มีเบ๊มาทำงานบ้านให้แล้ว ชีวิตของคุณนายเฉินเสี่ยวเชี่ยนก็เหมือนถูกยกระดับขึ้น
สั่งให้เบ๊ไปซื้อกับข้าวมา ส่วนคุณนายที่อยู่บ้านก็วางกระบะทรายขนาดใหญ่ที่พื้นบ้าน ปูเบาะนิ่มๆ แล้วนั่งเล่นเกมกระบะทรายกับเย่เสี่ยวเวย
เย่เสียวอวี่มัดผ้าขนหนูไว้ที่หัว ใส่ผ้ากันเปื้อน ทำความสะอาดข้าวของพลางเหล่มองเสี่ยวเชี่ยนประหนึ่งเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกแม่สามีกลั่นแกล้ง
เล่นทรายช่วยรักษาได้เหรอ? ไม่ได้หลอกเธอจริงๆเหรอ?
“ก่อเสร็จยังจ๊ะ? ไหนขอพี่เหม่ยเหวยดูหน่อย…” เสี่ยวเชี่ยนเขยิบเข้าไปหาเวยเวยแล้วมองทรายที่เวยเวยก่อ สีหน้าเป็นกันเองสุดๆ แต่ในใจกลับลอบถอนหายใจ
เด็กคนนี้อาการหนักขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย…
กระบะทรายใช้รักษาโรคจิตเวชรวมถึงช่วยในการวินิจฉัยได้ ตอนนี้ในประเทศคนที่ใช้เทคนิคแบบนี้เป็นมีไม่มาก เลี่ยวฟู่กุ้ยพี่ชายของเสี่ยวเชี่ยนถนัดของแบบนี้มาก เสี่ยวเชี่ยนพอมีความรู้จากเมื่อชาติก่อน อีกทั้งชาตินี้ยังได้เรียนรู้จากเลี่ยวฟู่กุ้ยเพิ่มเติม เวลาๆว่างทั้งสองคนชอบแลกเปลี่ยนความรู้กัน เมื่อก่อนเลี่ยวฟู่กุ้ยเคยใช้วิธีนี้ทดสอบต้าหลง วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะใช้วินิจฉัยและรักษาโรคซึมเศร้าได้ ยังใช้รักษาภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่งของแฟนเย่เสียวอวี่ได้อีกด้วย
“พี่เหม่ยเหวยคะ ทำไมต้องให้หนูก่อทรายด้วยล่ะคะ?” เวยเวยถาม
ตอนที่รู้ว่าพี่เหม่ยเหวยไอดอลของตัวเองเป็นจิตแพทย์ เวยเวยก็แอบรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ไม่อยากไปหาหมอ ไม่ชอบใบหน้าเย็นชาของหมอที่ชอบถามนั่นถามนี่
แต่พี่เหม่ยเหวยไม่ได้ทำกับเธอแบบนั้น แค่ให้เธอเล่นเกม กินผลไม้
“นี่เป็นเกมกระบะทราย หนูก่อทรายตามที่พี่บอกจะช่วยให้พี่เข้าไปในโลกของหนูได้ โดยเฉพาะกับคนที่แสดงออกไม่เก่ง ใช้วิธีนี้ดีมากเลยนะ—เย่เสียวอวี่ เธออยากลองดูไหม?”
“ไม่เอา!” ตอนนี้เย่เสียวอวี่ค่อยๆเข้าใจเสี่ยวเชี่ยนทีละน้อยแล้ว รู้สึกว่าเหม่ยเหวยเป็นนางงูสาวที่ชอบหาเรื่องทำคนอื่นขายหน้า
ตอนบ่ายขณะที่เสี่ยวเชี่ยนพาเวยเวยเล่นการ์ดรูปภาพก็ได้ให้เย่เสียวอวี่ดูด้วย ถามเย่เสียวอวี่ว่าเห็นอะไร เย่เสียวอวี่ก็บอกไปตามที่เห็น ปรากฏว่าเสี่ยวเชี่ยนกลับหัวเราะเหมือนนางจิ้งจอกแล้วกระซิบข้างหูเธอ หลี่เจียเรื่องอย่างว่าใช้ไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ? คุณเสียวอวี่ต้องการให้ฉันเป็นผู้สนับสนุนแตงกวาไหม?
ตอนนั้นเย่เสียวอวี่ได้แต่อึ้ง เรื่องแบบนี้ก็ดูออกด้วยเหรอ?
รู้สึกว่าพวกจิตแพทย์น่ากลัวมาก สามารถใช้มุมมองทางจิตวิทยาดูออกได้ตั้งหลายเรื่อง
อันที่จริงเย่เสียวอวี่ถูกเสี่ยวเชี่ยนหลอกต่างหาก รูปภาพที่ใช้ทดสอบสภาพอารมณ์ดูเรื่องอย่างว่าของผู้ชายได้ที่ไหนกันล่ะ ตอนที่ไปบ้านเย่เสียวอวี่เสี่ยวเชี่ยนเห็นยาที่ทำให้อวัยวะตรงนั้นของผู้ชายปึ๋งปั่งพอดีก็เลยแกล้งพูดไปงั้น ทำให้เย่เสียวอวี่ถึงกับมองเสี่ยวเชี่ยนประหนึ่งเป็นเทพมีตาทิพย์
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนใช้กระบะทรายเพื่อทำความเข้าใจอาการของเวยเวยแล้วก็มองเวลาจากนั้นจึงหันไปถามเย่เสียวอวี่ “กับข้าวเสร็จหรือยัง เหมยจื่อคงใกล้กลับมาแล้ว”
เด็กคนนี้ไปสัมภาษณ์งานตั้งแต่บ่ายน่าจะใกล้กลับมาแล้ว
พอเสี่ยวเชี่ยนพูดจบประตูก็ถูกเปิดออก อวี๋หลิวเหมยเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก
“พี่สะใภ้! ฉันต้องการกำลังใจ! เยียวยาหัวใจฉันหน่อย!”
“ไม่ได้งานเหรอ?”
“เดิมกำลังจะได้แล้วเชียว ปรากฏว่าผู้อำนวยการเดินเข้ามาแล้วปฏิเสธฉัน บอกว่าผู้ชายที่มาด้วยกันดูโอเคกว่า แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม พวกเราก็ดูพอๆกัน!”
“ผู้ชายเหรอ?”
“อืม มาจากมหาลัยพี่สะใภ้! เห็นบอกว่าเรียนเอกการสอนพลศึกษา ทรงผมเขาดูประหลาดมาก สองข้างไถเกรียน ตรงกลางยาวนิดๆ ชื่ออะไรฉิวนี่แหละ—”
เสี่ยวเชี่ยนหัวเราะ ทรงผมแบบนั้นแค่พูดก็รู้แล้วว่าใคร
“เอาน่า งานนี้ก็ไม่ถือว่าตกไปอยู่ในมือคนนอก คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเศร้าไปหรอก ไว้พี่จะเรียกเขามานั่งกินเบียร์ทำความรู้จักกับเธอนะ”
“เพื่อนพี่เหรอ?”
“อืม เขาชื่อฉิวฉิว สนิทกับพี่มาก เวลาว่างๆชอบมากินข้าวด้วยกัน ช่วงนี้เขายุ่งฝึกงานใกล้เรียนจบเลยไม่ค่อยได้มาแถวนี้เท่าไร ปกติเวลาเขามาก็จะนอนที่โซฟา”
เย่เสียวอวี่หูผึ่ง เหม่ยเหวยสนิทกับผู้ชายอื่นอีกทั้งยังให้มานอนบ้านด้วย? กลับไปต้องจดบันทึกไว้ เธอต้องทำตัวใกล้ชิดแล้วขุดความลับของเฉินเสี่ยวเชี่ยนออกมาให้ได้! ทันใดนั้นเย่เสียวอวี่ก็มีแรงทำความสะอาดขึ้นมาทันที
“ที่แท้ก็เพื่อนพี่นี่เอง เห้อ ฉันต้องไปหางานอื่นอีกแล้ว พี่สะใภ้เดี๋ยวกินเบียร์เป็นเพื่อนหน่อยสิ”
พอกินข้าวเสร็จเวยเวยกับเย่เสียวอวี่ก็กลับ อวี๋หลิวเหมยเห็นเสี่ยวเชี่ยนยืนมองกระบะทรายอยู่นานจึงเดินเข้าไปถาม
“พี่สะใภ้ พวกพี่เล่นทรายพวกนี้มันได้ประโยชน์ยังไงเหรอ?” เธอเห็นในกระบะทรายมีรูปทรงต่างๆ ต้นไม้บ้าง สัตว์บ้าง วางอยู่รวมกันคล้ายกับเป็นโลกขนาดเล็ก หลิวเหมยแปลกใจจึงยื่นมือจะไปแตะ
เสี่ยวเชี่ยนตีมือเธอ “ห้ามแตะนะ! พี่กำลังวิเคราะห์อาการป่วย”
“พี่สะใภ้ล้อฉันเล่นเหรอ นี่มันก็แค่ของเล่นไม่ใช่เหรอ อ้อ แต่ก็ดูครบดีนะ ว่าแต่ทำไมงูมาอยู่ตรงนี้ล่ะ แปลกจัง”
อวี๋หลิวเหมยชี้ไปที่งูตัวเล็กพลางถาม เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า
“แปลกจริง ตำแหน่งตรงนั้นควรจะเป็นพ่อ แต่ทำไมถึงกลายเป็นงูพิษ มันน่าแปลกจริงๆ”
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าครอบครัวของเวยเวยมีปัญหา แต่เธอคิดว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่แม่ที่เป็นเซลล์ขายของ แต่ดูจากกระบะทราย ตำแหน่งของพ่อมันประหลาด มันเรื่องอะไรกัน?
“พี่สะใภ้ จากกระบะทรายนี่พี่ดูอะไรออกบ้างเหรอ?”
“พื้นที่ว่างแสดงถึงความโดดเดี่ยวของเขา การที่ไม่มีคนแสดงถึงความไม่ถนัดในการเข้าสังคม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนตรงกับอาการของเขาในตอนนี้ แต่ทำไมตำแหน่งของพ่อถึงได้เป็นงูล่ะ…”
ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตู
เย่เสียวอวี่ที่กำลังจะออกไปซื้อของเห็นผู้ชายใส่แว่นท่าทางดูดีคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านเหม่ยเหวย เธอรีบมองนาฬิกา นี่ก็ทุ่มนึงแล้วนะ
“มาแล้วเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนเปิดประตูแล้วเชิญเลี่ยวฟู่กุ้ยเข้าบ้าน
เห็นเย่เสียวอวี่มองมาด้วยความสงสัย เสี่ยวเชี่ยนจึงแกล้งพูดกับเลี่ยวฟู่กุ้ย “ตอนมาไม่มีคนเห็นใช่ไหม?”
“ไม่มีนะ ทำไมเหรอ?” เลี่ยวฟู่กุ้ยเพิ่งวินิจฉัยอาการจือหมิงเสร็จ เหนื่อยแทบสลบ แต่อยากมาหาน้องสาวก่อนกลับบ้าน เลยถือโอกาสซื้อของกินมาให้ด้วย
“ดีเลย วันนี้อวี๋ไข่เหล็กไม่อยู่บ้าน มาได้เวลาพอดีเลย!”
เสี่ยวเชี่ยนจงใจพูดให้ชวนคิดไปไกล จากนั้นก็ลากพี่ชายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเข้าบ้าน ตอนปิดประตูยังไม่ลืมแอบสังเกตสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเย่เสียวอวี่
เย่เสียวอวี่เข้าบ้านรีบล้วงสมุดจดบันทึกออกมาแล้วเขียนลงไปอย่างตั้งใจ
วันที่เท่าไรไม่รู้ บ้านเหม่ยเหวยได้มีผู้ชายใส่แว่นที่ไม่ทราบสถานะปรากฏตัว อีกทั้งยังพูดว่า อวี๋ไข่เหล็กไม่อยู่บ้าน มาได้ถูกเวลาจริงๆ
ถ้าเจออวี๋หมิงหลางจะต้องบอกเรื่องนี้ให้ได้ เหม่ยเหวยนิสัยแย่มาก!
“เชี่ยนเอ๋อ เล่นอะไรอยู่น่ะ? น้าเจี่ยให้พี่เอาของบำรุงมาให้—เอ๊ะ กระบะทรายนี่—” เลี่ยวฟู่กุ้ยพอเข้าบ้านมาก็เห็นกระบะทราย
สีหน้าเคร่งเครียดทันที