“เจ้าถือว่าเป็นตัวอะไร” เซียวหลินแสยะยิ้ม “คู่ควรแก่การพูดจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า?”
สีหน้าของซ่งเหยียนชิงเดี๋ยวขาวซีดเดี๋ยวเขียวคล้ำ ช่างเป็นสีหน้าที่ดูไม่ได้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าสหายเสเพลเกเร ท่านเซียวโหวผู้นี้ไม่ให้เกียรติเขาแม้แต่เพียงน้อย! หากไสหัวไปเช่นนี้ วันข้างหน้าเขาจะใช้ชีวิตในเมืองเจียงหนิงต่ออย่างไร อย่างไรก็ตาม บิดาของเขาก็เป็นจิ้งหนานกั๋ว ตระกูลก็คือตระกูลกงโหวเหมือนกัน!
ซ่งเหยียนชิงกัดฟันกรอดแล้วเงยหน้าประสานสายตาเลือดเย็นของเซียวหลินพร้อมเอ่ยถามอย่างหน้าด้านๆ “ท่านเซียวโหว ข้าน้อยไปผิดใจอะไรกับท่านหรือ”
เซียวหลินแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็น “เจ้ายังต้องผิดใจกับข้าอีก? เมื่อครู่เจ้าพูดจาเหลวไหลกับใคร บอกข้ามา คุณชายที่ยืนข้างกายเหยาเหยียนอี้คือสหายคนสนิทของข้า เจ้าถือว่าเป็นตัวอะไร บังอาจไร้มารยาทกับเขา? ครั้งหน้าหากยังให้ข้าเห็นหน้าอีก ข้าจะตัดองคชาตของเจ้า!”
ตอนนี้ซ่งเหยียนชิงถือว่าเข้าใจแล้ว ที่แท้คุณชายรูปงามคนนั้นคือสหายคนสนิทของจิ้งไห่โหว ได้ข้ายอมรับผิด!
เขาทำมือคารวะให้เซียวหลินพร้อมยิ้มอย่างรู้สึกผิด “ท่านโหวโปรดอภัย ข้าน้อยตาบอดเอง ไม่รู้จักสหายคนสนิทของท่านโหว ขอประทานโทษจริงๆ ได้โปรดท่านอย่าถือสาคนต่ำต้อยเลย ได้โปรดยกโทษให้ข้าน้อยเถอะ”
“ไสหัวไป!” เซียวหลินไม่อยากมากความกับคนเหล่านี้จึงสบถพลางหันหลังจากไป
เว่ยจางปรายตามองซ่งเหยียนชิงด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มพร้อมเอ่ยถาม “เจ้าแซ่ซ่งหรือไม่”
ซ่งเหยียนชิงตอบกลับทันที “อ๊ะ เช่นนี้ท่านนี้…”
เว่ยจางพยักหน้า “เยี่ยมมาก” กล่าวจบก็หันหลังจากไป
เยี่ยมมาก? ซ่งเหยียนชิงมองเรือนร่างสง่าผ่าเผยจากไปอย่างงงงัน ไม่รู้ว่านี่กำลังหมายความว่าอะไร
พอกลับจวนในคืนนั้น เหยาเยี่ยนอวี่ได้รับคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าผ่านสาวใช้คนสนิทของนาง วันพรุ่งนี้เป็นวันเฉลิมฉลองวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลจิ้งหนานกั๋ว ฮูหยินจะพานางกับเหยาเชวี่ยหวาไปร่วมงานด้วยกัน ให้คุณหนูรองเตรียมตัว
ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลจิ้งหนานกั๋วคือน้องสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง เป็นน้าสะใภ้ของเหยาหย่วนจือ นางจัดงานวันเกิดทั้งที ตระกูลเหยาไม่ควรละเลยอยู่แล้ว
ชุ่ยเวยรอคนของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งจากไปก่อนถึงจะถอนหายใจอย่างหนักใจ “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวไม่อยากไปเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ตบไหล่ของนางพลางยิ้มอ่อน “เจ้าต้องไป”
“คุณหนู?” ชุ่ยเวยเงยหน้ามองเหยาเยี่ยนอวี่ นัยน์ตาแดงระเรื่อทันที ไปตระกูลซ่งก็ต้องเจอซ่งเหยียนชิงแน่นอน ที่นั่นคือจวนของเขา เขาอยากเจอสาวใช้คนหนึ่งโดยเหตุบังเอิญก็เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งนัก
เหยาเยี่ยนอวี่ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วกระซิบข้างหูชุ่ยเวย “ครั้งนี้พวกเราไปสั่งสอนเขากัน”
“อ๋า?” ชุ่ยเวยเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ
เหยาเยี่ยนอวี่กลับส่งซองกระดาษเล็กๆ ใส่กลางฝ่ามือชุ่ยเวย “อันนี้เจ้าเก็บไว้ให้ดี”
แววตาลังเลของชุ่ยเวยเป็นประกายแสงทันที ดวงตาแดงระเรื่อซึมด้วยน้ำตา ทว่ากลับมีแววรื่นเริง “คุณหนูเจ้าคะ?”
เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเข้าใจไหม ผู้ที่สร้างเรื่องบาดหมางกับผู้รู้ทักษะทางการแพทย์เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก”
“เจ้าค่ะ!” ชุ่ยเวยพยักหน้าอย่างแน่วแน่พลางกำซองกระดาษขนาดเล็กไว้ในฝ่ามือ
ความจริงแล้วเหยาเยี่ยนอวี่เริ่มมีความคิดนี้ผุดออกมาเมื่อเที่ยงวันนี้ที่ได้เจอกับซ่งเหยียนชิง
เรื่องที่ต้องไปจวนจิ้งหนานกั๋วในวันพรุ่งนี้คงไม่มีทางบอกปัด ต่อให้แกล้งป่วยไม่มา ทว่าอย่างไรทั้งสองตระกูลคือญาติกันก็ต้องไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว และตั้งแต่วันนั้นที่นางได้ยินซ่งเหยียนชิงกับเหยาเชวี่ยหวาเสวนากัน พวกเขาวางแผนเล่นงานตนเองไว้แล้ว
ต่อให้ไม่ไปในวันพรุ่งนี้ ใครจะไปรู้ว่าวันข้างหน้าพวกเขาจะไม่สร้างโอกาสขึ้นอีก เมื่อเทียบกับปล่อยให้พวกเขาวางแผนเล่นงานต่อไปแล้ว ก็จัดการเรื่องนี้ให้รู้แล้วรู้รอดในครั้งนี้จะดีกว่า รวมไปถึงการบังเอิญเจอกันในอู่ฟางไจ เหยาเยี่ยนอวี่ก็ยิ่งมั่นใจว่าไอ้สารเลวซ่งเหยียนชิงช่างบังอาจเหลือเกิน ต้องให้เขาลิ้มรสความชั่วเสียบ้าง
ทั้งบ่ายนี้เหยาเยี่ยนอวี่พยายามขบคิดข้อมูลทั้งหมดที่จดจำไว้ในสมอง หลังจากที่ครุ่นคิดก็ได้กลายภาพรวมของแผนการ
รุ่งเช้าของวันถัดไป เหยาเยี่ยนอวี่ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อล้างหน้าแปรงฟันและแต่งกาย
นางมวยผมอย่างสง่างาม ทั้งศีรษะประดับประดาด้วยเครื่องประดับอันล้ำค่า เรือนร่างสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีแดงปักลายมงคลด้วยด้ายสีเงิน พร้อมชุดคลุมผ้าโปร่งสีนวลปักลายดอกโบตั๋นสีทอง
เหยาเยี่ยนอวี่ส่องคันฉ่องแล้วอดยิ้มไม่ได้ “แต่งเสียข้ายังจำตัวเองไม่ได้”
ชุ่ยเวยพูดอย่างแน่วแน่ “เมื่อวานคนแซ่ซ่งเจอหน้าคุณหนูต้องจดจำใบหน้าได้แน่นอน พวกเราต้องแต่งกายเช่นนี้จะได้ทำให้ไอ้สารเลวนั่นมองจนตาบอดเจ้าค่ะ”
“แต่งกายงดงามเช่นนี้เพื่อให้ไอ้ลามกนั่นมอง? เขาช่างได้เปรียบเกินไปแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่พร่ำบ่น
“นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ตามนิสัยของเขาหากรู้ว่าคุณหนูสวมชุดบุรุษออกไปรับประทานอาหารกับท่านเซียวโหวและแม่ทัพเว่ย ทั้งเมืองเจียงหนิงก็รู้กันหมดแล้วหรือเปล่า”
“ว่าไปแล้วก็กล่าวถูก เพื่อชื่อเสียงอันใสสะอาดของข้า ไม่ทำเช่นนี้ก็ไม่ได้” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ทางฝั่งนี้เพิ่งจะแต่งกายเสร็จ เหยาเชวี่ยหวาก็มาถึง พอเข้าประตูมาก็เห็นการแต่งกายหรูหราของเหยาเยี่ยนอวี่ คุณหนูสามจึงอุทานอย่างตกตะลึง “พี่รองช่างงดงามยิ่งนัก!”
“น้องสามก็งดงามเช่นกัน! อีกไม่กี่ปีเจ้าก็คงเป็นหญิงงามเลื่องชื่อในเมืองเจียงหนิง!” เหยาเยี่ยนอวี่มองเหยาเชวี่ยหวาในชุดกระโปรงสีแดงทับทิมหรูหรา แต่นางยังเล็ก ต่อให้แต่งกายอย่างไรก็ยังมีดวงหน้าที่เยาว์วัยอยู่ดี ยังไม่งดงามแบบหญิงสาว
“ที่ไหนกันเล่า ข้ายังเทียบไม่ได้กับหนึ่งจากสิบส่วนของพี่สาวเลย” เหยาเชวี่ยหวาเอ่ยชมเหยาเยี่ยนอวี่อย่างจริงจัง
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอ่อน ไม่อยากมากความอีก แค่หยิบพัดจากมือของชุ่ยเวยแล้วพูดขึ้น “ไปกันเถอะ”
สองพี่น้องไปถึงเรือนที่พักของฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเห็นเหยาเยี่ยนอวี่แต่งกายสง่างามเช่นนี้ภายในใจรู้สึกปลื้มปริ่มยิ่งนักจึงเอ่ยชมนางเช่นกัน จากนั้นกำชับอะไรบางอย่างแล้วพาพวกนางสองคนไปเรือนของหวางฮูหยิน
หวางฮูหยินเห็นเหยาเยี่ยนอวี่เป็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงเช่นกัน ทว่าพอครุ่นคิดถึง นางที่โตเป็นสาวแล้ วตอนออกจวนก็ควรแต่งกายให้งดงามเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นก็คงทำให้จวนอับอายขายขี้หน้า ดังนั้นจึงรู้สึกรื่นเริงยินดีเช่นกัน
ครอบครัวของเจียงซื่อมีธุระเร่งด่วนจึงมาบอกฮูหยินผู้เฒ่าว่าไม่มาตั้งแต่เนิ่นๆ หนิงซื่อก็อยู่สะสางงานเรือนในจวนและคอยรับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง ส่วนเหยาเหยียนเอินกับเหยาเหยียนอี้ต่างก็มีธุระทางราชการต้องจัดการ ดังนั้นจึงไม่ต้องไปร่วมงานสังสรรค์ ด้วยเหตุนี้หวางซื่อจึงพาบุตรีอนุภรรยาเพียงสองคนออกจากจวน
หวางซื่อนั่งบนเกี้ยวที่ยกโดยบ่าวสี่คน เหยาเยี่ยนอวี่และเหยาเชวี่ยหวาต่างก็พาสาวใช้คนสนิทนั่งรถม้าคันเดียวกัน ด้านหลังยังรถม้าที่สาวใช้และบ่าวไพร่ที่ได้เรื่องติดตามมาด้วย และยังมีบ่าวกำยำเดินตามไปด้วยกลุ่มหนึ่ง ถือว่าถึงจวนจิ้งหนานกั๋วอย่างราบรื่น
ตอนถึงประตูจวนจิ้งหนานกั๋ว เกี้ยวและรถม้าถึงจะหยุดลง เหยาเยี่ยนอวี่จับมือชุ่ยเวยค่อยๆ ลงจากรถม้า เหล่าบ่าวไพร่ของจวนจิ้งหนานกั๋วที่มายืนรอต่างก็เดินเข้ามาต้อนรับและน้อมทักทาย หวางฮูหยินพาสองพี่น้องตระกูลเหยาเข้าไปเข้าพบฮูหยินผู้เฒ่าก่อน ทั้งยังไปส่งมอบของขวัญด้วย
งานเลี้ยงวันเกิดไม่ถือว่ายิ่งใหญ่นัก มีเพียงโต๊ะอาหารเจ็ดแปดโต๊ะเท่านั้น เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกขบขันในใจ ใครจะไม่รู้ว่าวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลจิ้งหนานกั๋วอยู่เดือนเก้า ตอนนี้เพิ่งจะเดือนสี่ ว่าไปแล้วก็ช่างแปลกประหลาดนัก
โต๊ะสังสรรค์เพียงไม่กี่โต๊ะเป็นการแสดงละครตบตาที่กระจอกจริงๆ เหล่าญาติสนิทไม่กี่ตระกูลมานั่งดื่มสุราและพูดคุยเล่นกัน จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แค่จิ้งหนานกั๋วฮูหยินทำตัวเป็นมิตรเกินไปจนทำให้เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง