ตอนที่ 198 ในที่สุดก็หายโง่เง่า

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

คนที่ขึ้นเวทีเป็นอันดับสองคือหวังเสวียนจ้าน

ตอนนี้เขามีจิตใจฮึกเหิม เปลวไฟลุกโชนในหัวใจ

ใช่แล้ว ความฮึกเหิมของเขาเคยตกต่ำ

เพราะเขาคิดว่ารอบตัวเขามีแต่ตัวถ่วง พยายามมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์

ทว่าตอนนี้ อันหลินกลับให้พลังเขาด้วยการกระทำ ทำให้เขารู้ว่ากลุ่มของเขายังมีความหวังจะคว้าชัยชนะ พวกเขายังไม่แพ้!

ผลึกหินการประชันความคิดถูกราชสีห์กระตุ้น หวังเสวียนจ้านเพ่งสมาธิอย่างไม่ลังเล

แก่นแท้ความคิดของหวังเสวียนจ้านเป็นจิตวิญญาณแห่งหอก กระแสไฟรายล้อมรอบตัว เขากำหอกแน่น ประหนึ่งเทพสงครามยืนตระหง่านกลางฟ้าดิน เผชิญหน้ากับการจู่โจมของหุ่น

หุ่นหลายตัวล้วนถูกเขากำจัดอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งหุ่นตัวที่หกปรากฏตัว เขาถึงได้เริ่มสิ้นเปลืองแรง

หุ่นตัวนี้มีเปลวไฟสีน้ำเงินปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า แฝงด้วยแก่นแท้ของเปลวเพลงที่แก่กล้าอย่างยิ่ง

การปะทะของแก่นแท้ทั้งสองทำให้เกิดฝุ่นตลบอบอวล การต่อสู้ในครั้งนี้ดุเดือดเป็นที่สุด สุดท้ายหวังเสวียนจ้านก็ทะลวงศีรษะของหุ่นตัวหนึ่งด้วยหอก ทำให้มันแพ้ราบคาบ

หุ่นตัวที่เจ็ดเป็นหุ่นดาบคู่ มันมีจิตวิญญาณของดาบที่น่ากลัวยิ่งนัก

ตอนนั้นอันหลินถูกบีบคั้นให้ใช้แก่นแท้ของกระบี่แห่งสายลมเพราะหุ่นตัวนี้

หวังเสวียนจ้านกระตุ้นพลังของหอกยาวจนถึงขีดสุดในศึกนี้ ตัวเขาเป็นดั่งมังกรบินร่อนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า อหังการไร้เทียมทาน

สุดท้ายเขาก็ทำลายหุ่นดาบคู่ให้แหลกสลายด้วยหอกยาว แต่ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยบาดแผล

หุ่นตัวที่แปดเป็นหุ่นหยินหยาง

หุ่นตัวนี้ถือน้ำแข็งแห่งจันทรา มืออีกข้างถืออัคคีของอีกาทอง เคลื่อนไหวคล่องแคล่วแปลกพิลึก ตอนนั้นอันหลินใช้เพียงกระบี่แห่งสายลมก็สังหารมันได้อย่างรวดเร็ว

หวังเสวียนจ้านรบกับหุ่นตัวนี้อยู่นาน แต่สุดท้ายก็ด้อยกว่าในด้านความทรหด ถูกหุ่นหยินหยางตัวนี้ผลาญแก่นแท้ความคิดจนแหลกสลาย

เมื่อนักเรียนด้านนอกเห็นฉากนี้ ต่างก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย เห็นหวังเสวียนจ้านทะลวงหุ่นตัวนี้หลายครั้ง คิดว่าจะเอาชนะหุ่นตัวนี้ได้เสียอีก ไม่คิดเลยว่าความคิดของหวังเสวียนจ้านจะแพ้พ่ายก่อน

อีกสามกลุ่มอิทธิพลที่เหลือกลับรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น คะแนนเต็มของอันหลินก็สร้างความกดดันให้พวกเขาอย่างใหญ่หลวงแล้ว เกิดหวังเสวียนจ้านเอาชนะหุ่นตัวที่แปดได้ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอะไรแล้ว

จากนั้น พวกเขาก็เบนสายตามองหลิวเชียนฮ่วน

อืม…ถ้าหลิวเชียนฮ่วนยังแสดงความสามารถได้ดีเยี่ยมเฉกเช่นการประลองสองครั้งก่อนหน้านี้ เช่นนั้น พวกเขาก็ยังมีโอกาส

“ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับศิษย์น้องหลิวแล้ว” สติของหวังเสวียนจ้านคืนกลับมา มองหลิวเชียนฮ่วนอย่างให้กำลังใจ

หลิวเชียนฮ่วนทำมือเป็นรูปโอเค “ไว้ใจข้าได้เลย!”

นางเพ่งสมาธิไปที่ผลึกหินสีดำ จากนั้นก็ปรากฏตัวท่ามกลางผืนทะเลทรายเวิ้งว้าง

นักเรียนหลายหมื่นชีวิตต่างก็จดจ้องร่างอันงดงาม หวังว่าไอดอลในใจพวกเขาจะสร้างชื่อเสียงให้ตนเองได้

โครม! หุ่นไม้ตัวแรกทะยานลงมา

หุ่นฟรีคะแนนตัวนี้ขยับเขยื้อนอย่างแข็งทื่อ กระโจนใส่หลิวเชียนฮ่วน

เมื่อหลิวเชียนฮ่วนพลิกมือ คทาขนนกก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า มือเรียวขาวเนียนละเอียดกำคทาแน่นแล้วพุ่งใส่หุ่น

ตูมๆ ๆ

หลิวเชียนฮ่วนสู้รบปรบมือกับหุ่นไม้อย่างดุเดือด

หวังเสวียนจ้าน “…”

อันหลิน “…”

ผู้ชม “…”

สุดท้ายหลิวเชียนฮ่วนก็อาศัยความปราดเปรียว ใช้คทาทุบหุ่นไม้ตัวนั้นจนแตกละเอียด

“ฟู่ว…ใช้ได้แค่ความคิด ใช้พลังเซียนไม่ได้ช่างยุ่งยากเสียจริง…” นางเช็ดเหงื่อเล็กน้อย ใบหน้าเลอโฉมแดงระเรื่อ ท่าทางดูเหนื่อย

หุ่นตัวที่สองทะยานลงมา หุ่นตัวนี้คล่องแคล่วขึ้นเยอะโข หลิวเชียนฮ่วนโรมรันพันตูกับมัน

ตูม ๆ ๆ…

หลังผ่านการต่อสู้อันร้อนระอุแล้ว หลิวเชียนฮ่วนก็เอาชนะหุ่นตัวที่สองไปได้อย่างหวุดหวิด

“เฮ้อ การประลองครั้งนี้ท่าทางจะจบเห่แล้ว”

“แม้จะไม่อยากยอมรับเท่าใดนัก แต่ข้าคิดว่าศิษย์พี่หลิวไม่เหมาะกับการประลองแบบนี้…”

“สงสารที่เทพอันของข้ากับศิษย์พี่หวังสู้ขนาดนั้น จะทำอย่างไรดี”

เหล่านักเรียนต่างก็จดจ้องหญิงสาวบนหน้าจอผลึกหินด้วยสีหน้าเป็นกังวล ราวกับว่าความลุ้นระทึกที่จุดขึ้นมาอย่างยากเย็น ถูกสาดด้วยน้ำเย็นเสียแล้ว

หุ่นหมายเลขสามทะยานลงมาทันใด ทุกกระบวนท่าของมันแฝงด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ หลิวเชียนฮ่วนถอยกรูด เห็นได้ชัดว่าจวนจะต้านทานไม่ไหวแล้ว

“ท่าทางหลิวเชียนฮ่วนจะได้แค่สองคะแนน โอกาสของพวกเรามาแล้ว!” หงโต้วที่ชมศึกพูดอย่างตื่นเต้น

แก่นแท้ความคิดเป็นข้อได้เปรียบของหอสร้างโลก การประลองนี้เป็นโอกาสที่พวกมันจะพลิกเกม

ขณะที่ทุกคนถอดใจจากหลิวเชียนฮ่วนนั้น หญิงสาวในหน้าจอก็ถอนหายใจเบาๆ เช่นกัน

“เฮ้อ ท่าทางข้าจะสร้างชื่อให้สาวน้อยนักเวทไม่ได้เสียแล้ว…ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ข้ารับปากอันหลินแล้ว ฝืนใจใช้สักครั้งก็แล้วกัน…”

นัยน์ตาสีม่วงของหลิวเชียนฮ่วนเฉยชาลงเล็กน้อย ชั่วขณะที่ถอยกรูดนั้น คทาขนนกหายไปแล้ว สิ่งที่โผล่มาในมือของนาง เป็นกระบี่สีน้ำเงินด้ามหนึ่ง

พรึ่บ!

วงโคจรของกระบี่แทบจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ในพริบตาเดียว ร่างของหลิวเชียนฮ่วนก็มาปรากฏตัวด้านหลังหุ่นไม้

แกรก…หุ่นแตกออกเป็นร้อยท่อนพันท่อนภายในพริบตา รอยฟันเรียบเนียนท่ามกลางสายตาของทุกคน

เฮือก

ผู้ชมที่กำลังดูหน้าจอผลึกหินล้วนสูดหายใจเข้าดังเฮือก จ้องภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึง

สังหารในเสี้ยววินาที!

อันหลินเองก็เบิกตากว้างเช่นกัน พึมพำว่า “ศิษย์พี่หลิวใช้กระบี่เป็นด้วยเหรอ แถมยัง…สุดยอดมากด้วย!”

นางเป็นสาวน้อยนักเวทไม่ใช่เหรอ ทำไมกลายเป็นมือกระบี่ไปได้ล่ะ แม้แต่ในศึกแห่งอิสรภาพ ก็ไม่เห็นนางใช้กระบี่เลย!

หวังเสวียนจ้านได้สติกลับคืนมา แม้ใบหน้าจะมีความตกใจ แต่อย่างไรก็ยอมรับความจริงประการนี้ เอ่ยปากชี้แจงว่า “แม้ข้าจะเพิ่งเคยเห็นศิษย์น้องหลิวใช้กระบี่เป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่นางมาจากสำนักกระบี่สวรรค์ ใช้กระบี่เป็นก็ไม่แปลก…”

สำนักกระบี่สวรรค์หรือ

อันหลินได้ฟังก็กระจ่างใจ สำนักกระบี่สวรรค์เป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ของแดนจิ่วโจว เป็นสถานที่ที่เซียนกระบี่ทั้งหลายใฝ่ฝัน ที่นั่นมีกระบี่เลื่องชื่อนับไม่ถ้วน เซียนกระบี่อัจฉริยะกลาดเกลื่อน เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งกระบี่ของแผ่นดินบรรพกาล

ในเมื่อศิษย์พี่หลิวเป็นบุคคลที่มาจากที่แห่งนั้น กลายเป็นเซียนกระบี่ทันควัน ก็อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้

ขณะที่กำลังพูด นางก็ฟันหุ่นหมายเลขสี่และหมายเลขห้าเป็นสองท่อน ท่วงท่าปราดเปรียวดุจสายน้ำ ว่องไวปานสายฟ้าฟาด

หุ่นเปลวไฟสีน้ำเงินหมายเลขหกแข็งแกร่งยิ่งนัก นางสิ้นเปลืองแรงไปไม่น้อย แต่สุดท้ายก็กำจัดมันได้ในที่สุด

“ครั้งนี้เอาอยู่แน่!” หวังเสวียนจ้านกำมืออย่างลุ้นระทึก

หลิวเชียนฮ่วนได้หกคะแนน นับว่าเป็นคะแนนที่สูงมากแล้ว พวกเขาจองตำแหน่งอันดับหนึ่งของการประลองครั้งนี้ได้แล้ว

หุ่นดาบคู่ปรากฏตัว แก่นแท้ของหุ่นตัวนี้ยิ่งใหญ่นัก แม้แต่หวังเสวียนจ้านเองก็ตกที่นั่งลำบากในด่านนี้

“นภาเย็นเยือก” หลิวเชียนฮ่วนขยับริมฝีปาก ลำแสงสีน้ำเงินฉายวาบในดวงตา

มีควันสีน้ำเงินห้อมล้อมผิวหนังขาวราวหิมะ กลายเป็นริ้วรอยสีน้ำเงินประดับประดาตามเรือนร่างอรชร

ใบหน้าของนางเฉยชา ย่างเข้าไปหาหุ่นทีละก้าวดุจนางชีผู้เยือกเย็น กระบี่สีฟ้าวาดลวดลายเหนือผิวดิน แผ่ไอเย็นเยียบ

ด้านหลังเป็นผืนหิมะมืดฟ้ามัวดิน

ซิ่วๆ ๆ…

ลำแสงที่ทรงพลังเส้นแล้วเส้นเล่าทะลุมิติ พุ่งไปหาหลิวเชียนฮ่วน

แต่ลำแสงที่ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ กลับหยุดชะงักลงอย่างน่าประหลาดเมื่อเข้าใกล้นางในรัศมีสิบจั้ง จากนั้นก็แข็งตัว

ฝีเท้าของหลิวเชียนฮ่วนย่ำพื้น ร่างก็กระโดดขึ้นสูงร่วมร้อยเมตร กระบี่รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด ฟันหุ่นดาบคู่ทันใด

กลิ่นอายของหิมะม้วนตัวไปทั่วฟ้าดิน ทุกสรรพสิ่งรอบตัวเริ่มเชื่องช้าลง จากนั้นก็แข็งตัว มีเพียงกระบี่ของนางที่รวดเร็วกว่าเดิม…

พรึ่บ

เงากระบี่สีน้ำเงินดุจลำแสงสีขาว ฉีกร่างของหุ่นดาบคู่ให้เป็นสองท่อน

หุ่นดาบคู่ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งถูกกระบี่พิฆาตในเสี้ยววินาที!

จากนั้น แม้แต่หุ่นหยินหยางที่เอาชนะหวังเสวียนจ้านได้ ก็หลบจิตวิญญาณกระบี่ของหลิวเชียนฮ่วนไม่พ้น ถูกฟันจนแหละละเอียด

ครั้งนี้ ผู้ชมทั้งหมดต่างก็ตะลึงงัน

พวกเขามองร่างบนหน้าจอผลึกหินอึ้งๆ พูดอะไรไม่ออกเลยสักประโยคเดียว

นี่มันสาวน้อยนักเวทที่ไหนกัน เซียนกระบี่ไร้เทียมทานชัดๆ!

มาดอันเย็นชา ท่วงท่าที่เย่อหยิ่งและทรงพลัง รูปโฉมที่งามสะคราญ…

ยอดเซียนกระบี่หญิงชัดๆ เลย!

แม้แต่ซูเฉี่ยนอวิ๋นเองก็จับจ้องร่างนั้นด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม ใบหน้าเปี่ยมด้วยความอิจฉา

นางก็มีความฝันอยากเป็นเซียนกระบี่เช่นกัน หวังว่าจะสามารถต่อสู้ได้อย่างสง่างามเฉกเช่นศิษย์พี่หลิวได้

แม้หลิวเชียนฮ่วนจะแข็งแกร่ง แต่ก็แพ้ให้กับค่ายกลกระบี่ไม่สิ้นสุดของหุ่นตัวที่เก้าอยู่ดี

สติกลับคืนมา นางได้ยินผลคะแนนของตัวเอง

“หลิวเชียนฮ่วน แปดคะแนน!”

นักเรียนหลายหมื่นชีวิตโห่ร้องอีกครั้ง บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมา

โดยเฉพาะนักเรียนชายที่ใบหน้าแดงก่ำ ตะโกนเรียกชื่อของนางอย่างบ้าคลั่ง

ใช่แล้ว ผลคะแนนของนางเหนือความคาดหมายของทุกคน นี่เป็นคะแนนที่ทำให้ชาวสรวงสวรรค์คลุ้มคลั่ง มันเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้อิทธิพลกลุ่มอื่นสิ้นหวัง!

ลืมคนที่ใช้โปรแกรมโกงอย่างอันหลินไป ตอนนี้นางกลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุดในสังเวียนแล้ว

แม้หลิวเชียนฮ่วนจะไม่ได้สร้างชื่อให้กับสาวน้อยนักเวท แต่นางสร้างชื่อให้กับตัวแทนนักเรียนของตัวเองได้สำเร็จแล้ว!

“ฝีมือข้าไม่เลวใช่ไหม” หลิวเชียนฮ่วนเดินไปหาอันหลินกับหวังเสวียนจ้าน

เพื่อนอีกสองคนมองนางอึ้งๆ ชูนิ้วโป้งให้ผู้หญิงคนตรงหน้านี้พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

หลิวเชียนฮ่วนหลุดขำกับอากัปกิริยาของชายหนุ่มตรงหน้า รอยยิ้มดุจดอกท้อเดือนสาม ชวนให้ลุ่มหลง