ความง่วงถูกชายหนุ่มผู้มากับดอกไม้ทำให้จางหายไปจนหมด
หลินเมิ้งหยาทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียง มือลูบไล้หน้าผาก
เมื่อครู่นางสูญเสียการควบคุมตัวเองจึงทั้งด่าและร้องไห้ต่อหน้าหลงเทียนอวี้
น่าขายหน้าชะมัด!
เฮ้อ แล้วแบบนี้จะไปมีหน้าไปพบเขาได้อย่างไร
“พี่สาวรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
อยู่ๆ เสียงของหลินจงอวี้ดังขึ้นที่ด้านนอก
หลินเมิ้งหยาหันไปทางหนุ่มน้อย เขากอดเสื้อผ้าชุดหนึ่งเอาไว้ ใบหน้างดงามดั่งหยกฉีกยิ้มสดใส
“นั่นเสื้อผ้าใครกันเล่า?”
หลินจงอวี้ทำเพียงยิ้ม ทว่าสีหน้ากับเจ้าเล่ห์อย่างบอกไม่ถูก
“ท่านลองเดา!”
หลินเมิ้งหยาผงะ ดูเอาเถิด เขาถูกชิงหูสั่งสอนจนเสียคนแล้ว
รีบหยิบเสื้อผ้าในมือหลินจงอวี้ ป้ายหยกแขวนเอวอันหนึ่งหล่นลงบนพื้น
“นี่คือ…ของท่านอ๋อง? เจ้าคงไม่ได้…จับท่านอ๋องถอดเสื้อผ้ามาใช่หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาตกตะลึงดวงตาเบิกกว้าง นางกลับได้เห็นหลินจงอวี้ยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกหงัก
สวรรค์โปรด! นี่ถึงขั้นจับหลงเทียนอวี้ถอดเสื้อผ้าแล้วนำมาที่นี่กระนั้นหรือ แย่แล้ว แย่แล้ว คนของตำหนักหลิวซินจะต้องถูกหลงเทียนอวี้ลงโทษกันหมดแน่
ขณะเดียวกัน หลงเทียนอวี้ขมวดคิ้วแน่น ยืนนิ่งอยู่ริมสระน้ำ
เสื้อผ้าของเขาวางอยู่ตรงนี้นี่นา หรือพ่อบ้านเติ้งจะเอาไป?
ไม่มีทาง หากเอาไป เขาจะต้องนำชุดใหม่มาเปลี่ยนแล้ววางที่นี่
สระน้ำตำหนักฉินหวู่ แม้จะไม่ใหญ่แต่อุณหภูมิอุ่นกำลังพอดี
จวนอวี้เป็นตำหนักที่ฮ่องเต้เคยประทับอยู่ เหตุเพราะภายในมีบ่อน้ำร้อน จวนแห่งนี้จึงถูกพวกองค์ชายต่างพากันแย่งชิง
แต่เพราะฮ่องเต้รักและเอ็นดูเขา หลังจากที่เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พระองค์จึงมอบจวนแห่งนี้ให้
นับตั้งแต่ออกจากตำหนักของหลินเมิ้งหยา เขารู้สึกสับสนกระวนกระวายใจยิ่งนัก จึงลงมาอาบน้ำเพื่อผ่อนคลายอารมณ์
แต่เพราะเหตุใดเสื้อผ้าที่วางเอาไว้จึงหายไป?
ไม่ไกล ร่างบางร่างหนึ่งเยื้องย่างเข้ามาที่ริมสระน้ำ
หลงเทียนอวี้หมุนตัว เขาเห็นเป็นเจียงหรูฉินซึ่งกำลังยกยิ้มยั่วยวน ในมือถือเสื้อผ้าและเข้ามายืนด้านหลังของเขา
“ท่านพี่ ข้านำเสื้อผ้ามาให้”
ยังไม่ทันจะพูดอะไร ใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความเขินอาย
วันนี้เจียงหรูฉินสวมชุดผ้าโปร่งชิ้นเดียว กลิ่นหอมยั่วยวนลอยฟุ้งออกมาจากร่างของนาง
ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ เส้นผมเกล้าเป็นมวยปักปิ่นไข่มุกหนึ่งอัน
ส่งยิ้มอ่อนหวาน ใบหน้างดงามเกินพรรณนา
เสน่ห์ดึงดูดในตอนนี้ทำให้พวกผู้ชายสูญเสียสติสัมปชัญญะ
มือหนาของหลงเทียนอวี้ยื่นไปด้านหน้าเจียงหรูฉิน เจียงหรูฉินที่ไร้ประสบการณ์หายใจเข้าออกเร็วขึ้นกว่าเดิม
ดูเหมือนท่านป้าจะพูดถูก ขอเพียงนางทำตัวไร้ยางอายสักหน่อย ท่านพี่ก็จะต้องตกเป็นของนาง
แต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงก็คือมือหนาทำเพียงเอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าเพียงเท่านั้น
“ท่านพี่ ข้าช่วยท่านดีหรือไม่?”
ส่งเสียงสั่นเครืออย่างน่าสงสาร ราวกับว่านางยินยอมทำทุกอย่าง
ทว่าสีหน้าของหลงเทียนอวี้กลับเคร่งขรึมลง
เขาไม่ชอบเจียงหรูฉินที่เป็นแบบนี้ อาจพูดได้ว่าเกลียดเลยด้วยซ้ำ
“ออกไป”
หยิบป้ายแขวนเอวที่มือของนางมาแขวนเอวของตนเองเอาไว้
เสื้อผ้าชุดนี้เป็นของเขา แม้แต่ป้ายแขวนเอวเองก็เป็นของเขา
เจียงหรูฉินแอบเข้าไปในห้องของเขาตอนที่เขาไม่อยู่
น่ารังเกียจเหลือเกิน
“ต่อจากนี้ไป หากข้าไม่อนุญาต ห้ามเข้าไปในห้องของข้าเด็ดขาด”
น้ำเสียงเย็นชาจนเจียงหรูฉินหวาดผวา
ต่อให้นางใสซื่อไร้เดียงสาอย่างไร นางก็ฟังออกว่ามีความรู้สึกรังเกียจปะปนอยู่ในน้ำเสียง
“ท่านพี่ ข้าเพียงแค่ชอบท่านเท่านั้น เพราะเหตุใด…เพราะเหตุใดท่านจึงไม่ชอบข้า?”
เจียงหรูฉินอดทนต่อไปไม่ไหว นางร้องไห้แล้วตะโกนตัดพ้อ
ทว่า หลงเทียนอวี้กลับตอบโดยไม่หันหน้ากลับมา
“เจ้าไม่มีค่าพอ”
นับตั้งแต่วันที่เจียงหรูฉินสั่งให้ซิ่งเอ๋อร์ใส่ร้ายหลินเมิ้งหยา นางมิใช่น้องสาวคนเดิมที่หลงเทียนอวี้รู้จักอีกต่อไป
แม้หลินเมิ้งหยาจะโหดเหี้ยมอำมหิตแต่นางเป็นคนมีความยุติธรรม มีความรักและเมตตา
เจียงหรูฉินเพียงแค่อยากได้ตำแหน่งชายาอวี้เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนเองแต่เพียงเท่านั้น
ต่างกับหลินเมิ้งหยา นางพยายามสุดชีวิตเพื่อจะผลักตำแหน่งนี้ออกไป
แปลกเหลือเกิน เหตุใดหยดน้ำตาของนางในตอนนั้นจึงทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดถึงขนาดนี้?
“พวกเจ้า! น่ารำคาญเกินไปแล้ว”
ภายในตำหนักหลิวซิน มือทั้งสองข้างของชิงหูและหลินจงอวี้จับอ่างน้ำบนศีรษะ กระพริบตาปริบๆ อย่างน่าสงสารขณะมองทางหลินเมิ้งหยา
“เสี่ยวป๋าย เสือน้อย พวกเจ้าจงช่วยข้าจับตามองพวกเขาเอาไว้ ห้ามมิให้ขยับเป็นอันขาด”
สัตว์เลี้ยงทั้งสองโตขึ้นกว่าเดิมมาก สัญชาตญาณเพิ่มมากขึ้น สายตาจับจ้องไม่ไหวติง
“พี่สาว ข้ากับชิงหูเพียงแค่คิดว่าเจ้านั่นไม่ควรมารังแกท่านแต่เพียงเท่านั้น”
หลินจงอวี้มองทางหลินเมิ้งหยาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย ทว่าชิงหูกระพริบตาปริบๆ มุมปากเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะมองทางหลินเมิ้งหยา
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าหวังดี แต่บางเรื่องก็มิควรบุ่มบ่ามเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้น เขามิได้กลั่นแกล้งข้า ข้าเพียงแต่โวยวายใส่เขาเท่านั้น”
นางจะตำหนิทั้งสองได้อย่างไร?
นับตั้งแต่วันที่มาอยู่ที่นี่ ชิงหูกับหลินจงอวี้ดีต่อนางเสมอมา
แม้ทั้งสองมักจะสร้างความประหลาดใจให้ปวดหัวอยู่เรื่อยก็ตาม
“เอาล่ะ ไม่ลงโทษพวกเจ้าแล้วก็ได้ ข้าจะนำเสื้อผ้าไปคืน พวกเจ้าจงอยู่ที่นี่ เสี่ยวป๋าย เสือน้อย จับตามองพวกเขาให้ดี”
ชิงหูกับหลินจงอวี้ถลึงตาใส่สัตว์เลี้ยงทั้งสอง
อดที่จะคร่ำครวญมิได้ มีชีวิตอยู่มาตั้งนาน สวัสดิการที่ได้ยังไม่ดีเท่าเจ้าสองตัวนี้เลย
หลินเมิ้งหยาเค้นถาม ก่อนจะรู้ว่าหลงเทียนอวี้อยู่ที่สระน้ำ
นางหอบเสื้อผ้าไว้ในอ้อมแขนก่อนจะมุ่งหน้าไปที่นั่น แต่ใครจะรู้ว่าเจียงหรูฉินจะเดินสวนออกมาจากด้านใน
ขอบตาแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง
เสื้อผ้าโปร่งบาง กลิ่นกายหอมฉุย
หลังจากสังเกตเห็นหลินเมิ้งหยา สีหน้าของเจียงหรูฉินเปลี่ยนไป ดึงปกเสื้อลงเล็กน้อย แสดงท่าทางหยิ่งยโส
“โอ้ ชายาอวี้นี่นา หรือข้าควรเรียกว่าท่านพี่ดี”
หัวใจของหลินเมิ้งหยาสั่นไหว เสื้อผ้าที่กำลังถืออยู่เปียกชื้นเล็กน้อย
“เรื่องนี้ยังมิต้องรีบร้อน คุณหนูเจียงเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ก่อนเถิด”
เจียงหรูฉินจ้องมองหลินเมิ้งหยา ก่อนจะตั้งใจเผยผิวกายขาวนวลเนียนบริเวณบ่าให้เห็นชัด
“พี่สะใภ้? ก็จริง ถึงอย่างไรก็คงเรียกแบบนี้อีกไม่กี่วัน ท่านพี่อวี้ดีกับข้ามาก”
ตั้งใจเอ่ยวาจาอ่อนหวาน เจียงหรูฉินพาคนของตนเองเดินผ่านหน้าหลินเมิ้งหยาไป
รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าจนกระทั่งเจียงหรูฉินเดินลับหายไป
ความโกรธเกรี้ยวลุกโชนในหัวใจ
หลินเมิ้งหยาถือเสื้อผ้ากลับไปยังตำหนักหลิวซิน
“ป๋ายจี ป๋ายจีอยู่ที่ไหน?”
ทันทีที่มาถึงตำหนัก หลินเมิ้งหยารีบร้องเรียกป๋ายจี
ป๋ายจีที่กำลังตัดเย็บชุดในฤดูหนาวให้กับหลินเมิ้งหยารีบออกมาต้อนรับ ทว่านางกลับได้เห็นเจ้านายของตนเองโยนชุดในมือลงพื้น
“เอาชุดนี้ไปตัดเป็นชุดเล็กๆ ให้กับเสี่ยวป๋ายและเสือน้อย ข้าอยากให้ทำเดี๋ยวนี้”
หยิบชุดขึ้นมาพลิกดู เหตุใดจึงรู้สึกคุ้นเคยกับชุดนี้นัก
“นายหญิง นี่เป็นชุดของท่านอ๋องมิใช่หรือเจ้าคะ?”
ผ้าที่ใช้ตัดเย็บเป็นผ้าราคาแพง มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่สามารถใส่ได้
“ใช่ ก่อนตัดเย็บ เจ้าจงนำไปซักให้สะอาด อย่าให้เหลือคราบไคลสกปรกใดๆ”
หลินเมิ้งหยาออกคำสั่งด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่ห้องของตนเอง
“ปัง” เสียงดังขึ้น ประตูห้องถูกนางกระชากอย่างแรง
“ไปโกรธใครมานะ?”
ป๋ายจีส่ายหน้า แต่ก็กลับไปยังห้องของตนเองเพื่อทำตามคำสั่ง
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ มือพลิกหน้ากระดาษ
ฮึ บนโลกใบนี้มีชายรักเดียวใจเดียวเสียที่ไหน เห็นจะมีก็แต่คนหลายใจแต่เพียงเท่านั้น
“ไอหยา ไอหยา ไอหยา นี่เจ้าไปทะเลาะกับใครมากัน ให้ข้าไปกำจัดฝ่ายตรงข้ามแทนดีหรือไม่?”
ชิงหูฉีกยิ้มกว้าง เดินเข้ามาหยุดข้างกายหลินเมิ้งหยา
คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่กำลังจับหนังสืออยู่จะยื่นมือเข้ามาหยิกหน้าของเขา โดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว
“หน้าข้า! ใบหน้างดงามประหนึ่งหยกของข้า”
หยิกต่อไป หลินเมิ้งหยายังคงไม่ปล่อย
“เจ้าเด็กน้อย เหยียขอเตือนเจ้า ถ้าทำพังเจ้าไม่มีปัญญาชดใช้แน่”
มือเล็กยังคงหยิกขยำไม่หยุด
“ท่านสตรีผู้ยิ่งใหญ่ ข้าน้อยยอมแล้ว ปล่อยข้าน้อยไปเถิด”
มองดูชิงหูผู้น่าสงสารตรงหน้า ความโกรธเกรี้ยวของหลินเมิ้งหยาหายไปกว่าครึ่ง
ทว่าอารมณ์ของนางยังคงขุ่นมัว
“เจ้านำเสื้อผ้าไปคืนมิใช่หรือ? หรือถูกเขารังแกกลับมา?”
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า ก่อนจะถอนหายใจ
“ไม่ใช่หรอก นี่เป็นปัญหาของข้าเอง มิเกี่ยวข้องกับเขา”
หลินเมิ้งหยาจับมือของตนเอง คิ้วขมวดเข้ากันเล็กน้อย
“ชิงหู เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนในราชวงศ์หย่ากันเช่นไร?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้สายตาของชิงหูเปลี่ยนไป
“เจ้าจะหย่ากับหลงเทียนอวี้? อย่าฝันไปเลยน่า หากอยู่กับเขาเจ้าจะยังมีข้าวกินมีน้ำให้ดื่ม เหตุใดต้องแยกทางกันด้วยเล่า”
“ข้า…ก็แค่ถาม”
พูดแล้วก็น่าขัน เมื่อครู่นางมิต่างอะไรจากผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจริงๆ
หากต้องแยกทางกันล่ะก็ นางต้องขาดทุนมากแน่
“จริงสิชิงหู เจ้าอยู่ในเจียงหูมานาน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนมีอำนาจคนใดหรืออาจจะเป็นพวกราชวงศ์ที่ใช้ดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์หรือไม่?”
โยนเรื่องความรักทิ้งไปก่อน หลินเมิ้งหยาเอ่ยถามถึงเรื่องที่ค้างคาใจ
ชายคนนั้นมีกลิ่นอายของความอันตราย นางเกรงว่าหากตั้งรับไม่ดี เสี่ยวอวี้อาจตกอยู่ในอันตราย
“ใช้ดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
แม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหลินเมิ้งหยาจึงสอบถามเรื่องนี้ แต่ชิงหูพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก
“หากพูดถึงสัญลักษณ์ที่เป็นดอกกุหลาบ มันก็มีอยู่คนหนึ่ง แต่คนผู้นี้มิได้อยู่ในต้าจิ้น”
เมื่อพูดถึงคนผู้นี้ ใบหน้าของชิงหูแสดงออกถึงความหวาดกลัว
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทางตอนใต้ของต้าจิ้นมีอาณาจักรที่ชื่อว่าหยุนตี้?”
สมองรีบประมวลผลหาคำตอบในความทรงจำ เหมือนนางจะเคยอ่านเจอมาก่อน
“ที่นั่นมีป่าเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นดินแดนแห่งนั้นจึงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกทึบ ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์มีพิษและสมุนไพรมีพิษเองก็มีอยู่มากมาย ดังนั้นคนของอาณาจักรหยุนตี้ส่วนใหญ่จึงสามารถใช้พิษได้”
“เข้าประเด็นหน่อย”
ชิงหูถลึงตา มองดูหลินเมิ้งหยาที่กำลังหมดความอดทน