สาวใช้หน้าตาละมุนละไมคนนั้นแนะนำอาหารขึ้นชื่อไปหนึ่งรอบ เว่ยจางก็เป็นคนที่ไม่เลือกมากเช่นกัน จึงบอกว่าแล้วแต่
เหยาเหยียนอี้จึงสั่งน้ำแกงยอดอ่อนใบบัวไก่ฉีก ผักห่อเนื้อ และปลาไหลผัดเปรี้ยวหวาน
พวกเขานั่งล้อมวงกัน จิบชาพูดคุยเล่นรออาหาร
ด้วยเหตุนี้เซียวหลินจึงเอ่ยถามเหยาเยี่ยนอวี่ “สูตรยาสมุนไพรของข้าได้เรื่องอย่างไรบ้างแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดอย่างรื่นเริง “ดีมาก ข้าได้ทำการวิจัยไปแล้วว่าจะปรุงอย่างไร ทว่ามีวัตถุดิบสมุนไพรสองชนิดที่อยู่ในนั้นได้มาไม่ง่าย ข้าเลยเขียนจดหมายส่งไปที่เมืองหลวงให้พี่หันแล้วให้นางช่วยข้าคิดหาวิธีเจ้าค่ะ”
เซียวหลินจึงยิ้มอย่างเบิกบานทันที รีบเอ่ยตอบ “เช่นนั้นก็ดี”
เว่ยจางชำเลืองมองเซียวหลินเพียงชั่วพริบตา สายตาเคล้าด้วยความสงสัย
เหยาเหยียนอี้ไม่รู้เรื่องที่ฮ่องเต้พระราชทานงานสมรสให้กับเซียวหลิน ทว่ามองจากสีหน้าของเว่ยจางก็รู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรแอบแฝง ด้วยเหตุนี้จึงเคาะโต๊ะพลางพูดขึ้น “ท่านเซียวโหวปรุงยาอะไรกันแน่ พูดออกมาให้พวกเราฟังหน่อยสิ”
เซียวหลินคลี่ยิ้ม “ข้าจะปรุงยาอะไรได้ ก็แค่บังเอิญไปเจอกับสูตรยาหนึ่ง คิดว่าน้องเหยาน่าจะสนใจจึงส่งให้นาง ของพวกนี้หากอยู่ในปากข้าคงไม่เกิดประโยชน์อะไร หากถึงมือนางยังรักษาคนได้ เจ้าว่าถูกไหม”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดขึ้นอย่างลุ่มลึก “แน่นอนอยู่แล้ว ข้ามีหน้าที่รักษาผู้ป่วยโดยเฉพาะ” แม้แต่ไข้ใจยังต้องรักษา
พอเห็นเหยาเยี่ยนอวี่และท่านเซียวโหวพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน เหยาเหยียนอี้ก็รู้สึกค่อยยังชั่ว ทว่าเว่ยจางกลับทนดูต่อไปไม่ได้ เลยถือโอกาสเปลี่ยนประเด็นคุย “พรุ่งนี้ข้ามีเวลาว่างพอดี หากเจ้าอยากฝึกขี่ก็มาหาข้าที่สนามฝึกม้าได้”
“จริงหรือ” วันนี้เป็นครั้งแรกที่เหยาเยี่ยนอวี่ขี่ม้า แม้ว่าจะตื่นเต้นทว่าก็รู้สึกสนุกสนาน พอนึกถึงวันหนึ่งที่ตนเองก็ขี่ม้าไปไหนมาไหนได้คงเป็นเรื่องที่มีความสุขน่าดู
“แน่นอน” เว่ยจางเลิกคิ้วเข้ม “ข้าเคยพูดความเท็จตั้งแต่เมื่อใด”
เหยาเยี่ยนอวี่หันไปมองเหยาเหยียนอี้ แววตาเคล้าด้วยความหวัง
เหยาเหยียนอี้พูดด้วยความรื่นเริง “มองข้าทำไม ถ้าอยากออกไปข้างนอกก็ไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าเองสิ”
“พี่รอง!” เหยาเยี่ยนอวี่ทำท่าทางน้อยอกน้อยใจ
เหยาเยี่ยนอวี่เผยยิ้ม “ข้าจำได้ว่าวันนี้ตอนออกมาเหมือนได้ยินใครบางคนพูดอะไร บอกว่าวันพรุ่งนี้เหมือนมีงานเลี้ยงสังสรรค์ในจวนจิ้งหนานกั๋ว บอกว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า หากฮูหยินผู้เฒ่าอนุญาตให้เจ้าไม่ไปงานเลี้ยงได้ เจ้าก็ไปฝึกขี่ม้า”
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว “ข้าจำได้ว่านางจัดงานวันเกิดในเดือนเก้านี่ เหตุใดถึงเปลี่ยนเป็นจัดในเดือนสี่แทน”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ตลอดทั้งปีก็มีงานวันเกิดมากมาย” ตอนแรกเหยาเหยียนอี้ก็ไม่ค่อยถามไถ่เรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว สำหรับเรื่องของเหล่าสตรี เขาไม่เคยใส่ใจแน่นอน
“ข้าไม่อยากไป” เหยาเยี่ยนอวี่เบะปาก นางยังไม่ทันหลบเลี่ยงคนในตระกูลซ่งเลย แล้วจะยอมส่งตนเองไปเยือนถึงที่และยอมให้คนอื่นเล่นงานได้อย่างไร
“ไม่อยากไปก็แกล้งป่วยแล้วนอนหลับพักผ่อนในจวนดีๆ” เหยาเหยียนอี้คลี่ยิ้ม
“เหอะ” คุณหนูเหยาไม่พอใจอย่างยิ่ง ทว่ากลับต่อต้านไม่อยากไปตระกูลซ่งไม่ได้ หากแกล้งป่วยแล้วออกไปขี่ม้าแบบนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ารู้จะคิดอย่างไร
พวกเขาพูดคุยเล่นกันไปสักพักอาหารก็เริ่มทยอยมา เหยาเหยียนอี้รินเหล้าให้เซียวหลินและเว่ยจางอีกครั้งแล้วเปรยขึ้น “ยากมากที่หาเวลาว่างเว้นออกมาสังสรรค์ได้ มา พวกเราชนกันเสียจอกเถอะ”
เซียวหลินเอ่ยถามเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยรอยยิ้ม “น้องเหยาไม่ดื่มเสียจอกหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหน้าพลางยิ้ม “ประเดี๋ยวข้ายังอยากขี่ม้ากลับไป”
ดวงหน้าเว่ยจางปรากฏยิ้ม ชูจอกพลางดื่มหมดในคำเดียว ใบหน้าดูสุขสมหวังยิ่งนัก
ทว่าก็แค่มื้ออาหารทั่วไป ทุกคนกินเสร็จต่างก็แยกย้ายไปยุ่งกับงานของตนเอง หลังจากดื่มกินจนอิ่ม เซียวหลินมีธุระจะคุยกับเว่ยจาง เหยาเหยียนอี้จึงพาเหยาเยี่ยนอวี่ออกไปก่อน
ว่าไปก็บังเอิญนัก ทั้งสองพี่น้องเพิ่งจะออกจากห้องอาหารส่วนตัวก็เห็นคนสองสามคนกำลังเดินคุยกันมาจากที่ไม่ไกล เหยาเหยียนอี้รู้จักเหล่าคุณชายเลื่องชื่อในเมืองเจียงหนิงแทบหมด ดังนั้นพอเห็นคนเหล่านั้นก็ดูออกว่าเป็นใครทันที จึงหันไปบอกเหยาเยี่ยนอวี่ “ด้านหน้ามีซ่งเหยียนชิงอยู่ เจ้ารีบพาคนออกไปก่อนเถอะ ไปคอยข้าบนรถม้า”
เหยาเยี่ยนอวี่ขานรับแล้วหันหลังเดินออกไป ทว่าก็ช้าไปหนึ่งก้าว เสียงของซ่งเหยียนชิงดังขึ้นอย่างรื่นเริงทันที “นี่ไม่ใช่ท่านพี่รองตระกูลเหยาหรือนี่ มารับประทานอาหารกับคุณชายจากตระกูลใดกัน ดูรูปงามยิ่งนัก”
เหยาเยี่ยนอวี่จะไปก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แค่ยืนอยู่ด้านหลังเหยาเหยียนอี้แล้วก้มหน้าพลางหันไปด้านข้างและแสร้งทำเป็นชมทิวทัศน์ไม่สนใจซ่งเหยียนชิงกับคนอื่นๆ เหยาเหยียนอี้จึงหัวเราะขึ้น “ช่างอังเอิญจริงๆ กลับได้เจอทุกท่านที่นี่”
ซ่งเหยียนชิงพาเหล่าสหายคนสนิทเดินมาด้านหน้าแล้วสังเกตมองเหยาเยี่ยนอวี่อย่างตั้งใจ ทว่ากลับมองไม่ออกว่าคือใคร
นี่ก็ไม่แปลกประหลาดอะไร ตอนคุณหนูรองแห่งตระกูลเหยาอยู่จวนก็มักจะไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็น ตระกูลญาติมิตรที่พบเจอก็มีเพียงสตรีเท่านั้น ญาติเยี่ยงซ่งเหยียนชิงก็แค่เจอกันตอนเด็ก
หลังจากชื่อเสียงของซ่งเหยียนชิงดังไปทั่วเมือง ตระกูลเหยาก็ไม่อนุญาตให้บุตรีคนไหนไปเจอกับญาติผู้นี้อีก เหยาเยี่ยนอวี่จึงยิ่งหลบหน้าเขามากกว่าเดิม ดังนั้นตอนที่เหยาเยี่ยนอวี่สวมใส่เสื้อผ้าบุรุษแล้วปราฏอยู่ตรงหน้า เขาก็ต้องไม่รู้จักอยู่แล้ว
ในความเป็นจริง เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่รู้จักซ่งเหยียนชิง นางก็เพิ่งเห็นหน้าบุรุษกะล่อนที่คนต่างก็ร่ำลือว่ามีหน้าตาอย่างไร แท้จริงแล้วหน้าตาของเขาก็ยังถือว่าไม่เลว หากพูดให้น่าฟังหน่อยก็ถือเป็นบุรุษที่สง่าผ่าเผย ทว่าพูดอย่างไม่น่าฟังหน่อยก็คือบุรุษที่ลามกและปลิ้นปล้อน
“นี่เป็นบุรุษจากจวนใดกัน คุณชายรองเหยา” ซ่งเหยียนชิงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
เหยาเหยียนอี้ขมวดคิ้ว “นี่เป็นสหายคนหนึ่งของข้า”
“หน้าตารูปงามยิ่งนัก” ซ่งเหยียนชิงมองเหยาเยี่ยนอวี่ไม่ละสายตา
เหยาเหยียนอี้รู้สึกเกลียดชังนัก ทำได้เพียงพูดขึ้น “เหยียนชิงระวังคำพูดหน่อย พวกเจ้าไม่ใช่ว่ามากินข้าวหรอกหรือ เช่นนั้นก็เข้าไปก่อนเถอะ ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน”
“คุณชายรองตระกูลเหยาไปแล้วหรือ ไม่เช่นนั้นพวกเราดื่มกันเสียจอกไหม” ซ่งเหยียนชิงพูดไปก็ขยับไปใกล้เหยาเยี่ยนอวี่แล้วเอ่ยถามอย่างชื่นบาน “สหายแซ่อะไร”
เหยาเยี่ยนอวี่แสยะยิ้มเย็นชาแล้วหันหลังจากไป
“นี่?” ซ่งเหยียนชิงหันมองเหยาเหยียนอี้อย่างประหลาดใจ “พี่รอง สหายคนนี้ของเจ้าช่างเป็นคนนิสัยเสียจริงๆ”
“เขาเป็นเช่นนี้เสมอมา” เหยาเหยียนอี้ไม่อยากแสดงให้เห็นว่าไม่ถูกคอกับซ่งเหยียนชิงจึงยิ้มจางพลางหันหลังจากไป “ข้ายังมีธุระ ไว้วันหลังเถอะ ลาก่อน”
“นี่…พี่รอง พรุ่งนี้จวนของข้าจัดงานเลี้ยง เจ้าต้องมานะ! พาสหายคนนั้นมาดื่มสุรากันในจวน!” ซ่งเหยียนชิงยืดคอยาวมองสองพี่น้องตระกูลเหยาพลางตะโกนเสียงดังขึ้น
จากนั้นเว่ยจางก็เดินมาจากอีกฝั่งด้วยสีหน้าอึมครึม ตอนที่เดินผ่านหน้าซ่งเหยียนชิงก็หยุดชะงักไปแล้วหันไปมองเขา
ซ่งเหยียนชิงเป็นผู้ไม่มีไหวพริบ อีกทั้งยังเกิดมาเป็นบุรุษปากเสีย “มองอะไร! ไม่รู้จักคุณชายซ่งหรือ”
“คุณชาย?” เซียวหลินเดินออกมาจากด้านหลังแล้วยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ใครกล้าแทนตัวเองว่ายอดบุรุษต่อหน้าโหวอย่างข้า” ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืองที่แทนตนว่า ‘คุณชาย’ ต่อหน้าจิ้งไห่โหว
“โธ่! ที่แท้ก็ท่านโหวอยู่นี่นี่เอง” ซ่งเหยียนชิงจำเซียวหลินได้ ตอนอยู่ในงานเลี้ยงสังสรรค์ของจวนข้าหลวงใหญ่ เขาเห็นจิ้งไห่โหวที่ยังหนุ่มยังแน่นนั่งอยู่ข้างกายข้าหลวงเหยาตรงที่นั่งสูงส่งที่สุดในโต๊ะนั้น แต่คนที่ใหญ่โตพอๆ กับบิดาของเขา แม้นเขาอยากเข้าไปคารวะด้วยสุราก็ยังไม่มีสิทธิ์