บทที่ 197 พลังเฮือกสุดท้าย[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 197 พลังเฮือกสุดท้าย[รีไรท์]

การสังหารปรมาจารย์หลายสิบคนอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังลมปราณในร่างกายของฉู่ชวิ๋นหมดไปจนเส้นไหมสีขาวไม่สามารถคงตัวอยู่ได้และสลายไปในอากาศ ฉู่ชวิ๋นเหนื่อยล้า จนไม่หลงเหลือพลังลมปราณอยู่ในร่างกายอีกแล้ว

ขณะนี้ ที่เขายังยืนอยู่ได้เพราะแรงผลักดันจากความแค้นและความศรัทธาเท่านั้น

ฉู่ชวิ๋นผู้ปราศจากพลังลมปราณ ยังยืนอยู่ได้ด้วยร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไปแถมร่างกายของเขาเคยอาบเลือดมังกรมาก่อน อีกทั้งเขายังเป็นผู้ใช้วิชาระดับสูง เพียงแค่พละกำลังที่มีอยู่ไม่ต้องพึ่งพาพลังลมปราณ ก็นับเป็นมวลพลังที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก

ถึงตอนนี้ ฉู่ชวิ๋นกำลังบาดเจ็บแต่มันก็หยุดเขาจากการคิดบัญชีแค้นครั้งนี้ไม่ได้

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปหาเจ้าสำนักความหวังใหม่แล้วต่อยหมัดออกไป ถึงแม้จะไม่มีพลังลมปราณ แต่มันก็เป็นหมัดที่หนักมากหมัดหนึ่ง

ผลั่ก!

เจ้าสำนักความหวังใหม่ร้องโหยหวน ยกมือขึ้นป้องกันลำตัว แต่เมื่อแขนของเขาถูกกำปั้นของชายหนุ่มกระแทกเข้าไป ร่างของเขาก็ลอยกระเด็นไปทันที

เจ้าสำนักกระบี่ฟ้าเป็นคนที่มีร่างกายใหญ่โต เขามีศีรษะล้านเกลี้ยงเกลา บวกกับสีหน้าที่สงบสุขุมอยู่ตลอดเวลาทำให้เขาดูเหมือนพระสงฆ์ไม่มีผิด เจ้าสำนักกระบี่ฟ้ายืนอยู่เฉย ๆ ก็โดนร่างของเจ้าสำนักความหวังใหม่ลอยกระเด็นเข้ามากระแทกอย่างจัง จนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่และล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นด้วยกันทั้งคู่

ฉู่ชวิ๋นดีดตัวขึ้นไปกลางอากาศ พื้นดินใต้เท้าของเขากลายเป็นหลุมขนาดเล็ก ชายหนุ่มลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าเหมือนกับนกเหยี่ยว ก่อนที่จะถลาลงมากระทืบเท้าลงไปบนหน้าอกของเจ้าสำนักความหวังใหม่

กร๊อบ!

วันนี้มีแต่เสียงกระดูกแตกหักดังตลอดทั้งวัน เจ้าสำนักความหวังใหม่ถูกเท้าของฉู่ชวิ๋นกระทืบลงไปเต็มหน้าอก กระดูกที่แตกหักแทงทะลุหัวใจของเขาอย่างโหดเหี้ยม!

ดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายอำมหิตของฉู่ชวิ๋น หันไปมองเจ้าสำนักกระบี่ฟ้า ก่อนที่จะตวัดขาเตะอย่างแรง

ผลั่ก!

เลือดพุ่งกระฉูด ฉู่ชวิ๋นเตะเข้าไปที่บริเวณขมับของเจ้าสำนักกระบี่ฟ้า ผู้เสียชีวิตไปโดยไม่ทันได้ส่งเสียงร้องสักคำ ในตอนนี้ พวกของเฉินหวูฮุยเหลือกันอยู่แค่เพียงสามคนแล้วเท่านั้น วิธีการฆ่าของฉู่ชวิ๋น ทำให้ทุกคนรู้สึกหนังหัวด้านชายิบ

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้ามา เตะก้อนหินที่ขวางทางอยู่ให้พุ่งตรงเข้ามาหาชายชราทั้งสามคน เมื่อก้อนหินลอยเข้ามาเหมือนลูกกระสุน ก็เกิดเสียงอากาศแหวกตัวออก เฉินหวูฮุยและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตพยายามเบี่ยงตัวหลบ ก้อนหินก้อนนั้นเฉียดผ่านหูของพวกเขาไปเพียงนิดเดียว แรงลมของก้อนหินกรีดแก้มของพวกเขาจนเลือดไหลไปเป็นทาง

โผละ!

ราชันวิญญาณหลบไม่ทัน จึงถูกก้อนหินพุ่งทะลุเข้าใส่ศีรษะอย่างจัง เลือดสาดกระจายออกมากลางอากาศ

ราชันวิญญาณก้าวเดินต่อไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ดวงตาของเขาก็ดำมืดและเขาล้มลงไปในที่สุด ฉู่ชวิ๋นเดินตามเข้าไปพร้อมกับกำมือเป็นหมัดแน่น

ราชันวิญญาณเงยหน้าขึ้นมาดู เลือดในกายของเขาเย็นเฉียบ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว บางทีเขาคงคิดว่าวันนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น เขาคงไม่คิดเลยว่าการเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ฟ้า จะทำให้เขาพบกับจุดจบเช่นนี้ได้

“ช่วยด้วย…” ราชันวิญญาณร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็โคจรพลังลมปราณเตรียมรับมือ

ผลั่ก!

กำปั้นของฉู่ชวิ๋นต่อยลงไปบนร่างกายของราชันวิญญาณอย่างหนักหน่วง เลือดสาดกระจาย บนร่างกายของราชันวิญญาณ เกิดเป็นรอยยุบจากหมัดของชายหนุ่มอย่างชัดเจน

ในตอนนี้ เฉินหวูฮุยและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตต่างก็พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยเหลือราชันวิญญาณ พวกเขาเข้าใจว่าถ้าตนเองหลบหนี ก็จะถูกฉู่ชวิ๋นตามฆ่าตาย ไม่ช้าก็เร็วคงดีกว่าถ้าพยายามสู้ให้สุดชีวิต ไม่แน่พวกเขาอาจมีโอกาสรอดอยู่บ้าง

กำปั้นของชายชราทั้งสองคนเต็มไปด้วยพลังลมปราณ ในขณะที่เข้าไปถึงตัวของฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นก็หันกลับมาต่อยหมัดใส่พวกเขา

ผลั่ก! ผลั่ก!

เฉินหวูฮุยและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ในขณะที่เซถอยหลังไปหลายก้าว

เฮือก!

ฉู่ชวิ๋นก็กระอักเลือดออกมาจำนวนมากเช่นกัน ร่างของเขาถูกพลังมาจากฝ่ายตรงข้ามกระแทกจนลอยกระเด็นไปไกลมากกว่าสิบเมตร แม้จะมีร่างกายแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม แต่ตอนนี้เขาบาดเจ็บมากเกินไป กระดูกไม่เรืองแสงเหมือนเดิมอีกแล้ว พลังลมปราณแตกซ่าน ไม่หลงเหลืออยู่ในร่างกายแม้แต่นิดเดียว

ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่ง เฉินหวูฮุยและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตกระอักเลือดออกมาก็จริง แต่ยังนับว่าสถานการณ์ดีกว่าฉู่ชวิ๋นมาก พวกเขาทั้งสองคนยังเหลือพลังลมปราณอยู่ในร่างกาย คนละประมาณหนึ่งส่วน

เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นลอยกระเด็นออกไปแบบนั้น เฉินหวูฮุยและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ปรากฏว่านี่คือจุดจบของฉู่ชวิ๋นเป็นแน่แท้ ทั้งสองคนหันมองหน้ากันและระเบิดเสียงหัวเราะ

“ฉู่ชวิ๋น วันนี้แกตายแน่” เฉินหวูฮุยพูดพลางหัวเราะ

“ฉันจะไปตัดหัวมันเอง…” เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตทำท่าจะเดินเข้าไปหา

“ใจเย็นก่อนท่านเจ้าสำนัก การจะฆ่าจอมมารทำไมต้องให้เปลืองมือพวกท่านด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันจะจัดการมันเอง” ราชันวิญญาณเงยหน้าขึ้นมาพูด ถึงแม้ว่าร่างกายจะบาดเจ็บ แต่มันก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาโกรธแค้นมากกว่าเดิม จนกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

“ฉันจะฆ่ามันเอง สำนักสวรรค์ฟ้าของฉันถูกมันทำลายต่อหน้าต่อตา ฉันคงปล่อยให้คนอื่นฆ่ามันไม่ได้หรอก” เฉินหวูฮุยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่าตนเองอยากจะเป็นคนปลิดชีพฉู่ชวิ๋น ผู้อาวุโสของสำนักสวรรค์ฟ้าถูกฆ่าตายไปมากมาย แม้แต่ภูเขาเซวียนฉีก็พังทลาย สำนักสวรรค์ฟ้าถูกถล่มจนไม่เหลือชิ้นดี

บัดนี้หนทางกอบกู้ชื่อเสียงของสำนักสวรรค์ฟ้ามีแค่เพียงทางเดียวเท่านั้น ก็คือฆ่าฉู่ชวิ๋นทิ้งซะ!

ฉู่ชวิ๋นมีชื่อเสียงเลื่องลือในโลกยุทธภพ ถ้าฆ่ามันได้สำเร็จ เฉินหวูฮุยก็จะกลับมาเลื่องชื่อในยุทธภพอีกครั้ง บางทีอาจได้รับความเกรงขามมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป เท่ากับเป็นการก่อตั้งสำนักสวรรค์ฟ้าขึ้นมาใหม่ไปในตัว แต่อย่างไรก็ตาม ราชันวิญญาณและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตก็มีความคิดเดียวกันนี้เช่นกัน ถึงแม้ว่าสำนักของพวกเขาจะไม่ได้ถูกทำลาย แต่ถ้าพวกเขาเป็นคนฆ่า ฉู่ชวิ๋น แน่นอนว่าน่าจะเป็นหลักประกันถึงชีวิตที่จะรุ่งเรืองไปตลอดกาล ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ได้ดีเท่ากับการฆ่าฉู่ชวิ๋นอีกแล้ว

ฉู่ชวิ๋นบาดเจ็บหนักเกินไป หมัดของเฉินหวูฮุยและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตทำให้เส้นลมปราณในร่างกายของเขาแตกซ่านเสียหาย

ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นยืน แต่เมื่อลุกขึ้นมาแล้ว ก็กลับล้มลงไปอีกด้วยความอ่อนแรง หลงอ๋าวกำหมัดแน่นตลอดเวลา พลังลมปราณแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ความแค้นที่มีทำให้เขาอยากจะฆ่าเฉินหวูฮุยและพวกพ้องให้แหลกเหลวไปกับตา แต่เขารู้ตัวดีถ้าเขาไปช่วยฉู่ชวิ๋นก็เหมือนฆ่าฉู่ชวิ๋นทางอ้อมเส้นทางยุทธ์ไม่มีทางพื้นคืนถ้าฉู่ชวิ๋นไม่อาจแก้แค้นเองจนสำเร็จ ฉู่ชวิ๋นจะกลายเป็นเพียงซากศพหลังพาเขาออกมา

ฉู่เทียนเหอน้ำตาไหลนองใบหน้า เขาไม่พูดอะไรสักคำ เขาเข้าใจฉู่ชวิ๋นดี ถ้าไม่แก้แค้นด้วยตัวเอง มันก็คงกลายเป็นตราบาปที่ทำให้ลูกชายของเขารู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

หลิวหรานมองอะไรไม่เห็น แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าฉู่ชวิ๋นกำลังเจอปัญหาใหญ่ หญิงวัยกลางคนมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากและพยายามถามออกมาหลายครั้ง แต่ฉู่เทียนเหอก็ไม่บอกอะไรเธอเลย ทุกคนรู้สึกเศร้าเสียใจ ฉู่ชวิ๋นจอมอำมหิต ฉู่ชวิ๋นจอมมารร้าย หรือไม่ว่าจะเป็นฉายาอะไรก็ตามที่ทำให้ศัตรูหวาดกลัว ในตอนนี้เขากลับลุกไม่ขึ้นแล้วด้วยซ้ำ ทำให้ผู้ที่ได้เห็นภาพนี้รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง

พวกเฉินหวูฮุยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ฉู่ชวิ๋นกำลังพบจุดจบของชีวิตแล้วจริง ๆ

“พวกเราสามคนเข้าไปฆ่ามันพร้อมกันเลยเถอะ” เฉินหวูฮุยยื่นข้อเสนอ เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตและราชันวิญญาณไม่พูดอะไร จึงไม่เกิดความขัดแย้งนี่คือหนทางที่ประนีประนอมที่สุดแล้ว

ชายชราทั้งสามคนเดินตรงเข้าไปหาฉู่ชวิ๋น เหมือนสัตว์ป่าสามตัวที่กระหายเลือดเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นเป็นเหมือนเหยื่อที่ไร้ทางสู้ของพวกเขา

“ฉู่ชวิ๋น ได้ข่าวมาว่าตั้งแต่ที่แกโด่งดังขึ้นมา แกไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครเลย วันนี้แหละ พวกเราสามคนจะมอบความพ่ายแพ้ให้แกเอง ฮ่าๆ…” เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตยิ้มอย่างอวดดี บนใบหน้าปรากฏความภูมิใจในตัวเองไม่สิ้นสุด ดวงตาของชายชราอีกสองคนเป็นประกายด้วยความอำมหิต

ทั้งสามคนเงื้อมือขึ้นพร้อมกัน เพียงแค่พวกเขาฟาดฝ่ามือลงไป ฉู่ชวิ๋นก็จะต้องตายแน่นอน หลงอ๋าวเริ่มโคจรพลังไปที่ฝ่ามือ เขาทนดูตัวร้ายทั้งสามตัวนั้นฆ่าฉู่ชวิ๋นไม่ได้จริง ๆ

แต่ก่อนที่หลงอ๋าวจะได้เข้าไปช่วยเหลือ เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น ชายชราเห็นว่าฉู่ชวิ๋นกระโดดลุกขึ้นมา เหมือนตะเกียงที่หมดไฟแต่อยู่ดี ๆ ก็มีไฟลุกโชนกลับขึ้นมาอีกครั้ง

ผลั่ก!

เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ เฉินหวูฮุยและราชันวิญญาณถึงกับตกตะลึงไปแล้ว! มือของฉู่ชวิ๋นกำลังจับไปที่แขนของเฉินหวูฮุย แขนของเฉินหวูฮุยกำลังจะถูกฉีกกระชากอย่างรุนแรง

“อ๊าก…” เฉินหวูฮุยส่งเสียงร้องโหยหวน รู้สึกได้เลยว่าแขนกำลังถูกฉีกกระชากออกไป ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว

ราชันวิญญาณตอบสนองอย่างทันท่วงที วาดฝ่ามือกระแทกพลังลมปราณเข้าไปที่แผ่นหลังของฉู่ชวิ๋น ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่

“ปล่อยเขามาซะ…” ราชันวิญญาณคำราม ปล่อยหมัดเข้าใส่แผ่นหลังของฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง โชคดีที่พลังลมปราณของราชันวิญญาณก็เหลือน้อยเต็มทน ถ้าเป็นในตอนปกติ ถูกต่อยเข้าไปแบบนี้ ฉู่ชวิ๋นคงตายคาที่ไปแล้ว

แต่ถึงจะมีพลังลมปราณน้อยยังไง มันก็ทำให้ฉู่ชวิ๋นต้องกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

“ย๊าก…” เส้นผมของฉู่ชวิ๋นปลิวไสวในขณะที่เงยหน้าคำรามใส่ท้องฟ้า

ฟู่!

เลือดสาดกระจาย เฉินหวูฮุยกรีดร้องเหมือนกับวิญญาณร้าย แขนข้างหนึ่งถูกฉีกกระชากออกไปด้วยมือเปล่าของฉู่ชวิ๋น ส่วนกระดูกก็แตกละเอียด เฉินหวูฮุยเกือบจะตายด้วยความเจ็บปวดแล้ว แขนข้างหนึ่งของเขาฉีกขาด กระดูก กล้ามเนื้อและเส้นเลือดถูกฉีกขาดเช่นกัน ความเจ็บปวดนี้สามารถ ฆ่าคนตายได้ง่าย ๆ เลย ในขณะนี้เลือดพุ่งออกมาเหมือนกับน้ำพุ ยิ่งชีพจรเต้นแรงเท่าไหร่เลือดยิ่งพุ่งออกมาเยอะเท่านั้น เฉินหวูฮุยร้องโหยหวนอย่างน่าสยองขวัญ เขาทั้งกลัวความตายและยังไม่อยากตายตอนนี้ แต่ไม่นานเสียงก็เงียบลง เจ้าสำนักสวรรค์ฟ้าตายไปทั้งแบบนี้!

ฉู่ชวิ๋นมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แม้ว่าเขาจะไม่มีเรี่ยวแรงอีกแล้ว แต่เสียงเรียกร้องในจิตใจก็บอกเขาว่า การแก้แค้นให้แก่ฮวาชิงหวู่ยังไม่สำเร็จ เขาจะล้มลงตอนนี้ไม่ได้

“ย๊าก…” ฉู่ชวิ๋นคำรามอีกครั้ง หันขวับกลับมา และปาแขนของเฉินหวูฮุยพุ่งตรงเข้าไปหาราชันวิญญาณ

ฟู่!

เลือดสาดกระจาย ราชันวิญญาณร้องโหยหวน นิ้วมือจากแขนที่ขาดของเฉินหวูฮุยจิ้มทะลุเข้าไปในดวงตาของเขา เมื่อฉู่ชวิ๋นดึงแขนมนุษย์กลับไป ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ถูกควักออกมาด้วย ราชันวิญญาณล้มลงไปดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น พร้อมกับร่ำร้องว่า

“ตาฉัน ตาฉัน…”

ฟู่!

เลือดเป็นสายพุ่งฉีดเข้ามาที่ใบหน้าของฉู่ชวิ๋น ในขณะนี้ แขนข้างที่ขาดของเฉินหวูฮุยกลายเป็นอาวุธให้ฉู่ชวิ๋นใช้แทงทะลุเข้าไปที่หัวใจของราชันวิญญาณ

ในที่สุด เสียงกรีดร้องของราชันวิญญาณเงียบลงไปอีกคน! ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยเลือดสีแดงก่ำ ชายหนุ่มเดินโซเซเข้าไปหาเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น

ทุกย่างก้าว เขาต้องรีดเค้นพละกำลังแทบจะทั้งหมดของร่างกาย ทุกย่างก้าวของเขามีความยากลำบากเหมือนกับกำลังปีนยอดเขาสูง ระยะทางเพียงแค่สิบเมตร ฉู่ชวิ๋นต้องใช้เวลาเดินครึ่งค่อนวัน เมื่อเดินไปถึงตัวเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต ชายหนุ่มก็ล้มลงนอนทับร่างของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต

เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตเองก็หมดพลังแล้ว แค่กระดิกนิ้วก็ยังทำไม่ได้ เขาได้แต่เฝ้ามองฉู่ชวิ๋นล้มลงมาทับร่างของตัวเอง ฉู่ชวิ๋นยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด ทำให้เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตรู้สึกเย็นวาบไปทั่วกาย

ฉู่ชวิ๋นรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ในร่างกายกัดเข้าไปที่ลำคอของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต เลือดเป็นสายพุ่งออกมาจากมุมปากของเขาเหมือนกับน้ำพุ ฉู่ชวิ๋นค่อย ๆ ฟุบหน้าลงอย่างเชื่องช้า เนื่องจากได้ใช้เรี่ยวแรงฮึดสุดท้ายหมดไปแล้วนั่นเอง

ร่างกายของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตชักกระตุก ดวงตาเหม่อลอย ฉู่ชวิ๋นกัดลงไปที่บริเวณเส้นเลือดใหญ่บนลำคอของเขา เลือดยังคงไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา เจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตก็ขาดใจตาย!

“เสี่ยวหวู่ รอผมด้วยนะ…” นี่คือความคิดสุดท้ายของฉู่ชวิ๋น หลังจากนั้น สติของเขาก็ดับวูบลง หิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า สายลมโชยพัดแผ่วเบา

ท้องฟ้าและผืนดินบรรจบกันในวินาทีนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างปกคลุมอยู่ภายใต้สีขาวนวล จอมยุทธ์จำนวนนับพันคนที่ยืนดูเหตุการณ์ ต่างก็คิดไปในทิศทางเดียวกันว่า นี่คือการดับสูญเพื่อปูทางไปสู่การเริ่มต้นยุคสมัยใหม่!