ตอนที่ 347 ใครบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นเพื่อให้ตื่นตูมกันไปเอง / ตอนที่ 348 ฉากนั้น!

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 347 ใครบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นเพื่อให้ตื่นตูมกันไปเอง

 

 

เธอกะพริบตาสองครั้งแล้วเคลื่อนสายตามองอีกฝ่าย ก่อนเสียงเย็นจะเอ่ยขึ้นอย่างดังฟังชัด…

 

 

“ใครบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นเพื่อให้ตื่นตูมกันไปเอง”

 

 

เฉินเชียนโหรวย่นคิ้วเข้าหากันแน่น หัวใจพลันเต้นเร็วขึ้นจนอยู่ไม่สุข

 

 

ป๋อจิ่งชวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาจ้องมองไพ่ที่เหลืออยู่อย่างละสองใบในมือไปมาระหว่างแจ็คโพธิ์แดงและแจ็คโพธิ์ดำ สุดท้ายเขาก็จับมันโยนลงบนโต๊ะไปพร้อมๆ กันทั้งสี่ใบ

 

 

อินรุ่นเจวี๋ยมองไพ่สี่ใบที่ป๋อจิ่งชวนเป็นคนทิ้งลงมาด้วยตาเป็นประกาย “แม่ง ระเบิด!”

 

 

“…”

 

 

“…”

 

 

ป๋อจิ่งชวนกวาดตามองอินรุ่ยเจวี๋ยด้วยสายตาเยือกเย็นไปหนึ่งครั้ง ทำเอาอีกฝ่ายรีบปิดปากสนิท

 

 

ยอมแพ้ไปโดยปริยาย

 

 

ในตอนนั้นเสียงไร้อารมณ์ของเฉินฝานซิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

 

“เฉินหยินเซินน่ะ ฉันเจอแล้ว”

 

 

ราวกับเจ็ดคำนั้นได้จุดชนวนระเบิด!

 

 

ทุกคนต่างพากันฮือฮา!

 

 

เฉินหยินเซินมาที่นี่จริงๆ ด้วย!

 

 

รอยยิ้มปั้นแต่งบนใบหน้าของเฉินเชียนโหรวถูกแช่แข็งไปในทันที สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด ดวงตาเบิกกว้างจนแทบถลน

 

 

“พี่…พี่ว่าไงนะ”

 

 

เธอเพิ่งจะรวบรวมสติและโต้ตอบกลับได้ในตอนนี้ สิ่งที่เธอกลัวก็คือ…เฉินฝานซิงคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก!

 

 

เฉินฝานซิงมองปฏิกิริยาของน้องสาวราวกับกำลังมองตัวตลกตัวหนึ่งอยู่ก็ไม่ปาน ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง

 

 

“จะว่าไป อันที่จริงถ้าพวกเธอไม่มาวุ่นวายกับฉัน ฉันเองก็คงจะยังไม่รู้หรอกว่านั่นคือเขา แต่เท่าที่ฉันรู้ เฉินหยินเซินคือลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่างๆ กับหลินเฟยเฟยไม่ใช่เหรอ”

 

 

ซูเหิงขมวดคิ้วมุ่น ลูกพี่ลูกน้องของหลินเฟยเฟย?

 

 

จังหวะการหายใจเธอหนักหน่วงขึ้นตามความตื่นตระหนกโดยที่เธอไม่รู้ตัว “ม…เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น”

 

 

“เรื่องนี้เธอเองก็รู้เหรอ ซูเหิงนายรู้รึเปล่า”

 

 

ซูเหิงตอบหน้าเสีย “ไม่รู้”

 

 

ก่อนเขาจะหันไปมองเฉินเชียนโหรว “เชียนโหรว เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

 

 

สองขาของเชียนโหรวพลันอ่อนยวบจนแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น

 

 

ซูเหิงรีบประคองเธอเอาไว้ พลางถามออกไปด้วยน้ำเสียงสงสัย ทว่ายังไม่ทิ้งความอบอุ่นและห่วงหา “เป็นอะไรไป เชียนโหรว”

 

 

เฉินเชียนโหรวตกใจจนริมฝีปากของเธอแทบจะเปลี่ยนเป็นสีขาว เธอส่ายหน้าในขณะที่พาร่างสั่นเทิ้มของตัวเองซบเข้าหาอ้อมกอดของซูเหิงไว้อย่างแนบแน่น

 

 

“สามปีก่อนฉันคอยตามหาเฉินหยินเซินมาตลอด น่าเสียดายที่ฉันหาเขาไม่เจอ แต่เหมือนว่าวันนี้ฉันต้องขอบคุณหลินเฟยเฟยนะ ที่ช่วยฉันหาเขาจนเจอ!”

 

 

เสียงทรงพลังของเฉินฝานซิงราวกับเป็นค้อนหนักๆ ที่หล่นลงใส่หัวใจของพวกเขา และมันยากมากที่จะมองผ่านไปได้!

 

 

หัวใจของเฉินเชียนโหรวราวกับถูกบางสิ่งแบ่งมันออกเป็นดวงเล็กดวงน้อย และทุกๆ ดวงกำลังเต้นพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง เผลอยกฝ่ามือเย็นเฉียบที่กำเข้าหากันแน่นขึ้นมากุมอกเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว

 

 

“ฉันต้องถามเขาดูดีๆ ซะแล้ว ว่าสรุปแล้วในงานแข่งขันเปียโนเมื่อหกปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

 

 

เฉินเชียนโหรวรีบเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าลนลาน “พี่…พี่คะ พี่จำคนผิดรึเปล่า”

 

 

เฉินฝานซิงยิ้มอย่างเชื่อมั่นในตัวเองพลางสายหน้าไปมา สายตาของเธอแหลมคมดั่งศรธนู “เธออยากให้ฉันมองคนผิดเหรอ”

 

 

เฉินเชียนโหรวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “จะเป็นไปได้ยังไง! ฉันก็แค่คิดว่าคนที่พี่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ คงจะไม่มาปรากฏตัวให้เห็นได้ง่ายๆ”

 

 

“ใครว่าไม่ล่ะ เธอว่าสวรรค์จะไม่ช่วยฉันสักหน่อยเลยเหรอ ย่ำหาจนรองเท้าเหล็กสึกกลับไม่เจอ แต่พอเจอก็แทบไม่ต้องเสียเวลา”

 

 

เธอยกยิ้มพลางตบเท้าเดินมาหยุดลงตรงหน้าอธิการบดีที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มไปแล้ว โน้มตัวหยิบคีย์การ์ดที่เปิดได้ทุกห้องในมือเขาออกมา

 

 

 

 

ทุกคนต่างพากันฉงน

 

 

แต่ฟังดูจากน้ำเสียงแล้ว หรือว่าข่าวฉาวเมื่อหกปีก่อนนั่นเฉินฝานซิงอาจจะถูกปรักปรำ

 

 

นาทีที่พวกนักข่าวเริ่มได้กลิ่นทะแม่งๆ นัยน์ตาของพวกเขาก็ลุกวาวขึ้นด้วยความตื่นเต้น!

 

 

พวกเขาไล่มองตามเฉินฝานซิงไปไม่ละสายตา

 

 

“หกปีนี้ ไม่มีใครจะอยากรู้ไปมากกว่าฉันหรอกว่าทำไมจู่ๆ ตอนนั้น เฉินหยินเซินถึงได้มาโผล่อยู่ในห้องพักของฉันได้! แต่อีกเดี๋ยวก็จะได้รู้กันแล้ว!”

 

 

เฉินฝานซิงว่าพลางหยุดพลาง สายตาเยือกเย็นกวาดมองใบหน้าซีดขาวของเฉินเชียนโหรว ก่อนจะก้าวฉับๆ ไปยังห้องตรงข้าม!

 

 

 

 

 

ตอนที่ 348 ฉากนั้น!

 

 

เฉินเชียนโหรวจับมือซูเหิงไว้แน่น สีหน้าเธอดูร้อนรนจนปิดไม่มิด

 

 

“พี่เหิงคะ ในเมื่อพี่เขาไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นเราไปกันเถอะค่ะ ฉันเหนื่อยมากแล้ว แล้วก็ปวดเท้ามากด้วย!”

 

 

ซูเหิงขมวดคิ้วแน่น เมื่อหันมองไปยังเฉินเชียนโหรว เขาก็พบว่าสีหน้าของเธอดูแย่ลงจนหน้าตกใจ ราวกับไร้สีของเลือดฝาด ใบหน้าชวนหลงใหลมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นท่วมหน้า สภาพที่ดูอ่อนแอเช่นนั้นชวนให้คนเห็นใจได้ง่ายๆ

 

 

แต่ว่า ต้องไปตอนนี้?

 

 

“จะไปตอนนี้แน่เหรอ หรือให้ฉันเปิดห้องให้เธอพักผ่อนสักหน่อยดีไหม”

 

 

“ไม่! ไม่ๆ พี่เหิง ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันอยากให้พี่ไปกับฉัน…”

 

 

เฉินเชียนโหรวลากซูเหิงออกไปอย่างหวาดวิตก แต่ว่าในตอนนั้นเอง ติ๊ด ห้องของหลินเฟยเฟยถูกเปิดออก!

 

 

กลิ่นหอมจางๆ ของดอกกุหลาบโชยออกมาจากห้อง แต่สิ่งที่ทำให้น่าตกใจนั่นก็คือเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากข้างใน…

 

 

“อืม…พอ…พอได้แล้ว…”

 

 

“อ๊า…อ๊า…ไม่พอๆ…อ๊า…อืม…รู้สึกดีจังเลย…”

 

 

อาจจะเป็นเพราะไปโดนจุดที่ถูกใจเข้า เสียงร้องออดอ้อนของหญิงสาวจึงได้ยิ่งดังขึ้นทุกที

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูเหิงที่ถูกเฉินเชียนโหรวดึงให้หันไปทางอื่นแล้วก็ต้องชะงักเท้าลงในทันที

 

 

ไหล่ของเฉินเชียนโหรวแนบสนิทอยู่กับฝาผนัง สองขาอ่อนยวบจนแทบล้มลงไปกับพื้น

 

 

เสียงนี้มัน…

 

 

เสียงของเฟยเฟย!

 

 

ตอนนี้ในสมองของเธอยุ่งเหยิงไปหมด ทว่ามีเพียงความคิดหนึ่งที่ยังคงสะท้อนให้ได้ยินอย่างชัดเจนและไม่ขาดสาย

 

 

เธอโดนนังชั่วเฉินฝานซิงนั่นตลบหลังเข้าให้แล้ว!

 

 

เธอถูกเล่นงานอีกแล้ว!

 

 

ถูกเฉินฝานซิงเล่นงานอีกแล้ว!

 

 

ตอนแรกก็นึกว่าการที่หลินเฟยเฟยกับเฉินหยินเซินหายตัวไปนั้น ช่างเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรจะน่ายินดีไปกว่านี้แล้ว แต่ที่ไหนได้ พวกเขากลับมาอยู่กันที่นี่

 

 

อีกทั้งยัง…

 

 

เสียงลามกยังคงแว่วออกมาจากห้องของหลินเฟยเฟยอย่างไม่ขาดสาย และสภาพของทั้งสองคนบนเตียงก็ทำเอาทุกคนตะลึงกันไปตามๆ กัน

 

 

ชายหนุ่มในสูทสีเทา เชิ้ตสีควันบุหรี่ ถูกมัดไว้กับหัวเตียง เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกจนขาดรุ่งริ่งเผยให้เห็นผิวขาวเหมือนไก่ต้มที่เต็มไปด้วยรอยข่วนและรอยจูบ

 

 

ส่วนฝ่ายหญิง ชุดราตรีบนร่างของเธอได้ถูกโยนทิ้งไปตั้งนานแล้ว เรือนร่างขาวสะอาดยั่วยวนสายตาอยู่ท่ามกลางแสงไฟ ใบหน้าเธอขึ้นสีแดงจัดและเคลิบเคลิ้มด้วยแรงอารมณ์ ตอนนี้เธอขึ้นไปนั่งอยู่บนตัวของชายหนุ่ม แอ่นสะโพกและขยับขึ้นลงเร็วๆ

 

 

“อืมอา…รู้สึกดีจัง…อ่า…”

 

 

หลินเฟยเฟยเชิดหน้า ส่งเสียงร้องออดอ้อนออกมาอย่างไม่ขาดสายราวกับคนขาดสติ เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้ประตูห้องถูกเปิดออกแล้ว

 

 

“พระเจ้า นั่นหลินเฟยเฟยไม่ใช่เหรอ”

 

 

“สูทสีเทา เชิ้ตสีควันบุหรี่…นั่นไม่ใช่เฉินหยินเซินหรอกหรอ”

 

 

“พวกเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันไม่ใช่หรอ นี่มัน…กิน…”

 

 

“เชี่ย! นี่ไม่ใช่แค่กินกันเองในครอบครัวนะ ยังจะเล่นมัดเชือกกันอีก?! แม่งเอ๊ย เร่าร้อนสุดๆ ไปเลย หน้าไม่อายๆ!”

 

 

นอกจากจะประหลาดใจแล้ว อินรุ่นเจวี๋ยยังกระโจนออกไปอยู่ตรงหน้าสุด เมื่อเห็นเข้ากับสังเวียนรบตรงหน้า เขาก็รีบยกมือขึ้นปิดตาแสร้งเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา!

 

 

เฉินฝานซิงเองก็เผลอกะพริบตาปริบๆ อย่างลืมตัว ภาพแบบนี้ มันเกินความคาดหมายเธอไปมาก!

 

 

แต่ว่าเรื่องที่ควรสะสางอย่างไรก็ต้องถูกสะสาง เธอทนมาตั้งหลายปี มาจนถึงขั้นนี้แล้วจะให้มาหยุดตรงนี้ได้อย่างไร!

 

 

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เตรียมจะสาวเท้าเข้าไปยังเตียงหลังนั้น!

 

 

แต่ทว่าจู่ๆ ดวงตาของเธอก็กลับถูกปิดไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่เย็นเฉียบ ตามมาด้วยแผ่นหลังของเธอที่แนบเข้ากับแผ่นอกหนา กลิ่นหอมสดชื่นของเขาทำเอาเธอต้องหยุดชะงักไปทันที

 

 

ก่อนที่หลังจากนั้นเธอจะถูกดึงเข้ามาให้หยุดยืนอยู่ข้างกายเขา

 

 

“รุ่ยเจวี๋ย เข้าไปดู”

 

 

เสียงเย็นชาของป๋อจิ่งชวนดังขึ้น ชวนให้ทุกสายตาหันมามองป๋อจิ่งชวนที่ไม่รู้ว่าเดินเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน

 

 

ร่างสูงสง่าส่งผ่านความสูงศักดิ์ออกมาให้เห็นเด่นชัด รอบตัวเขาเต็มไปด้วยรัศมีที่ทำให้ใครๆ ต่างก็ยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย

 

 

“ทำไมอะ พี่ป๋อ ผมยังเด็กอยู่นะ! ฉากนั้นมันสกปรกสุดๆ!”