ตอนที่ 197 กระบี่ผลาญจักรวาล

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

เมื่อเห็นอันหลินตัดสินใจออกโรงเป็นคนแรก ผู้คนในจัตุรัสก็เริ่มฮือฮากันขึ้นมาอีกครั้ง

“ศิษย์พี่อันหลินตัดสินใจขึ้นสังเวียนเป็นคนแรก นี่เขาตั้งใจว่าจะเริ่มต้นอย่างสวยงามหรือ”

“พูดยาก สถานการณ์ของการประลองมรรค ใช่ว่าเจ้าจะไม่เห็นเสียหน่อย สภาพของเทพอันไม่มั่นคงเอาเสียเลย”

“เฮ้อ ตอนนี้คะแนนรั้งท้ายมากเหลือเกิน…”

อากัปกิริยาของเหล่านักเรียนเริ่มหมดอาลัยตายอยาก แม้จะคาดหวังกับการขึ้นสังเวียนของอันหลิน แต่ไม่ลุ้นระทึกเช่นก่อนหน้านี้แล้ว

สมาชิกของอีกสามอิทธิพลที่เหลือก็จดจ้องอันหลินด้วยสายตาที่สนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในมุมมองของพวกเขา อันหลินเป็นคำนิยามของคำว่าประหลาดใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เกิดขึ้นกับเขาได้ทั้งนั้น

อันหลินเดินไปยืนตรงหน้าผลึกหินสีดำขนาดยักษ์ สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเพ่งสมาธิไปที่ผลึกหิน

ขั้นตอนนี้เขาเคยผ่านมาแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้จึงกระทำอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็ปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่โล่งกว้าง

นี่เป็นทะเลทรายอันกว้างขวาง ท้องฟ้าเป็นสีแดงก่ำ มีสายลมโชยมาเป็นระลอกๆ

อันหลินสัมผัสบรรยากาศโดยรอบอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้แล้วว่าพื้นที่ความคิดแห่งนี้ สมจริงกว่าพื้นที่ที่เขาเข้าไปประชันกับเจียงหย่าหนานมากโข

ผลึกหินประชันความคิดอันนี้ชั้นสูงกว่า น่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ความคิดทำลายผลึกหิน

โครม!

หุ่นไม้ตัวหนึ่งทะยานลงมาจากฟ้า เยื้องย่างเข้ามาทางอันหลินด้วยท่วงท่าที่แข็งทื่ออย่างยิ่ง

นักเรียนในจัตุรัสลุ้นระทึกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหุ่นปรากฏตัวบนหน้าจอผลึกหิน

“มาแล้วๆ คราวนี้ศิษย์พี่อันหลินจะทำอย่างไร”

“เจ้าว่าเขาจะถูกหุ่นไม้ตัวนั้นซัดจนเป็นล้มหรือไม่”

“เทพอันจะนิ่งเมื่อเข้าสู่ความคิดหรือไม่”

“…พวกเจ้าพอได้แล้ว ขอให้เชื่อในตัวอันหลินได้ไหม!”

อดพูดไม่ได้ว่า พฤติกรรมในการประลองที่แล้วของอันหลิน ทิ้งปมไว้ในใจของนักเรียนทั้งหลาย ทำให้พวกเขาเริ่มตื่นตระหนักขึ้นเมื่อหุ่นปรากฏตัว

อันหลินจ้องหุ่นที่เดินบิดเบี้ยวดังกรอบแกรบมา ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

ให้ตายสิ ดูถูกกันใช่ไหม!

เขาชักกระบี่ออกมา ไม่ต้องใช้หกกระบวนท่า เพียงอาศัยพลังพื้นฐานของหกกระบี่เทพสงคราม ตวัดแล้วฟันลงไป!

ซิ่ว!

ลำแสงเจิดจ้าพุ่งหวีดหวิวออกไป ฉีกหุ่นไม้ที่อยู่เบื้องหน้าจนแหลก

ทุกคนในจัตุรัส “…”

อดพูดไม่ได้ว่า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกังวลมากไปแล้ว

ไม่…พูดให้ถูกก็คือ เทพอันที่พวกเขาคุ้นเคยกลับมาแล้ว

*โครม!*หุ่นไม้ตัวที่สองทะยานลงมา มันพุ่งใส่อันหลิน การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างยิ่ง

“โอ๊ ความยากเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยนี่นา”

อันหลินหัวเราะเบาๆ ฟันหุ่นไม้ที่คล่องแคล่วฉับไวตัวนั้นไปอีกที

ลำแสงฉีกร่างของหุ่นไม้อีกครั้ง สังหารในเสี้ยววินาทีอีกแล้ว!

จากนั้นก็เป็นตัวที่สาม ตัวที่สี่ ตัวที่ห้า…

หุ่นแต่ละตัวถูกฟันจนแหลกละเอียดด้วยกระบี่ของอันหลิน ถูกลำแสงบดขยี้จนเป็นผุยผง

เขาเป็นดุจเซียนกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่ ผ่านด่านฉลุย ไร้เทียมทาน

แววตาของเหล่านักเรียนในจัตุรัสค่อยๆ ลุกโชนขึ้นมา จ้องร่างในผลึกหินไม่วางตา

โครม!

หุ่นตัวที่หกทะยานลงมา มันดำมะเมื่อม เปลวไฟสีน้ำเงินปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า แก่นแท้ของไฟก่อตัวเป็นริ้วคลื่นแผ่กระจายออกไป

มันกระโจนใส่อันหลินทันใด เปลวไฟสีน้ำเงินกลายเป็นพยัคฆ์ร้าย ชนลำแสงกระบี่ของอันหลินจนกระจาย

เขาใช้เวลากับการต่อสู้ครั้งนี้ไปสิบนาทีเต็ม กว่าจะฟันหุ่นตัวนี้ให้แหลกละเอียดได้

รองผู้อำนวยการอวี้เห็นฉากนี้ก็ระอาใจ จิตวิญญาณกระบี่ของอันหลินใช้ได้มากทีเดียว แต่หุ่นหกตัวน่าจะเป็นขีดจำกัดแล้ว

คนส่วนใหญ่ก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน มองจากท่าทางที่เหน็ดเหนื่อยของอันหลิน คงทนได้อีกไม่นานแล้ว

หวังเสวียนจ้านกับหลิวเชียนฮ่วนนั้นไม่ใช่ พวกเขาจ้องร่างนั้นด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม

อันหลินเคยบอกว่าจะคว้าที่หนึ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใด พวกเขาเชื่อว่าอันหลินต้องคว้าที่หนึ่งได้

แต่ตอนนี้ ยังไม่ถึงขั้นจะคว้าอันดับหนึ่งได้!

หุ่นตัวที่เจ็ดเริ่มทะยานลงมาจากท้องฟ้า หุ่นตัวนี้ถือกระบี่คู่ เพียงแค่ยกกระบี่แล้วฟัน ก็ปล่อยลำแสงยาวนับร้อยจั้งแล้ว

กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบี่แห่งสายลม!

มีภาพมายาของชายคนหนึ่งปรากฎขึ้นด้านหลังของอันหลินกะทันหัน

ชายคนนี้ยืนตระหง่านกลางอากาศ ยื่นมือออกไปคว้าท้องฟ้า รวบรวมก้อนเมฆ สุดท้ายก็ก่อตัวเป็นกระบี่

กระบี่ลมเมฆฟันออกไปหลายร้อยจั้ง จัดการหุ่นเบื้องหน้าด้วยอานุภาพที่มหาศาลไร้ที่สิ้นสุด ราวกับว่าจะฟันฟ้าดินให้แยกเป็นสองแล้ว

หุ่นตัวที่เจ็ดสูญสลายภายใต้กระบี่หนึ่งกระบวนท่าอย่างสิ้นเชิง

สังหารภายในเสี้ยววินาที?

ผู้คนที่กำลังชมอยู่จ้องหน้าจอผลึกหินประชันความคิด หายใจเข้าดังเฮือก ใบหน้ามีแต่ความตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าอันหลินจะมีกระบวนท่านี้ด้วย

หุ่นตัวที่แปดมาแล้ว ยังคงถูกอันหลินปลิดชีพด้วยกระบี่แห่งสายลมภายในกระบวนท่าเดียว

กระบี่แห่งสายลมของเขาทัดเทียบกับเพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเซียนกระบี่อันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อซิง ย่อมยิ่งใหญ่เป็นล้นพ้น

หุ่นตัวที่เก้าถือกระบี่สีขาวบริสุทธิ์ ทะลุมิติมาปรากฏตัวต่อหน้าอันหลิน

ด้านหลังของมันมีกระบี่บินร่วมพันเล่มพัดหวีดหวิว จิตวิญญาณกระบี่อันยิ่งใหญ่กลายเป็นความจริง ทำลายพื้นที่โดยรอบให้แหลกเป็นผุยผง

กระบี่แห่งสายลมของอันหลินถูกหุ่นใช้จิตวิญญาณกระบี่อันเหนือชั้นขัดขวาง

จากนั้นกระบี่บินนับพันเล่มก็สั่นสะท้านไปตามๆ กัน ก่อตัวเป็นมังกรค่ายกลกระบี่ด้วยอานุภาพไร้เทียมทาน พุ่งไปหาอันหลิน

กระบวนท่าที่สอง เงาพยัคฆ์!

มังกรค่ายกลกระบี่ทะลวงร่างของอันหลิน

แต่ทว่า ร่างของเขาเป็นดุจภาพมายา เมื่อสัมผัสก็บิดเบี้ยวและเลือนหายไป

ทุกอย่างมืดลงฉับพลัน

“เกิดอะไรขึ้น หน้าจอดับแล้วหรือ”

“พับผ่าสิ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มหน้าจอก็มืดลง ทำไมต้องทรมานกันขนาดนี้ด้วย!”

“ภายหลังพี่อันเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

“เฮ้อ หอสร้างโลกขี้ริ้วขี้เหร่ก็เกินพอแล้ว ทำไมแม้แต่อุปกรณ์ก็เป็นของปลอมล่ะเนี่ย”

นักเรียนในจัตุรัสพบว่าหน้าจอมืดลงกะทันหันก็ฮือฮากันระนาว

ราชสีห์เองก็สะดุ้งโหยง รีบตรวจสอบผลึกหินประชันความคิดทันที กลับพบว่าไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น มันจ้องหน้าจอแล้วพูดอย่างหวาดหวั่นว่า “หรือว่า…”

ทุกอย่างสว่างขึ้นอีกครั้ง

ทุกคนเห็นภาพเหตุการณ์อีกครั้ง เห็นเพียงคมกระบี่ของอันหลินห้อมล้อมด้วยหมอกทมิฬ

หุ่นตัวที่เก้าตรงหน้าเขาถูกฟันแยกเป็นสองท่อน

“การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้วหรือ” มีนักเรียนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“หรือว่าที่หน้าจอมืดเมื่อครู่นี้เป็นเพราะจิตวิญญาณกระบี่ของเขาทำให้ฟ้าดินมืดมน”

“สุดยอดไปเลยเทพอันของข้า ความคิดทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ!”

เหล่านักเรียนต่างก็รู้สึกเหลือเชื่อ มีทั้งเสียงอุทาน ทั้งเคารพชื่นชม ทุกคนเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว

ในขณะนั้นเอง แผ่นดินก็สั่นสะเทือนอย่างแรง

ไม่นานก็มีกระแสวนดำทะมึนปรากฏกลางอากาศ

กระแสวนแทบจะแผ่คลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้า มีร่างที่แผ่คลื่นอันน่ากลัวอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของกระแส

มันควบคุมปฐพีดุจเป็นจอมราชา พุ่งตรงดิ่งลงมาหาอันหลินพร้อมกับอุกกาบาตนับไม่ถ้วน

นี่เป็นจิตแห่งการทำลายล้างโลก และเป็นหุ่นที่แข็งแกร่งที่สุดในผลึกหินประชันความคิดอีกด้วย!

เปลวไฟดาวตกมากมายเหลือคณานับพุ่งไปหาอันหลิน ก่อให้เกิดภาพของการทำลายล้าง

อันหลินยืนอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง ถูกพลังเหล่านั้นกดดันจนแทบจะหยุดหายใจ

“สวยเลย เอาท่าสุดท้ายไปกิน กระบี่เทพ!”

เขาสั่นไปทั้งตัว จ้องมองพลังที่ชวนให้รู้สึกสิ้นหวังบนผืนนภาลัย ระลึกถึงกระบี่สุดท้ายในห้วงความคิด…

ครืน!

อานุภาพมวลมหาศาลม้วนตัวไปทั่วฟ้าดิน แสงทองสว่างไสว โจมตีมิติรอบกายด้วยพลังที่สูงส่งยิ่ง ทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง

หน้าจอผลึกหินถูกลำแสงยึดครองอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช่หน้าจอมืด แต่เป็นสีทอง!

ทุกคนที่กำลังมองดู ล้วนถูกฉากนี้ทำเอาตกตะลึงจนพูดไม่ออก

นี่เป็นการประชันความคิดจริงหรือ นี่มันสงครามวันสิ้นโลกชัดๆ!

อันหลินรู้สึกว่าหัวกระตุก สติคืนกลับมาโดยพลัน

เขาทรุดลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง มองผลึกหินประชันความคิดอย่างวิตกกังวล จากนั้นก็ถอนหายใจ

ยังดีที่ผลึกหินไม่ปริแตก

จากนั้นก็ อืม หน้าจอดับไปแล้ว…

“เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมหน้าจอดับไปเสียแล้วล่ะ”

“หรือท่าไม้ตายของเทพอันจะส่องสีทองก่อนแล้วค่อยดับ”

“เป็นไปได้ เราลองรอกันอีกหน่อย…”

หนึ่งนาทีต่อมา

ทุกคน “…”

ดูเหมือนหน้าจอจะดับไปแล้วจริงๆ…

“ดูนั่นเร็วเข้า เทพอันกลับมาแล้ว!”

ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าใครอุทานขึ้นมา

แทบจะทุกคนที่จดจ้องภาพบนหน้าจอผลึกหิน ไม่สังเกตเห็นว่าอันหลินที่อยู่ข้างผลึกหินฟื้นคืนสติแล้ว

เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ทุกคนก็หันมองอันหลินกันระนาว จัตุรัสอื้ออึงขึ้นมาอีกครั้ง

“ศึกนี้ของเทพอันตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน นี่สิไอดอลของข้า!”

“จะว่าไปหน้าจอดับเสียแล้ว การต่อสู้ครั้งสุดท้ายชนะหรือแพ้กันเล่า”

“นี่! กรรมการทำอะไรอยู่น่ะ รีบประกาศผลสิ!”

“หยุดพูดได้แล้ว ไม่เห็นหรือว่าใต้เท้าราชสีห์กำลังอึ้งอยู่น่ะ ให้มันสงบจิตสงบใจหน่อย…”

ราชสีห์ลูบผลึกหิน เนื้อตัวสั่นเทา จ้องอันหลินอย่างไม่อยากจะเชื่อ

หน้าจอผลึกหินดับบ่งบอกว่าพลังงานสูญสิ้น ซึ่งก็หมายความว่า ทั้งหุ่นและพื้นที่ภายในถูกกระบี่เล่มนั้นทำลายจนย่อยยับแล้ว…

“นี่…นี่เป็นตัวประหลาดจากแห่งหนใดกัน…” ราชสีห์พึมพำด้วยความงุนงง

สรรสร้างโลกใหม่ กระตุ้นผลึกหินต้องใช้ถึงสองแสนหินวิญญาณเชียวนะ!

ให้ตายสิ แถมเงินก็ยังเบิกไม่ได้อีกด้วย ขาดทุนย่อยยับ!

ราชสีห์โอดครวญ แต่ก็ยังประกาศผลลัพธ์สุดท้ายออกมาอย่างปวดใจ

“ตัวแทนอันหลินกำจัดหุ่นทั้งสิ้นสิบตัว ได้สิบคะแนน!”

เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ทั้งจัตุรัสก็โห่ร้องด้วยความยินดี!

แม้แต่สมาชิกของอีกสามอิทธิพลที่เหลือเองก็จ้องมองอันหลินด้วยความชื่นชม

อันหลินทำให้พวกเขาได้เห็นการต่อสู้ทางความคิดที่ตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง ผลคะแนนเต็มนี้ พวกเขายอมรับจากใจจริง!

อันหลินลุกขึ้น เดินไปหยุดตรงหน้าหวังเสวียนจ้านกับหลิวเชียนฮ่วนแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “พวกท่านดูสิ ข้าบอกแล้วว่าจะคว้าที่หนึ่ง ก็ต้องได้ที่หนึ่งมาแน่นอน สถิติคะแนนเต็มนี้ คงไม่มีใครเอาชนะข้าได้แล้วกระมัง”

“ตอนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว!”

หวังเสวียนจ้านกับหลิวเชียนฮ่วนได้ฟังใจก็กระตุกวูบ จากนั้นก็พยักหน้ายิ้มๆ

ลำดับต่อไป ให้พวกเขารักษาชัยชนะครั้งนี้ให้อยู่หมัดก็แล้วกัน!