ตอนที่ 213 เอ่ยถามความในใจอีกครั้ง (1)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 213 เอ่ยถามความในใจอีกครั้ง (1)

เหยาเยี่ยนอวี่เผยยิ้มจาง “มีธุระอะไรกับข้าหรือ”

เสวี่ยเหลียนตอบกลับ “คุณชายรองบอกว่าอยากเชิญคุณหนูไปเหลี่ยวเฟิงเซวียนหน่อยเจ้าค่ะ บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณหนูเจ้าค่ะ”

เหลี่ยวเฟิงเซวียนอยู่ไม่ไกลจากชุ่ยยินเกอ เดินผ่านซุ้มดอกจื่อเถิงก็ถึงที่หมาย

ข้างในมีคนพูดคุยเล่นอยู่ เหยาเยี่ยนอวี่ฟังออกได้ทันทีว่าเป็นเสียงของเหยาเหยียนอี้และเหยาเหยียนเอิน และยังมีเสียงของเซียวหลิน

หลังจากเข้าประตู เหยาเยี่ยนอวี่ก็น้อมคำนับให้กับท่านเซียวโหวอย่างมีพิธีรีตอง จากนั้นพี่ชายคนโตเหยาเหยียนเอินก็สื่อให้นางไปนั่งที่เก้าอี้กลมข้างๆ

เหยาเหยียนเอินจึงพูดด้วยความรื่นเริง “น้องรอง ท่านเซียวโหวมีธุระอยากขอให้เจ้าช่วยเหลือ”

“อ้อ?” เหยาเยี่ยนอวี่เงยหน้ามองเซียวหลิน

“ข้าได้สูตรปรุงยามาหนึ่งสูตร ว่ากันว่ามีสรรพคุณช่วยลบรอยแผลเป็น อยากให้คุณหนูเหยาดูหน่อยได้หรือไม่” เซียวหลินพูดไปก็ควักกระดาษสีขาวออกมาหนึ่งแผ่นจากกลางอกแล้วยื่นให้

เหยาเยี่ยนอวี่มองชุ่ยเวยเพียงชั่วพริบตา ชุ่ยเวยเดินหน้าไปรับไว้แล้วส่งมอบให้นาง

เหยาเยี่ยนอวี่เปิดออกอ่าน ข้างบนเขียนชื่อของยาสมุนไพรไม่กี่ชนิดอย่างคาด ทว่ากลับไม่ใช่สูตรปรุงยาอะไร แล้วยังเขียนอักษรขนาดเล็กไว้ข้างหลังหนึ่งบรรทัด ได้โปรดคุณหนูเหยาช่วยเหลือ

เหยาเยี่ยนอวี่จึงเผยยิ้มออกมาทันที “สูตรปรุงยานี้ของท่านเซียวโหวกลับแปลกประหลาดยิ่งนัก ข้าต้องเอากลับมาตั้งใจวิจัยหน่อยถึงจะรู้เจ้าค่ะ”

“อืม ข้าไม่เร่งรีบ อย่างไรก็ลำบากคุณหนูเหยาแล้ว” เซียวหลินพยักหน้าอย่างจริงจัง ท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้เหมือนกำลังเสวนาถึงการใหญ่ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและชีวิตการเป็นอยู่ประชาชน

เหยาเยี่ยนอวี่เหยียดตัวลุกขึ้นแล้วย่อกายเล็กน้อย “ท่านโหวเกรงใจเกินไปแล้ว” ขณะที่กล่าวก็หันไปมองเหยาเหยียนเอินและเหยาเหยีนอี้ “พี่ใหญ่ พี่รอง หากไม่มีอะไรแล้วข้ากลับก่อน?”

เหยาเหยียนเอินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าให้เซียวหลินแล้วหันหลังออกจากเหลี่ยวเฟิงเซวียน

ตลอดทางที่เดินกลับไป มุมปากของนางเผยยิ้มออกมา ชุ่ยเวยมองจนรู้สึกแปลกพิลึก ตอนกลับถึงเรือนของตน เหยาเยี่ยนอวี่ก็เปิดสูตรยานั้นออกมาอีกครั้งแล้วอ่านอีกรอบอย่างละเอียด จากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา

เหวินหยวนเจวี๋ย หมิงชั่นเจี๋ย เพี่ยนเจี้ยจื่อ และตังกุย

ถามหมิงชั่นอยู่ดีมีสุขหรือไม่ เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัวอย่างรื่นเริง เขาคิดว่าตนเองต้องส่งจดหมายหาหั่นหมิงชั่นแน่นอน จึงให้ตนเองเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบของนางแทนเขาหน่อย เรื่องนี้กลับไม่ควรพูดต่อหน้าคนนอก กลัวจะทำให้ชื่อเสียงคุณหนูหันเสื่อมเสีย…ความใส่ใจของท่านเซียวโหวทำให้คนรู้สึกหวั่นไหวจริงๆ

เหยาเยี่ยนอวี่เป็นผู้ที่เห็นความสำคัญเรื่องมิตรไมตรี จึงต้องช่วยเหลือเซียวหลินและหันหมิงชั่นที่ตนให้ความสำคัญเป็นเรื่องธรรมดา

คืนนั้นนางจึงเขียนจดหมายหนึ่งฉบับให้หันหมิงชั่น ในจดหมายนอกจากทูลถามสารทุกข์สุขดิบขององค์หญิงใหญ่และรายงานว่าตนเองเดินทางกลับถึงจวนอย่างราบรื่นแล้วยังเอ่ยถึงเรื่องของท่านเซียวโหว แน่นอนว่าเป็นเรื่องทั่วไป ท่านเซียวโหวได้เข้ารับตำแหน่งแล้ว เหตุเพราะทำงานสายเดียวกัน เขาจึงกลายเป็นสหายที่ดีของพี่ชาย ยังมีเขามาร่วมงานเลี้ยงในจวน เรื่องอื่นก็คงไม่มีอะไรน่าเอ่ยถึงอีก

หลังจากเขียนจดหมายเสร็จเหยาเยี่ยนอวี่ก็รีบหาซองจดหมายมาปิดผนึกให้ดี วันรุ่งขึ้นก็ให้เหยาเหยียนอี้ช่วยส่งกลับไปเมืองหลวง

วันถัดไปยังมีงานเฉลิมฉลองดื่มสุรา ผู้ที่มาเยือนคือมิตรสหายของข้าหลวงเหยา หยินของเหล่าขุนนางก็มาเยือนด้วย เหยาเยี่ยนอวี่แค่เดินเข้าไปน้อมทักทาย หลังจากที่โผล่หน้าไป ตอนที่งานเลี้ยงเริ่มขึ้นก็แอบบอกเจียงซื่อว่าเมื่อคืนตนหลับไม่ค่อยสนิท รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อยจึงกลับเรือนไปพักก่อน

เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ออกหน้าออกตา เหยาเชวี่ยหวาจึงรีบลุกขึ้น เหล่าฮูหยินจากแต่ละครอบครัวก็พาบุตรีของตนเองมาด้วย บางคนก็รุ่นราวคราวเดียวกับเหยาเชวี่ยหวา เจียงซื่อจึงมอบหมายให้นางไปต้อนรับและนั่งเป็นสหายกับคนเหล่านั้น

คุณหนูสามแห่งตระกูลเหยารู้สึกว่านี่คือโอกาสของตนจึงได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการพูดคุยเล่นกับเหล่าสตรีจากแต่ละตระกูล

เหยาเยี่ยนอวี่อ่านตำราอยู่ในเรือนที่พักของตนเงียบๆ มองชุ่ยเวยกับชุ่ยผิงจัดยาสมุนไพรแต่ละชนิดที่เก็บมาจากหุบเขาแล้วก็ให้เฝิงหมัวมัวล้างดักแด้ทองที่อยู่ในขวดให้สะอาดกับมือ จากนั้นก็ให้ใส่เข้าไปในหม้อดินเผาแล้วค่อยๆ คั่วให้เกรียมเล็กน้อย แล้วใช้ที่บดหยกขาวที่ใช้บดเครื่องประทินโฉฒอยู่ประจำมาบดให้เป็นผงค่อยจัดเก็บ

แขกเหรื่อที่มาเยือนต่างก็สังสรรค์กันอย่างเพลิดเพลินไปหนึ่งวัน เหยาเยี่ยนอวี่ก็อยู่อย่างสงบสุขและเป็นอิสระมาหนึ่งวัน

จนถึงยามค่ำคืน เหยาเชวี่ยหวาพาสาวใช้หิ้วกล่องอาหารมาหนึ่งกล่องก็เห็นเหยาเยี่ยนอวี่พิงอยู่บนตั่งไม้ ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถาม “วันนี้พี่สาวเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

เหยาเยี่ยนอวี่เผยยิ้มน้อยๆ “ก็แค่เหนื่อยเล็กน้อย ขี้คร้านขยับ น้องสาวนั่งเถอะ”

เหยาเชวี่ยหวาพูดยิ้มๆ “วันนี้มีของว่างทำจากดอกกุหลาบหนึ่งอย่าง ข้าคิดว่าพี่สาวคงจะชอบจึงสั่งให้คนเก็บไว้หนึ่งกล่องแล้วส่งมาให้พี่สาวชิม” ขณะที่พูดก็สั่งให้สาวใช้เปิดกล่องอาหาร ข้างในเป็นขนมเปี๊ยะกุหลาบบนจานหยกขาว

“น้องสาวช่างมีใจ ขอบใจแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่กล่าวขอบคุณด้วยยิ้มเบิกบาน

“พี่รองยังทำตัวห่างเหินกับข้าเช่นนี้อีกหรือ” เหยาเชวี่ยหวายิ้มจนตาหยี ท่าทางน่าเกลียดน่าชังนัก

เหยาเยี่ยนอวี่มองนางก็นึกถึงสถานการณ์ในดงไผ่เมื่อวานนี้ ภายในใจจึงอดคิดไม่ได้ว่าสาวน้อยที่ไร้เดียงสาเช่นนี้จะมีแผนการทำร้ายผู้อื่นได้อย่างไร หรือว่านางแค่ถูกซ่งเหยียนชิงหลอกล่อ?

คนอย่างซ่งเหยียนชิง…เหยาเยี่ยนอวี่ไม่เคยรู้สึกดีด้วยแม้แต่น้อย

เขาคือหลานชายฝั่งตระกูลผู้ให้กำเนิดฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง เป็นบุตรชายคนเดียวของจิ้งหนานปั๋วคนปัจจุบัน เหตุเพราะเป็นชาติตระกูลสูงศักดิ์และมั่งมี ตั้งแต่เด็กก็มักถูกท่านย่าที่เป็นแม่หม้ายตามใจจนเคยชิน ถูกเลี้ยงดูให้กลายเป็นคนที่มีนิสัยที่ไม่คิดแสวงหาความก้าวหน้า กลับเกิดเป็นคนที่โง่เขลาไม่ใฝ่หาความรู้อีก ดังนั้นจึงถูกคนพวกนั้นป้อยอทำให้เขากลายเป็นคนปลิ้นปล้อนจีบหญิงไปทั่วไม่เอาการเอางาน

เดิมทีเขากับเหยาเยี่ยนอวี่ไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน แค่เพราะว่าสามปีก่อน ครั้งหนึ่งที่เหยาเยี่ยนอวี่ไปร่วมงานในจวนจิ้งหนานปั๋วกับมารดาเอกหวางซื่อ ชุ่ยเวยที่เป็นสาวใช้คนสนิทก็ได้ติดตามไปด้วย บังเอิญชุ่ยเวยเจอกับคุณชายใหญ่ตระกูลซ่งท่านนี้ตรงใต้ชายคาระเบียง ตอนนั้นถูกคุณชายใหญ่โปรดปรานเลยอยากจะแต่งตั้งชุ่ยเวยเป็นอนุภรรยา และยังให้มารดาของเขามาบอกฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง

ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคิดว่าก็แค่สาวใช้คนหนึ่ง หากหลานชายโปรดปรานก็ให้ไป

ทว่าให้ตายอย่างไรชุ่ยเวยก็ไม่ตอบตกลง แค่พูดว่าถ้าออกจากประตูนี้ไปต่อให้ต้องชนฝาผนังตายก็ไม่ไปเป็นอนุภรรยาของจวนจิ้งหนานปั๋ว

เหยาเยี่ยนอวี่จึงไปขอร้องฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง บอกว่าชุ่ยเวยคือสาวใช้คนสนิทของตนที่ติดตามตนมาตั้งแต่เด็ก หากจะให้ไปเป็นอนุภรรยาของลูกพี่ลูกน้องตระกูลซ่ง ชื่อเสียงของตนก็ต้องเสื่อมเสียไปด้วย ถึงเวลาอาจจะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งนึกถึงเช่นนี้จึงปฏิเสธตระกูลซ่งเก็บชุ่ยเวยไว้

และเพราะเรื่องนี้ เหยาเยี่ยนอวี่จึงเกลียดชังซ่งเหยียนชิงอย่างยิ่ง

“พี่รอง?” เหยาเชวี่ยหวาเห็นเหยาเยี่ยนอวี่มองตนเองแล้วไม่พูดไม่จาจึงขานเรียกด้วยเสียงสูง

“อื้ม?” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างรู้สึกผิด “เมื่อครู่เจ้าพูดอะไร ขอโทษด้วย ข้ามัวแต่คิดถึงเรื่องๆ หนึ่งจึงไม่ได้ฟังเจ้า”

เหยาเชวี่ยหวายิ้ม “ข้าไม่ได้พูดอะไรนี่ กลับเป็นพี่สาวไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่ เหตุใดถึงได้เหม่อลอยเช่นนี้”

เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะแผ่วเบาแล้วพูดขึ้น “วันนี้ได้เจอกับน้องสาวแห่งตระกูลซ่งจึงพูดถึงเรื่องตอนเด็กๆ ตอนนั้นเจ้ายังเด็ก หย่าอวิ้นมาเที่ยวเล่นในจวนก็มักจะกลั่นแกล้งเจ้า มีครั้งหนึ่งนางตั้งใจเอาถุงบุหงาที่เจ้าโปรดปรานไปแล้วยืนยันว่านั่นเป็นของนางอย่างหน้าด้านๆ ทำเอาเจ้าร้องไห้ฟูมฟาย”