ดวงตาของชายบนกรงล้อสีทองแปรเปลี่ยนไป ก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทันใดนั้นสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเจ็บใจ “พวกเจ้ากักขังวิญญาณมังกรของท่านไว้ที่นี่!” เขามองวิญญาณมังกรหนึ่งที ก่อนจะหันไปหาคนอื่นอย่างโกรธเคือง “โลกมนุษย์ช่างบังอาจ ท่านเทพมังกรวางใจ พวกข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้ท่านอย่างแน่นอน”
“วางใจอะไรกัน! ใครอยากให้เจ้าทวงคืนความยุติธรรม ข้าไม่ต้องการ ข้ายุติธรรมมาก” ยังไม่รออวิ๋นเจี่ยวตอบกลับ เฟิงเสี่ยวหวงก็พูดขึ้น “ฉู่เหยียน ข้าไม่สนิทกับเจ้าขนาดนั้น อย่ามาใช้ข้าเป็นข้ออ้าง เจ้าใส่ร้ายข้าต่อหน้าท่านมหาเทพมากมายแค่ไหนอย่าคิดว่าข้าไม่รู้” อย่าคิดจะใช้เขาเป็นข้ออ้าง
“ท่านเทพมังกรถูกคนข่มขู่ถึงได้พูดเช่นนี้” ฉู่เหยียนไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย แต่กลับหันไปพูดกับท่านเทพคนอื่น “ไม่ต้องยั้งมือ รีบช่วยวิญญาณมังกรของท่านเทพออกมาให้เร็ว!”
“ขอรับ!” ทันทีที่เขาพูดจบ ท่านเทพข้างกายเขาสี่ห้าคนก็บินพุ่งลงมา
“เห้ย! ฉู่เหยียน เจ้าคนเลว คิดจะทำร้ายข้า!” เฟิงเสี่ยวหวงโกรธจนร่างมังกรบิดเบี้ยว เขาหันไปอธิบายกับอวิ๋นเจี่ยว “ท่านเทพ ท่านต้องเชื่อข้า ข้า ข้าไม่…”
“หลบหน่อย!” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้พูดมากความกับเขา เพียงแต่เก็บวิญญาณมังกรเข้าไปในยันต์ ก่อนจะเดินขึ้นหน้าปรับตาข่ายพลังคุ้มครองภูผา ตั้งแต่เฟิงเสี่ยวหวงมา นางก็ปรับข่ายพลังคุ้มครองภูผาใหม่อีกครั้ง ไม่เพียงแต่สามารถเปิดใช้เองได้แล้ว ตำแหน่งตาของข่ายพลังก็ย้ายจากภายในตำหนักใหญ่มาอยู่ข้างนอก
ท่านเทพสี่ห้าคนใช้คาถาพร้อมกัน ก่อนจะเรียกแสงสีทองที่แข็งแกร่งกว่าออกมา เพียงแต่ไม่ว่าคาถาอะไร เมื่อสัมผัสเข้ากับข่ายพลังคุ้มครองภูผาต่างถูกดูดกลืนเข้าไป เห็นเพียงแต่ข่ายพลังเปลี่ยนไป ข่ายพลังย้อนกลับก็ปรากฏขึ้นสะท้อนคาถาทั้งหมดกลับไปอีกครั้ง อีกทั้งมีอานุภาพมากกว่าที่อีกฝ่ายส่งออกมาเสียอีก
อีกฝ่ายหลบหลีกไม่ทัน ล้วนได้รับบาดเจ็บแตกต่างกันไป แม้แต่ท่านเทพด้านหลังเองก็ถูกกระทบด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนท่านเทพคนอื่นขึ้นหน้ามา แต่ไม่ว่าจะโจมตีอย่างไรก็ถูกต้านไว้ด้านนอกข่ายพลัง
หากทำเช่นนี้ต่อไป คนที่ได้รับบาดเจ็บก็จะเป็นตนเอง สงครามจึงชะงักไปในเวลาหนึ่ง
คิ้วของฉู่เหยียนขมวดเล็กน้อย หยุดยั้งการโจมตีของเหล่าเทพภายใต้บังคับบัญชา ก่อนจะหันไปมองเจ้าสำนักสวีที่อยู่ตรงกลาง ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย สักพักจึงเอ่ยขึ้น
“พวกเจ้าคิดว่าหลบอยู่ภายในข่ายพลังจะรอดหรือ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของท่านเทพมังกรแล้ว”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร” เจ้าสำนักสวีมีลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นมาในใจ
ฉู่เหยียนหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะพูดขึ้น “เผ่าพันธุ์มังกรเป็นเผ่าพันธุ์อันล้ำค่าของสวรรค์ ท่านมหาเทพทั้งสี่ล้วนเป็นเผ่าพันธุ์มังกร พวกเจ้ากลับลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับเผ่าพันธุ์ของพวกท่าน ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ท่านเทพของทักษิณสวรรค์อย่างพวกข้าจะไม่ยอมกล้ำกลืนความอัปยศนี้อย่างเด็ดขาด” พูดจบ พลังในตัวของเขาก็แผ่ขยายออกมา
ถึงแม้พลังส่วนใหญ่จะถูกข่ายพลังคุ้มครองภูผาต้านเอาไว้ได้ แต่ก็ยังคงมีบางส่วนเล็ดลอดเข้ามาโดนตัวของผู้คน คิ้วของเจ้าสำนักสวีขมวดแน่น พยายามสุดชีวิตในการต้านพลังที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาจนทำให้แทบจะคุกเข่าลงไป ภายในใจก่อเกิดความระแวงต่อคนของโลกบนมากขึ้น
คนคนนี้แข็งแกร่งมาก แกร่งเสียยิ่งกว่ามังกรก่อนหน้านี้อีก พลังที่น่ากลัวเช่นนี้ เสวียนเหมินในตอนนี้คงไม่อาจเทียบเทียมได้ อีกทั้งยังมีท่านเทพอีกนับร้อย ถึงแม้จะมีข่ายพลังคุ้มครองภูผาอยู่ แต่เมื่อเวลานานไป เสวียนเหมินก็คงไม่สามารถเอาชนะได้
ฉู่เหยียนฉลาดมาก เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องสมบัตินั้นแม้แต่น้อย แต่กลับจับประเด็นการตายของเฟิงอี๋ไว้ไม่ปล่อย ยกระดับเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของสองโลก ตอนนี้สาเหตุไม่สำคัญแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะมีเหตุผลอย่างไร แต่ก็เป็นจุดชนวนก่อให้เกิดความขัดแย้งกับโลกสวรรค์ไปแล้ว เพราะว่ามังกรนั้นตายที่นี่จริงๆ
เจ้าสำนักสวีมีความไม่เต็มใจอยู่เต็มอก เขากัดฟันแน่นกรอด พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที จากนั้นเดินขึ้นหน้าตอบกลับ “ท่านเทพรู้ดีว่าที่พวกเราลงมือก็เพราะว่ามัน…”
“ข้าไม่อยากรู้สาเหตุ” ไม่รออีกฝ่ายพูดจบ ฉู่เหยียนก็พูดแทรกขึ้นทันที “พวกเจ้าบังอาจละเมิดต่อท่านเทพมังกร ทำให้ท่านดับสูญ แต่พวกเจ้ากลับมีชีวิตยืนอยู่ตรงนี้ เรื่องนี้เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของโลกบน ไม่ว่าอย่างไร พวกเจ้าต้องรับผิดชอบ มิเช่นนั้นอำนาจของสวรรค์จะมีต่อไปได้อย่างไร ทางแห่งสวรรค์จะอยู่ต่อไปอย่างไร”
“อำนาจและหนทางแห่งสวรรค์อะไรกัน เหลวไหลสิ้นดี” หัวหน้าห้องเจียวทนฟังต่อไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไร้เหตุผลสิ้นดี “อนุญาตให้คนของสวรรค์สามารถรังแกคนโลกล่างได้ แต่พวกข้าต่อต้านไม่ได้หรือ” มังกรนั้นตายยังน้อยไป มันใช้ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณทำร้ายคนบริสุทธิ์ไปมากมายเท่าไหร่แล้ว แม้แต่วิญญาณก็ไม่ปล่อยไป แต่เมื่อพวกเขาตอบโต้ อีกฝ่ายกลับมาเรียกร้องหาความยุติธรรม ตอนที่ทำร้ายคนทำไมถึงไม่เห็นมีความยุติธรรมให้โลกมนุษย์เลย!
“เฮอะๆ …” ฉู่เหยียนหัวเราะเสียงเย็น พลังบนตัวแผ่ออกมามากขึ้น เขากวาดตามองคนทั้งหลายอย่างโกรธแค้น ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านเทพของโลกบนมีชีวิตเป็นอมตะ เกิดมาแตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา ไม่อาจเทียบกับพวกเจ้าได้ พวกเจ้าทำร้ายท่านเทพมังกร เดิมทีก็เป็นโทษหนักอยู่แล้ว หากไม่ยอมรับผิด หรือว่า…” ความดูถูกในสายตาของเขายิ่งมากขึ้น คิ้วและตาหรี่จนเป็นเส้นตรง “พวกเจ้าคิดจะลองดีกับสวรรค์ ก่อสงครามกับพวกข้า!”
“เจ้า…” เจียวเหิงอีโกรธจนพูดไม่ออก ความหมายของอีกฝ่ายคือ ถ้าพวกเขาไม่มีข้ออ้างที่ดี อีกฝ่ายพวกนั้นจะลงมือทำลายล้างโลกล่าง! คนอื่นก็คิดเช่นเดียวกัน พวกเขามองไปยังเหล่าเทพที่อยู่กลางอากาศด้วยสายตาเหลือเชื่อ ลูกศิษย์เสวียนเหมินอย่างพวกเขาไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายอยู่แล้ว เพียงแต่โลกมนุษย์มีประชาชนธรรมดาจำนวนมากมาย สิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็เป็นเพียงการใช้ชีวิตของคนเหล่านี้มาข่มขู่พวกเขา เลวทรามสิ้นดี!
เหล่าเจ้าสำนักต่างโกรธจนตัวสั่นเทา อีกทั้งอีกฝ่ายก็มีความสามารถนี้จริง หากพวกเขาใช้คนทั้งสำนักเทียนซือ อาจยังมีความเป็นไปได้ที่จะรับมือกับท่านเทพหลายร้อยคนนี้ แต่หลังจากนั้นล่ะ สวรรค์คงไม่ได้มีท่านเทพแค่หลายร้อยคน หากเป็นจริงตามที่อีกฝ่ายพูด เกิดสงครามขึ้นระหว่างสองโลก ไม่มีลูกศิษย์เสวียนเหมิน โลกมนุษย์ก็เป็นเพียงชิ้นเนื้อมันที่ใครจะมาตัดเอาไปก็ได้ ไม่มีคนสามารถห้ามพวกเขาเอาไว้ได้ โลกมนุษย์ดับสูญก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
เจ้าสำนักสวีสูดลมหายใจเข้าหลายทีถึงจะข่มความโกรธภายในใจลงได้ ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องมังกรแล้ว เห็นได้ชัดว่าฉู่เหยียนต้องการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ระหว่างสองโลก แต่เสวียนเหมินเองก็จนปัญญา
“ไม่รู้ว่าท่านต้องการคำอธิบายแบบใด”
ฉู่เหยียนยิ้มลึกมากขึ้น ราวกับคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ เขากวาดตามองเหล่าคนในข่ายพลัง ก่อนจะพูดขึ้น “ในเมื่อพวกเจ้าทำให้ท่านเทพมังกรดับสูญไป เช่นนั้นเสวียนเหมินก็ต้องดับสูญด้วยเช่นเดียวกัน!”
“อะไรนะ!” ไม่เพียงแต่เจ้าสำนักสวี คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง เขาคิดจะทำลายล้างเสวียนเหมินทั้งหมด เขาไม่คิดจะปล่อยใครรอดไปตั้งแต่แรก คำพูดทั้งหมดล้วนเป็นการข่มขู่ให้พวกเขาเปิดข่ายพลังออกเท่านั้น “พวกท่านฝันไปเถอะ!”
“บังอาจละเมิดอำนาจสวรรค์ ก็ต้องเตรียมใจตายตั้งแต่แรก” ความอาฆาตในดวงตาของฉู่เหยียนแทบจะล้นออกมา รอยยิ้มของเขายิ่งได้ใจมากขึ้น “มิเช่นนั้นพวกเจ้าก็เปิดข่ายพลังนี้ออกมายอมรับความผิด มิเช่นนั้นก็หลบอยู่ภายใน รอคอยทหารสวรรค์ลงมายังโลกล่าง”
“พวกท่านถือตนว่าเป็นเทพได้อย่างไร? เลวทราม!”
“ฮึ! ความอดทนของข้ามีจำกัด พวกเจ้าเลือกที่จะให้เสวียนเหมินหรือโลกมนุษย์ดับสูญ!” ฉู่เหยียนหันหน้าไปมองทางขวา ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น “แต่ข้าว่าสามารถเริ่มจากทางนั้นก่อน”
พูดจบ เขาก็สะบัดมือขึ้น ท่านเทพที่โจมตีข่ายพลังอยู่แต่เดิมนั้นล้วนหันหลังมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านขนาดเล็กที่ห่างออกไปทางด้านขวาหลายลี้จากสำนักเทียนซือ จากนั้นเขาปิดผนึกมือ ทันใดนั้นแสงสีทองนับหมื่นโจมตีไปทางนั้น
“หยุด!” ทุกคนทั้งโกรธทั้งตกใจ มองดูแสงสีทองที่กำลังพุ่งไปทางนั้น
ทันใดนั้นคาถาสีทองหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะรวมตัวเป็นกำแพงแสง ต้านแสงสีทองนับหมื่นเหล่านั้นเอาไว้ เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างหู
“ใครจะทำลายล้างเสวียนเหมิน?!”