันธนาการตั้งแต่ก้าวแรก จะกินขี้ให้ดู’ หายไปไหนแล้ว”

“เจ้ามีหัวใจหรือไม่ ป่านนี้แล้วยังจะสนใจเรื่องนี้อีก!”

ผู้ชมในจัตุรัสวิจารณ์กันเซ็งแซ่ คนของสามอิทธิพลที่เหลือก็จ้องอันหลินด้วยสีหน้าฉงน ราวกับมองตัวประหลาด เกือบได้คะแนนเต็มในการประลองวรยุทธ์ แต่กลับได้ศูนย์คะแนนจากการประลองมรรค ต้องลุ้นระทึกขนาดนั้นเลยหรือ!

ส่วนหงโต้วนั้นหัวเราะดังลั่น ชูนิ้วโป้งให้อันหลินแล้วชมว่า “จิตใจของอันหลินเป็นที่หนึ่งในหล้า!”

มุมปากของอันหลินกระตุก เขาไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ตนถูกเยาะเย้ย แถมยังเป็นคำเย้ยหยันจากไก่อ่อนอย่างหงโต้วอีกด้วย

การประลองมีการประลองวรยุทธ์ มรรค ความคิด การเอาตัวรอดและแย่งชิงห้ารายการ ตอนนี้แม้คะแนนรวมจะรั้งท้าย แต่ยังอาศัยอีกสามรายการที่เหลือดึงคะแนนได้ พวกเขายังไม่แพ้!

อันหลินกำมือแน่น เขาตั้งใจว่าจะสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อลบล้างคำครหา!

“หวังเสวียนจ้าน หลิวเชียนฮ่วน พวก…พวกท่านเป็นอะไรไป!” เขาเบนสายตามองเพื่อนร่วมกลุ่มทั้งสองคน พูดด้วยความตกใจ

เห็นเพียงทั้งคู่นอนแผ่อยู่บนพื้น เหม่อมองเมฆขาวที่ลอยล่องบนเวหา ไม่กระดิกกระเดี้ย

“อย่ามาวุ่นวายกับข้า ข้าเป็นแค่ผู้แพ้ เป็นคนไม่เอาไหน เป็นตัวถ่วงของกลุ่มตัวแทนสรวงสวรรค์ ขยะในหมู่สาวน้อยนักเวท…” หลิวเชียนฮ่วนพูดอย่างสิ้นหวัง

“อย่ามายุ่งกับข้า ปล่อยให้ข้านอนอยู่แบบนี้เถอะ ได้ที่หนึ่งแล้วอย่างไร ก็แพ้อยู่ดี พยายามไปแล้วอย่างไร สุดท้ายก็รั้งท้าย บอกตามตรง นี่แหละโชคชะตา…” หวังเสวียนจ้านเหม่อมองปุยเมฆบนท้องฟ้า กระจ่างใจโดยพลัน

ใช่แล้ว บางเรื่องไม่ว่าจะพยายามปานใด ก็ไม่มีทางทำได้ นี่แหละโชคชะตา!

อันหลินนิ่งดุจรูปปั้นเมื่อเห็นฉากนี้ เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาในใจ

‘จบเห่แล้ว สองคนนี้หมดกำลังใจแล้ว…’

หากทั้งกลุ่มหมดกำลังใจแล้ว จะทำอะไรได้อีก!

ไม่ได้การแล้ว ต้องเรียกขวัญและกำลังใจให้พวกเขา!

“ศิษย์พี่หลิว!”

“มีอะไร…”

“หากเจ้าเล่นเกม”

“หากเจ้าเล่นเกมแล้วไม่ราบรื่นจะทำอย่างไร”

“ก็ต้องยอมแพ้น่ะสิ”

“…”

มุมปากของอันหลินกระตุก

ให้ตายสิ พล็อตไม่ถูกต้องนี่นา…

เขาตะโกนลั่นว่า “ผิดแล้ว! หากว่าไม่ราบรื่น เจ้าต้องคิดว่าจะพลิกเกมอย่างไร! เชื่อข้าสิ ถ้าเราพยายาม พวกเราต้องพลิกเกมได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน!”

“คนที่พูดแบบนี้กับข้าครั้งก่อน ได้ศูนย์จุดหนึ่งคะแนน…” หลิวเชียนฮ่วนย่นจมูกจิ้มลิ้มแล้วพึมพำ

เมื่ออันหลินได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ

ความฮึกเหิมของเขาเกือบจะดับสูญเพราะคำพูดประโยคนี้เสียแล้ว

ปล่อยหลิวเชียนฮ่วนไปก่อนชั่วคราว เขาเบนสายตามองไปที่หวังเสวียนจ้าน

“ศิษย์พี่หวัง ท่านเป็นถึงตัวแทนสำคัญของกลุ่มอิทธิพลสรวงสวรรค์เชียวนะ หมดอาลัยตายอยากแบบนี้แล้วดีจริงๆ หรือ!”

“ฮึกเหิมไปแล้วอย่างไร ต่อให้ข้าเป็นที่หนึ่ง ก็มีโอกาสที่คนในกลุ่มคว้าอันดับสุดท้ายอยู่ดี ศิษย์น้องอันหลิน ข้าไม่ได้โทษเจ้า ข้าแค่อยากบอกว่า นี่แหละโชคชะตา!”

อันหลิน “…”

เซียนกระบี่มิ่งหยวนได้ฟังประโยคนี้ อาจจะรับศิษย์พี่หวังเป็นลูกศิษย์คนสำคัญด้วยความชื่นชมยินดีก็ได้…

อันหลินพูดไม่ออก เมื่อได้ฟังคำพูดของหวังเสวียนจ้าน ก็ราวกับโดนมีดกรีดกลางใจอีกครั้ง

อันหลินที่อยากจะเรียกขวัญและกำลังใจให้ทั้งสองคนในคราแรก บัดนี้ก็เริ่มห่อเหี่ยวแล้วเช่นกัน เงยหน้ามองฟ้า ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม

รองผู้อำนวยการอวี้หัวเห็นก็รู้สึกเหนื่อยใจยิ่งนัก แต่การประลองยังคงต้องดำเนินต่อไป จึงขอให้ราชสีห์แห่งหอสร้างโลกเป็นผู้ดำเนินรายการประลองที่สาม

การประลองรายการที่สามคือ ‘ความคิด’ ความคิดในที่นี้หมายถึงแก่นแท้ที่บุคคลผู้นั้นหยั่งรู้ แก่นแท้ในโลกหล้ามีนับพันนับหมื่น มันสื่อถึงแก่นแท้ สะท้อนให้เห็นระดับความลึกซึ้งในการหยั่งรู้ของผู้ที่แสวงมรรค

ราชสีห์เดินขึ้นสังเวียนประลอง แหวนมิติสว่างวาบ ผลึกหินสีดำขนาดใหญ่เริ่มปรากฏสู่สายตาของฝูงชน

“นี่เป็นผลึกหินประชันความคิด ขอเพียงใช้มือสัมผัสผลึกหิน เพ่งสมาธิ ความตระหนักรู้จะเข้าไปในผลึกหิน ภายในผลึกหินมีหุ่นสิบตัว พวกเจ้าเพียงแค่ใช้ความคิดของตนต่อสู้กับมัน”

“ทุกครั้งที่ทำลายหุ่นได้หนึ่งตัว ก็จะทำลายตัวที่สองได้ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ หุ่นหนึ่งตัวต่อหนึ่งคะแนน ภาพการต่อสู้ของพวกเจ้าจะถูกฉายให้ชมบนผลึกหิน แม้ความคิดในผลึกหินจะสลาย ก็จะไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย”

ทุกคนได้ฟังกติกาจากคำบอกเล่าของราชสีห์ ต่างก็เริ่มคาดหวังขึ้นมา เพราะการประชันความคิดจัดอยู่ในประเภทของการต่อสู้ มีความน่าชมมากกว่า

แต่อันหลินกลับหายใจหอบ นัยน์ตาเป็นประกาย

ผลึกหินประชันความคิด…ช่างเป็นชื่อที่คุ้นเคยเหลือเกิน!

ความคิดของเขาแข็งแกร่งมาก เพียงพอจะทัดเทียบกับเซียนกระบี่อันดับหนึ่งแห่งความจื่อซิง การประลองด่านนี้ เอาอยู่แน่!

ซูเฉี่ยนอวิ๋นที่อยู่ในจัตุรัสก็ยิ้มบางๆ เกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย “ครั้งนี้ สหายอันหลินต้องกอบกู้ชื่อเสียงได้แน่นอน”

“เอ๊ย เจ้ารู้ได้อย่างไร” สวีเสี่ยวหลานที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้

บอกตามตรง สวีเสี่ยวหลานเองยังปวดใจกับผลคะแนนศูนย์จุดหนึ่งแทนอันหลินอยู่ครู่ใหญ่

แววตาสุกใสของซูเฉี่ยนอวิ๋นดุจธารน้ำ จ้องมองชายหนุ่มบนสังเวียน บอกเล่าเรื่องที่เขาประชันความคิดกับเจียงหย่าหนานไต้ซือแห่งกระบี่ในวังชิงมู่ให้สวีเสี่ยวหลานฟังอย่างละเอียด

เมื่อสวีเสี่ยวหลานได้ฟังวีรกรรมของอันหลินแล้วนัยน์ตาก็ลุกวาว เกิดความสนใจกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างมากเช่นกัน

ในการประลองครั้งนี้ ตัวแทนจากสรวงสวรรค์ขึ้นวังเวียนก่อน

“ศิษย์พี่หวัง ศิษย์พี่หลิว ครั้งนี้ให้ข้าเริ่มก่อนเถอะ!”

อันหลินจ้องสองคนตรงหน้าแล้วพูดอย่างนอบน้อม

หวังเสวียนจ้านกับหลิวเชียนฮ่วนได้ฟังต่างก็ชะงัก

แต่อันหลินกลับพูดต่อว่า “ถ้าครั้งนี้ข้าคว้าที่หนึ่งได้ พวกท่านจะยอมต่อสู้กับข้า ร่วมชิงบัลลังก์ที่หนึ่งของการชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาครั้งนี้กับข้าไหม!”

อันหลินพูดกับสองคนตรงหน้าอย่างชัดถ้อยชัดคำ นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นที่ลุกโชน

ไม่รู้เพราะเหตุใด ท่าทางที่มีความองอาจกล้าหาญอย่างเต็มเปี่ยมของเขา ทำให้หัวใจที่เหี่ยวเฉาของสมาชิกทั้งสอง ร้อนระอุขึ้นมาบ้างแล้ว

“ในเมื่อศิษย์น้องอันหลินพูดเช่นนี้ ข้าจะมีหน้าปฏิเสธได้อย่างไร” หวังเสวียนจ้านยิ้มให้อันหลินแล้วพูดเสียงดังฟังชัด

“ข้าเล่นแบบราบรื่นได้ หากเจ้าสร้างข้อได้เปรียบได้ ข้าจะพยายามแน่นอน สู้เขา!” หลิวเชียนฮ่วนยิ้มแย้ม ฮึดขึ้นมาเป็นกำลังใจให้อันหลิน

อันหลินพยักหน้าจริงจัง “อย่าท้อแท้ เรายังพลิกเกมได้!”

พูดจบเขาก็ก้าวไปหาผลึกหินสีดำขนาดใหญ่นั่น

เขาจะใช้การกระทำ จุดประกายความหวังให้ทุกคนอีกครั้ง!