ตอนที่ 214 เอ่ยถามความในใจอีกครั้ง (2)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 214 เอ่ยถามความในใจอีกครั้ง (2)

“จริงหรือ” เหยาเชวี่ยหวาก็เผยยิ้ม “ข้าจำไม่ได้หมดแล้ว”

“เจ้าต้องจำไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดา ตอนนั้นเจ้ายังมีอายุแค่สองขวบ” เหยาเยี่ยนอวี่ยังคงยิ้มอ่อนโยน

“เรื่องที่เกิดขึ้นนานเยี่ยงนี้พี่สาวยังจำได้อีกหรือ” เหยาเชวี่ยหวากะพริบตาอันแพรวพราว ดวงหน้าแสดงความซาบซึ้ง

“แน่นอน เพราะว่าถุงบุหงาอันนั้นคือสิ่งที่เจ้าโปรดปรานที่สุด ตอนเจ้าเป็นเด็กก็มักจะกอดมันนอนหลับ ตอนป่วยไม่ยอมกินข้าวก็ยิ่งต้องกอดมัน ทำเอาแม่นมของเจ้าต้องหักขนมแล้วใส่เข้าไปในถุงบุหงาจากนั้นแล้วค่อยเอาออกมาเจ้าถึงจะยอมกินขนม”

“อ๊ะ…ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ” เหยาเชวี่ยหวาฟังอย่างคล้อยตาม

เหยาเยี่ยนอวี่พูดอย่างรื่นเริง “มีสิ เพราะว่าถุงบุหงาอันนั้นข้าเป็นคนเย็บปักกับมือ เป็นงานฝีมือชิ้นแรกของข้า เถียนอี๋เหนียงยังบอกว่าพวกเราสองพี่น้องถูกคอกันยิ่งนัก”

“อี๋เหนียงของข้ากล่าวเช่นนี้ไม่ผิดเลยจริงๆ ข้ากับพี่สาวถูกคอกันมาก” เหยาเชวี่ยหวายิ้มอ่อนหวาน

“ใช่ ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น” เหยาเยี่ยนอวี่มองเหยาเชวี่ยหวาด้วยสีหน้านิ่งสงบและอ่อนโยน แววตานิ่งเฉยจับจ้องเหยาเชวี่ยหวา แต่เหยาเชวี่ยหวากลับไม่กล้าสบตา เบนหน้าเบือนสายตาไปทางอื่น

การไม่กล้าสบตากับฝ่ายตรงข้ามแสดงว่าภายในใจมีพิรุธ

เหยาเยี่ยนอวี่แสยะยิ้มเย็นชาในใจแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบเฉย “วันนี้การแสดงละครเพลงตรงเรือนหน้าสนุกหรือไม่ น้องสาวเพลิดเพลินหรือเปล่า”

“ก็สนุกสนานดีเจ้าค่ะ” เหยาเชวี่ยหวายื่นมือไปจับมือเหยาเยี่ยนอวี่แล้วพูดขึ้น “แค่ขาดพี่สาวไป ต่อให้ละครเพลงจะสนุกเพียงใดก็ไร้ความหมาย”

“จริงหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะแผ่วเบาอีกครั้ง “ทว่าตั้งแต่เด็กข้าก็ไม่โปรดปรานละครเพลงพวกนั้น พูดจาพร่ำเพรื่อฟังไม่รู้ความว่ากำลังร้องอะไรกันอยู่”

“ไม่หรอกกระมัง เมื่อวานพี่สาวยังบอกว่าฟังแล้วเคลิ้มตามมิใช่หรือ” เหยาเชวี่ยหวานิ่งงัน ภายในใจของนางไม่โปรดปรานในการชมแสดงเพลง? มองไม่ออกเลยจริงๆ คนในจวนไม่มีใครบอกว่าคุณหนูรองไม่โปรดปรานละครเพลงนี่

“เมื่อวาน?” เหยาเยี่ยนอวี่เผยยิ้มอ่อนๆ ยังคงมองเหยาเชวี่ยหวาอย่างนิ่งเฉยและถามกลับ “ใช่ หรือเจ้ารู้สึกว่าข้าฟังจนเคลิ้มตาม?”

เหยาเชวี่ยหวารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ช่างน่าแปลก เหมือนพี่รองตรงหน้าเปลี่ยนเป็นคนละคน

“คุณหนูรอง คุณหนูสาม ฮูหยินผู้เฒ่าให้ไปรับมื้อค่ำที่เรือนเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของเหยาเชวี่ยหวานามจื่อหลิงโค้งลำตัวพลางบอกเตือน

“พี่รอง พวกเราไปเรือนฮูหยินผู้เฒ่ากันเถอะ” เหยาเชวี่ยหวาเหมือนหาข้ออ้างได้ทันทีจึงยืนขึ้นอย่างร้อนใจ

เหยาเยี่ยนอวี่ส่งยิ้มอ่อนๆ “ข้ายังรู้สึกเวียนศรีษะเล็กน้อยคงไม่ไปแล้ว รบกวนน้องสามช่วยบอกฮูหยินผู้เฒ่าด้วย”

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นพี่สาวพักผ่อนเถอะ ข้าขอตัว” เหยาเชวี่ยหวาคลี่ยิ้มแล้วพาจื่อหลิงจากไปอย่างเร่งรีบ

หลังจากพ้นประตู เหยาเชวี่ยหวาก็อดหันกลับไปชำเลืองมองแล้วขมวดคิ้วไม่ได้ “จื่อหลิงเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าวันนี้พี่รองดูแปลกๆ”

“เช่นนั้นเจ้าค่ะ บ่าวสังเกตเห็นตั้งนานแล้ว” จื่อหลิงกดเสียงต่ำแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ

สองวันนี้ในจวนยุ่งวุ่นวายมากๆ หมัวมัวสองคนที่ติดตามเหยาเชวี่ยหวาก็ถูกเรียกไปช่วยงานด้วย หวางฮูหยินคิดถึงเรื่องที่ผลักไสเถียนซื่อออกจากจวนได้จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างไอลีนโนเวล

“เจ้าก็รู้สึกหรือ” เหยาเชวี่ยหวาเม้มปากแล้วขมวดคิ้วสวย “เมื่อครู่ตอนที่นางมองข้า ข้ารู้สึก…หวาดกลัวมาก”

จื่อหลิงพูดขึ้นอย่างลังเล “บ่าวกลับไม่รู้สึกหวาดกลัว แค่รู้สึกว่าคำพูดของคุณหนูรองเหมือนมีความหมายอย่างอื่น ทว่าบ่าวโง่เขลาจึงคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจจริงๆ”

“ช่างเถอะ ข้าก็ไม่กระจ่างเหมือนกัน” เหยาเชวี่ยหวายกเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบจากนั้นก็พูดเสริม “ทุกคนมักจะบอกว่านางกลับจากเมืองหลวงในครั้งนี้เหมือนเปลี่ยนไปคนละคนก่อนหน้านี้ข้ายังไม่รู้สึก ตอนนี้เพิ่งมารู้สึก…นางเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริงๆ”

ในขณะนี้ ณ เรือนของเหยาเหยียนเอิน

เจียงซื่อยุ่งมาทั้งวัน รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ทว่ายังต้องเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวไปปรนนิบัติรับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งรับมื้อค่ำ

สาวใช้เอกนามไป่เซียงจัดระเบียบเสื้อของเจียงซื่อไปด้วย ในขณะเดียวกันก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อวานมีผัวจื่อบอกกับบ่าวว่าเห็นคุณหนูสามเดินเคียงไหล่กับคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซ่งเจ้าค่ะ”

เจียงหนิงนิ่งงันไปทันทีแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “คำพูดเช่นนี้ห้ามพูดขึ้นเรื่อยเปื่อยเชียว”

ไป่เซียงตอบกลับด้วยเสียงต่ำ “หลิวซุ่นเจียเป็นคนเห็นเจ้าค่ะ ปกตินางไม่ใช่คนที่จงใจหาเรื่องอยู่แล้ว บ่าวคิดว่าคำพูดของนางต้องเป็นความจริงจึงมามารายงานฮูหยินเจ้าค่ะ”

เจียงซื่อขมวดคิ้ว “ซ่งเหยียนชิง! ช่างร้ายกาจยิ่งนัก! อยู่ข้างนอกก็มีความสัมพันธ์กับแม่นางคนอื่น โปรดปรานสตรีไปทั่ว เขาไม่ควรเอาความคิดที่ไม่ถูกหลักทำนองคลองธรรมมาใช้กับคนในตระกูลเรา! คุณหนูสามเพิ่งจะสิบเอ็ดปี เขาอยากทำอะไรกันแน่!”

ไป่เซียงหันหลังเลิกม่านขึ้นแล้วสั่งการสาวใช้สองคนที่อยู่ตรงประตู “พวกเจ้าออกไปก่อน”

สาวใช้สองคนขานรับแล้วออกไปพลางปิดประตู ไป่เซียงจึงหันกลับไปพูดกับเจียงซื่อด้วยเสียงเบา “ฮูหยินเจ้าคะ เรื่องนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกเจ้าค่ะ บ่าวได้ยินมาว่าหวางฮูหยินส่งตัวเถียนอี๋เหนียงไปสวดมนต์ที่วัดก็เพราะคุณหนูสามไปถามไถ่เรื่องของท่านเซียวโหวกับคุณหนูรอง จึงถูกคุณหนูรองตำหนิมาสองสามคำ พอกลับเรือนเลยทำสีหน้าไม่มีความสุข หลังจากหมัวมัวที่ติดตามคุณหนูสามรู้เรื่องอย่างกระจ่างแจ้งจึงไปรายงานสาเหตุให้กับหวางฮูหยิน หวางฮูหยินกลัวว่าสองสามวันนี้เถียนอี๋เหลียงจะสร้างปัญหาเลยส่งนางออกไปข้างนอก เดิมทีเถียนอี๋เหลียงยังส่งมอบแจกันเขียนสีบนเคลือบแบบเฝินไฉ่ลายเด็กนับร้อยหนึ่งคู่ให้กับฮูหยินรองเพื่อขอให้ฮูหยินรองช่วยเรื่องนี้ ทว่าคงไม่ทันการเจ้าค่ะ”

เจียงซื่อขมวดคิ้วและยิ้มเย็นชา “คนพวกนี้จ้องจะฉวยโอกาสกอบโกยผลประโยชน์ ไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้จริงๆ มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่คิดได้!”

“ทว่าเรื่องนี้บ่าวนึกไม่ออก แม้ว่าคุณหนูสามจะเป็นนายหญิง ทว่าตามฐานะของจิ้งหนานปั๋วแล้วต้องไม่เห็นนางอยู่ในสายตา หรือว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซ่งแค่…”

“นี่ก็ไม่แน่ไม่นอน บิดาของเขาไม่ค่อยมีงานให้ทำ แค่รับเบี้ยเลี้ยงจากราชสำนักไปวันๆ แม้กระทั่งหน้าที่การงานที่แท้จริงก็ยังไม่มี ทั้งปีก็ได้รับแค่เบี้ยเลี้ยงเท่านั้น หากไม่มีศักดินาที่ดินที่ตกทอดจากบรรพบุรุษก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร มีบรรพบุรุษคอยเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร แต่พอถึงรุ่นของเขาก็พังพินาศจนหมด คุณชายใหญ่ผู้นี้ยังเป็นบุรุษผู้ลากมากดีที่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ เอาแต่ผลาญเงินจากกิจการที่ตกทอดจากบรรพบุรุษโดยไม่ทำงานทำการเท่านั้น! เจ้าดูสภาพเยี่ยงนั้นสิ ชาตินี้ก็คงไม่มีอนาคตอะไร หากเขาสู่ขอคุณหนูที่เป็นบุตรีอนุภรรยาของตระกูลของพวกเราไปก็ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว” เจียงซื่อแสยะยิ้มอย่างเย็นชา

“มิน่าล่ะ ช่วงนี้จิ้งหนานปั๋วฮูหยินถึงได้มาเยี่ยมเยียนฮูหยินผู้เฒ่าบ่อยๆ หรือว่าจะวางแผนจับคุณหนูสาม?”

“ข้ามองว่าไม่จำเป็น!” เจียงซื่อพูดด้วยเสียงในลำคอ “ต่อให้วางแผนอะไรก็ต้องเป็นคุณหนูรอง ข้าว่าฮูหยินผู้เฒ่าก็เห็นด้วยเช่นนี้”

ไป่เซียงได้ยินจึงนิ่งงันแล้วอุทานต่อ “เช่นนั้นคุณหนูรองของพวกบ่าวคงไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วสิ”

“เจ้าอย่ากังวลไปเลย เรื่องนี้ไม่มีทางสำเร็จ” เจียงซื่อพูดขึ้นแล้วส่องคันฉ่องพร้อมกับลูบจับไรผมบนผมมวยและดันดอกไม้กำมะหยี่สีแดงเข้าไป “ได้ข่าวว่าตอนอยู่เมืองหลวง เจิ้นกั๋วกงเป็นพ่อสื่อให้กับแม่ทัพติ้งหย่วนและคุณหนูรอง นายท่านผู้เฒ่าไม่ตกลง เจ้าคิดว่าครั้งนี้นายท่านผู้เฒ่าจะยอมให้คุณหนูรองแต่งเข้าไปในตระกูลซ่งหรือ”

“โธ่! ยังมีเรื่องเช่นนี้ จริงหรือเจ้าคะ บ่าวนึกว่าเป็นเรื่องข่าวลือเสียอีก”

“จริงไม่จริงวันนี้แม่ทัพติ้งหย่วนมาเมืองเจียงหนิง อีกอย่าง เขายังสนิทสนมกับคุณชายรอง ใครจะพูดได้ว่าเรื่องนี้ไม่มีสาเหตุใดแอบแฝง”