ตอนที่ 315 ทำตัวให้มีมนุษยธรรมหน่อยได้ไหม / ตอนที่ 316 ตั้งใจสร้างสถานการณ์?

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 315 ทำตัวให้มีมนุษยธรรมหน่อยได้ไหม

 

 

ขณะที่หลินเยียนกำลังจะเอ่ยปากอธิบาย เฉินเจามู่ก็เริ่มเดาเอาเองโดยไม่สนใจใคร “คงไม่ใช่เว่ยสวีเฟิงหรอกนะ? ก่อนหน้านี้ฉันยังแปลกใจมาก ด้วยนิสัยของเว่ยสวีเฟิง แต่เขากลับไม่ได้ไล่เธอออกจากกองถ่าย ที่แท้พวกเธอก็…”

 

 

ไม่รอให้เฉินเจามู่พูดจบ เว่ยสวีเฟิงก็พูดขัดเขาด้วยใบหน้าถมึงทึง “เฉินเจามู่ นายอยากตายใช่ไหม?”

 

 

ดาราสาวที่ไม่มีความสามารถ เอาแต่พึ่งแต่การสร้างกระแสเพื่อความโด่งดังอย่างหลินเยียน เป็นคนประเภทที่เขาดูถูกมากที่สุด

 

 

ในสายตาเขา มีแค่ผู้หญิงที่ไม่เคยพึ่งพาใครและความความเท่สุดๆ อย่างบอสเท่านั้น ถึงเป็นคนที่มีเสน่ห์และน่าลุ่มหลงมากที่สุด!

 

 

เขาไม่อยากถูกผู้หญิงอย่างหลินเยียนทำให้แปดเปื้อน!

 

 

เฉินเจามู่หัวเราะจนเหมือนจิ้งจอก “เอาเถอะๆ เกือบลืมโพสต์เวยปั๋วปักหมุดของนายไป! ยิ่งไปกว่านั้นฉันจำได้ว่านายเคยสาบานเอาไว้ว่าจะรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองเพื่อรอคอยเทพธิดาเยวาของนาย!”

 

 

เว่ยสวีเฟิงแค่นเสียงครั้งหนึ่ง

 

 

เมื่อเฉินเจามู่พูดจบก็เบนสายตาไปที่หันอี้เซวียน จากนั้นก็พูดเดาต่อไป “อย่างงั้นก็เป็น…พี่เซวียน?”

 

 

เพิ่งจะพูดจบ สีหน้าของหันอี้เซวียนก็เย็นชาขึ้นอีกหลายส่วน มองหลินเยียนด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง คล้ายกำลังเตือนหลินเยียนว่าอย่าพูดเหลวไหล

 

 

เฉินเจามู่พูดพึมพำออกมาอีกว่า “เพียงแต่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้นะ…”

 

 

มีใครไม่รู้บ้างว่าหันอี้เซวียนเป็นคนมีเจ้าของแล้ว

 

 

ไม่รอให้เฉินเจามู่พูดประโยคนี้ออกมา หลินเยียนใช้สายตามองกวาดผ่านใบหน้าหันอี้เซวียน จากนั้นก็พูดท่าทีไม่ใส่ใจออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ตาฉันไม่ได้บอดเสียหน่อย!”

 

 

 

 

 

เมื่อหลินเยียนพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของหันอี้เซวียนก็ยิ่งแย่ลงไปอีกทันที

 

 

เดิมทีเขานึกว่าที่หลินเยียนพูดจาแบบนี้ เพราะต้องการมารบร้าพัวพันเขา ป่าวประกาศไปทั่วว่าเขาเป็นแฟนเธอเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เธอกลับปฏิเสธทันที แถมยังพูดจาแบบนี้ออกมาอีกด้วย

 

 

เฉินเจามู่กลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยต่อคำตอบที่ไม่ไว้หน้าขนาดนี้ของหลินเยียน เขานึกว่าเธอจะเกาะแกะหันอี้เซวียนเสียด้วยซ้ำ…

 

 

จากนั้นไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมาได้ เฉินเจามู่มองถังจยาเยี่ยซึ่งกำลังเขียนการบ้านอยู่ข้างหลังด้วยความตื่นตระหนก มองหลินเยียนพร้อมพูดด้วยความประหลาดใจออกมาว่า “หนุ่มน้อยของเรายังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ! เธอทำตัวให้มีมนุษยธรรมหน่อยได้หรือเปล่า?”

 

 

“แค่กๆๆๆ …” ถังจยาเยี่ยไอสำลักออกมาทันที เขาโบกมือด้วยความยากลำบาก “ไม่ใช่…ผม…ผมไม่ใช่…”

 

 

หลินเยียนกำหมัดแน่น ถลึงตามองไปด้วยความรู้สึกเหลืออดเหลือทน “ใครบอกว่าเป็นเขา! คุณน่ะสิ ควรทำตัวให้มีมนุษยธรรม โอเคไหมคะ!”

 

 

ที่แท้สมองกำลังคิดบ้าอะไรอยู่นะ!

 

 

“แต่ก็ไม่ใช่ฉันนี่นา งั้นจะเป็นใครได้ล่ะ?” เฉินเจามู่ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยใคร่รู้

 

 

หลินเยียนกลอกตาค้อนเขา “ฉันพูดว่าเป็นหนึ่งในพวกคุณอย่างงั้นเหรอ? ขอร้องล่ะ อย่าคิดเพ้อเจ้ออีกได้หรือเปล่าคะ รุ่นพี่เฉิน!”

 

 

 

 

ตลอดเส้นทางนี้ หลินเยียนถูกเฉินเจามู่ทำให้โมโหเกือบตาย

 

 

ในที่สุดก็อดทนจนถึงทางเข้าโรงแรม ด้วยความยากลำบาก หลินเยียนแทบจะเหาะลงจากรถเลยทีเดียว

 

 

ภายในห้องจัดเลี้ยง พวกของเฝิงอันหวามาถึงแล้ว

 

 

เมื่อเห็นเฝิงอันหวา หลินเยียนก็เดินปรี่เข้าไปหาทันที “โปรดิวเซอร์เฝิงคะ…”

 

 

“ไอ้หยา หลินเยียน เธอมาถึงแล้วเหรอ!” เมื่อเห็นหลินเยียนคล้ายสีหน้าไม่สู้ดี เฝิงอันหวาจึงเอ่ยปากถาม “เป็นอะไรน่ะ?”

 

 

หลินเยียนสูดลมหายใจลึกๆ “โปรดิวเซอร์เฝิง คุณเป็นคนเรียกรถกองถ่ายมาใช่หรือเปล่าคะ?”

 

 

“ใช่แล้วล่ะ ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะ กองถ่ายเราดูแลดาราแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ!” เฝิงอันหวากล่าวระคนหัวเราะ

 

 

หลินเยียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “งั้นคุณทราบหรือเปล่าว่าบนรถยังมีคนอื่นอยู่อีก?”

 

 

“เหมือนคุณชายเว่ยก็อยู่ด้วยนะ ทำไมเหรอ?” เฝิงอันหวาไม่เข้าใจ

 

 

หลินเยียน “หันอี้เซวียน เฉินเจามู่ ถังจยาเยี่ยก็อยู่บนรถด้วยค่ะ”

 

 

เฝิงอันหวา “เอ่อ…”

 

 

 

 

ตอนที่ 316 ตั้งใจสร้างสถานการณ์?

 

 

จากนั้นเฝิงอันหวาก็มองเห็นเว่ยสวีเฟิง หันอี้เซวียน เฉินเจามู่ รวมทั้งถังจยาเยี่ยทยอยเดินตามเข้ามาอยู่ด้านหลังหลินเยียน

 

 

เฝิงอันหวาจ้องมองคนทั้งหลายที่เข้ามาพร้อมกัน เขานิ่งอึ้งทันที ผ่านไปเนิ่นนานถึงจะพูดเสียอ่อยออกมาว่า “ทำไมพวกเขาสามคนก็อยู่ด้วยล่ะ”

 

 

หลินเยียนนวดหัวคิ้ว ถอนหายใจพร้อมตอบว่า “โปรดิวเซอร์เฝิง เพราะวันนี้ฉันถ่ายปิดกล้องแล้ว ไม่ต้องใช้งานอีก คุณเลยคิดที่จะกำจัดทิ้งงั้นเหรอคะ”

 

 

เฝิงอันหวารีบกระแอมเบาๆ หลายครั้ง “เหอะๆ หลินเยียน ดูเธอพูดเข้าสิ พูดอะไรออกมาน่ะ เข้าใจผิดๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะขึ้นรถคันนั้นเหมือนกัน คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ”

 

 

หลินเยียนซึ่งเพิ่งหลุดพ้นจากด่านมรณะหมดอารมณ์ที่จะพูดอะไรแล้วจริงๆ

 

 

“โชคที่ไม่ได้เกิดเรื่องอะไร ถ้าถูกปาปารัซซี่ถ่ายได้ ฉันคงถูกแฟนคลับของคนพวกนั้นลากตัวไปสังเวยแน่ค่ะ!”

 

 

ถูกแอนตี้แฟนลากตัวไปสังเวยเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าให้เผยอวี้เฉิงรู้เข้า นั่นต่างหากที่เธออย่าหวังว่าจะมีชีวิตอยู่เลย…

 

 

เฝิงอันหวาพูดปลอบใจ “ที่จริงนะ จะถูกถ่ายก็ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าสร้าง KPI[1] ให้ฝ่ายพีอาร์ของกองถ่ายเราก็แล้วกันนะ! ข่าวฉาวของเธอทำให้เกิดกระแสได้ไม่น้อยเชียว!”

 

 

แถมยังเป็นเฟรมที่ต้องดังระเบิดแบบนี้อีกด้วย…

 

 

หลินเยียนพอได้ยินก็หน้าตาถมึงทึง สงสัยเฝิงอันหวาอย่างรุนแรงว่าตั้งใจสร้างสถานการณ์ มิหนำซ้ำยังอยากให้เป็นกระแสแรงอีกด้วย…

 

 

วันนี้คนในกองถ่ายมากันครบถ้วน ตั้งแต่ผู้กำกับ ผู้ช่วยผู้กำกับ คนเขียนบท ไปจนถึงโปรดิวเซอร์ นอกจากนั้น นักแสดงหลักในเรื่องต่างก็มากันหมด

 

 

แม้หันอี้เซวียนจะเป็นแค่ดาราสมทบ แต่เพราะเขาดังมาก ซ้ำยังมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงได้รับเชิญเช่นกัน มิหนำซ้ำยังได้นั่งอยู่ในตำแหน่งที่เป็นรองจากเผยหนานซวี่ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งหัวโต๊ะเท่านั้น

 

 

ก่อนหน้านี้ฐานะคุณชายใหญ่ตระกูลหันของหันอี้เซวียนไม่ได้ปรากฏสู่สาธารณชน แต่เพราะข่าวแฉของปาปารัซซี่ครั้งหนึ่ง ทุกคนถึงรู้ว่าที่แท้หันอี้เซวียนคือคุณชายใหญ่ของตระกูลหันอันยิ่งใหญ่ซึ่งมีชื่อเสียงในเมืองตี้ตู ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นไม่น้อย

 

 

อันจริงแรกเริ่มนั้นหลินเยียนก็ไม่รู้เช่นกัน ตอนที่เธอรู้จักกับหันอี้เซวียน เขายังเป็นแค่นักเรียนนอกธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น หลังจากคบหากันนานแล้ว เธอถึงรู้ชาติกำเนิดของหันอี้เซวียน

 

 

เพียงแต่ตอนนั้นเธอไม่ได้รู้สึกอะไร อย่างไรเสียคนรวยในวงการแข่งรถก็มีมากมายเสียเหลือเกิน คนในระดับเขาก็ยิ่งมีอยู่เต็มไปหมด แค่ลากใครออกมาคนนั้นก็มีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้านแล้ว นั่นเพราะหากตัดนักแข่งรถที่มีพรสวรรค์อันน่ามหัศจรรย์พวกนั้นออกไป ถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีทางมาเล่นรถแข่งไหวแน่ คนที่แข่งรถไหว จะกี่มากน้อยสถานะก็ต้องไม่ธรรมดา

 

 

ต่อมา มีอยู่ครั้งหนึ่งหลินเยียนเปิดเผยชาติตระกูลหันอี้เซวียนแก่หลินซูหย่าโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

 

หลินซูหย่าอาจเริ่มมีใจให้หันอี้เซวียนตั้งแต่ตอนนั้นก็เป็นได้

 

 

หลินซูหย่ารู้ฐานะของหันอี้เซวียนตั้งแต่แรก แต่หลังจากนั้นหลินเยียนกลับได้ยินหันอี้เซวียนพูดจาปาวๆ ว่ามีแค่หลินซูหย่าที่รักที่ตัวเขาจริงๆ ไม่ได้ชอบที่เงินของเขา…

 

 

ทุกการสัมภาษณ์ หลินซูหย่าบอกว่าตัวเองเห็นข่าวถึงได้รู้สถานะที่แท้จริงของหันอี้เซวียนเช่นกัน…

 

 

หลินเยียนได้แต่หัวเราะหึๆ

 

 

หลังจากเฝิงอันหวาพูดปลอบใจหลินเยียนอย่างขอไปทีไปหลายประโยคก็รีบไปทักทายคนทั่วทั้งงานราวกับผีเสื้อ

 

 

เมื่อเผยหนานซวี่เห็นหลินเยียนมาถึงโดยสวัสดิภาพจึงรู้สึกวางใจ ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา หน้าจอขึ้นคำว่า ‘พี่ใหญ่’ ดังนั้นเขาจึงรีบผลักประตูออกไปรับโทรศัพท์

 

 

หลินเยียนที่อยู่ด้านข้างกวาดตามองโต๊ะกลม หาตำแหน่งที่ไม่สะดุดตาแล้วนั่งลงไป

 

 

หลังจากนั่งอย่างสบายใจแล้ว หลินเยียนพลันนึกปัญหาขึ้นมาได้ข้อหนึ่ง!

 

 

แย่แล้ว เธอลืมตอบข้อความเผยอวี้เฉิง!

 

 

หลินเยียนรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดเปิดวีแชท จ้องมองประโยคสุดท้ายของเผยอวี้เฉิงที่เขียนว่า ‘คุณหลิน คิดถึงเธอจนไม่สบาย’ ประโยคนั้น สองแก้มร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวขึ้นมาอีกครั้ง