อวี๋หมิงหลางเอาโทรศัพท์แนบกับหัวไหล่ มือก็ทำอย่างอื่น เสียงอันไพเราะของเสียวเหม่ยสุดที่รักลอยมาตามสาย
ทั้งสองคนคุยกันเรื่อยเปื่อย ไม่ได้มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ นี่เป็นวิธีการใช้เวลาว่างที่อวี๋หมิงหลางชอบที่สุด ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน แค่ได้ยินเสียงของเธออารมณ์เขาก็จะดีขึ้น
“ฟู่กุ้ยมาเหรอ?”
“อืม น่าเสียดายที่มาช้าไปก้าวเดียว ฉันอยากจะเปิดเพลงนั้นจริงๆ น่าเสียดายที่ไม่ใช่คุณที่เดินเคียงข้างฉันตลอดไป~” เสี่ยวเชี่ยนมองผ่านประตูกระจกเข้าไป เลี่ยวฟู่กุ้ยกำลังตั้งใจมองหลิวเหมยจับวางของในกระบะทราย
ดูจากภายนอก สองคนนี้ก็ดูเคมีเข้ากันได้ดี แต่น่าเสียดายที่พี่ชายเธอมาช้าไป
“ลูกเชี่ยน คุณห้ามฉวยโอกาสตอนที่ผมไม่อยู่ทำอะไรไม่ดีนะ รื้อฟื้นถ่านไฟเก่ากับฟู่กุ้ยตั้งแต่เมื่อไร?” อวี๋หมิงหลางหยุดแปรงที่อยู่ในมือ รู้สึกไม่โอเคเท่าไร
“นายว่าอะไรนะ? ถ่านไฟเก่าอะไร?”
เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้เรื่องที่เลี่ยวฟู่กุ้ยเคยรู้สึกดีๆกับเธอ ทหารป่าเถื่อนคนนี้นี่แหละที่เจ้าเล่ห์ เหยียบต้นกล้าความรักของอีกฝ่ายขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี
“แค่กๆ ผมจะถามว่าที่ว่ามาช้าไปคุณหมายถึงอะไร?” อวี๋เสี่ยวเฉียงจอมเจ้าเล่ห์ไม่มีทางบอกเสี่ยวเชี่ยนหรอกว่าเลี่ยวฟู่กุ้ยเคยรู้สึกดีๆกับเธอด้วย
“เดิมฉันอยากจะแนะนำหลิวเหมยให้เขารู้จัก แต่หลิวเหมยมีแฟนตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“เรื่องนี้น่ะเหรอ…พอคุณพูดผมถึงได้นึกออก ลูกเชี่ยน ผมมีภารกิจจะให้ทำ คุณจะทำได้ไหม?”
ช่วงหลายวันมานี้อวี๋หมิงหลางมัวแต่ยุ่งเรื่องแต่งงาน จนเกือบลืมเรื่องที่ทางบ้านวานให้เขาทำ
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“พ่อของหลิวเหมยซึ่งก็คืออาของผมบอกว่า ถ้าใครสามารถทำให้หลิวเหมยล้มเลิกความคิดเรื่องแต่งงานได้ก็จะให้รถเป็นรางวัล ผมว่าคุณก็ได้เวลาเปลี่ยนรถแล้วนะ…”
เสี่ยวเชี่ยนอยากขำให้น้ำตาไหล
“อวี๋เสี่ยวเฉียง พวกนายคิดว่าฉันเป็นอะไร เป็นแม่สื่อหรือไง?”
“ไม่ๆๆ แม่สื่อคือคนที่ทำให้คนอื่นได้แต่งงานกัน พวกเราจะจับแยก ทำเอาบุญน่ะ ผมเป็นพี่ทำเรื่องนี้คงไม่เหมาะ คุณเป็นพี่สะใภ้อยู่ว่างๆก็ลองปรับทัศนคติเขาดู เด็กโง่คนนี้ไม่รู้หรอกว่าการแต่งงานคืออะไร อยากจะประชดคนที่บ้านเลยหาใครก็ไม่รู้มาแต่งงานด้วย เรื่องนี้ทำตัวไม่เหมาะสม”
“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน?”
“พูดง่ายๆก็คือ หลิวเหมยไม่พอใจคนในบ้าน พ่อแม่เขาเป็นข้าราชการใช่ไหมล่ะ ตอนท้องก็วางแผนไว้แล้วว่าจะมีลูกคนเดียว แต่เขาดันมาเกิดเป็นลูกคนที่สอง อาผมก็เลยเอาชื่อไปใส่ที่บ้านอาสี่ หลิวเหมยสุขภาพอ่อนแอตั้งแต่เด็ก ไปดูดวงมาหมอดูก็บอกว่าเมื่อชาติก่อนเขาเป็นเด็กวัดมาก่อน ดวงชงพ่อแม่ชงตัวเอง ต้องส่งไปเรียนศิลปะการต่อสู้ ทางบ้านก็เลยส่งไป ปรากฏว่าเขาก็เก็บความไม่พอใจมาตลอด ที่บ้านให้ทำอะไรก็ไม่ยอมทำ ก่อนหน้านี้อยู่ๆก็บอกว่าจะแต่งงาน อาผมโมโหแทบตาย”
“อานายนี่ก็ใช้ได้เลยนะ เป็นถึงข้าราชการเชื่อเรื่องงมงายด้วยเหรอ? เด็กตัวแค่นั้นก็ส่งไป?”
“รายละเอียดผมก็ไม่รู้นะ เอาเป็นว่าหลิวเหมยจะแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ให้ได้ อากับอาสะใภ้ผมจนปัญญาแล้ว คุณช่วยให้ความรู้กับเด็กคนนี้เรื่องการมีครอบครัวหน่อยสิ”
“อ่อ นายวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมล่ะ? ก่อนหน้านี้ไม่พูด รอฉันสนิทกับหลิวเหมยก่อนนายถึงได้มาพูดเพราะฉันจะได้ปฏิเสธไม่ได้ใช่มะ?”
อวี๋หมิงหลางหัวเราะแห้งๆ “ผมก็แค่เป็นห่วงครอบครัว ถ้าคุณพอทำได้ก็ช่วยผมหน่อยนะ ถ้าทำไม่ได้เดี๋ยวผมหาทางอื่น ผมไม่มีทางรื้อบ้านตัวเองไปซ่อมบ้านคนอื่น ความสุขของเมียผมเป็นเรื่องสำคัญเรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
เสี่ยวเชี่ยนทำเสียง หึ ออกมา “รู้จักพูดนะนายเนี่ย—ทำอะไรอยู่น่ะ? ฉันได้ยินเสียงแปลกๆตลอดเลย”
อย่างกับเสียงบางอย่างเสียดสีกัน?
“อ่อ ทำงานนิดหน่อยน่ะ ลูกเชี่ยน คุณชอบสีอะไรเหรอ?”
“ได้หมด แต่ช่วงนี้ชอบสีเขียว” เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้คิดไปในทางอื่น แค่รู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติดี สีเขียวเห็นแล้วสบายตา
อวี๋หมิงหลางก้มหน้ามองถังสีแล้วทำหน้าครุ่นคิด สีเขียวเหรอ…
“ตกลงนายทำอะไรอยู่?”
“เปล่า~ อีกสองวันผมมีเซอร์ไพร้ส์ให้คุณ”
“เหอๆ…” เสี่ยวเชี่ยนฝืนหัวเราะ ปกติเวลาที่เสี่ยวเฉียงบอกว่ามีเซอร์ไพร้ส์ สุดท้ายมันคือเรื่องเซ่อซ่าทั้งนั้น
“จริงสิเสี่ยวเฉียง ถามเรื่องกฎหมายหน่อย ถ้าฉันสงสัยว่าพ่อบุญธรรมคุกคามทางด้านร่างกายลูกสาวบุญธรรม จะตัดสินโทษได้ไหมในขณะที่ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขา?”
“เด็กอายุถึงสิบสี่ไหม?”
“ถึงแล้ว”
“ถูกคุกคามครั้งล่าสุดเมื่อไร?”
“ตอนนี้ยังเป็นแค่การตั้งข้อสงสัย ไม่มีหลักฐาน ไม่รู้ว่าทำอนาจารหรือข่มขืน ครั้งล่าสุดคิดว่าน่าจะเมื่อไม่กี่วันก่อน”
เสี่ยวเชี่ยนเองก็แค่สงสัย แต่ฟู่กุ้ยพูดแบบนั้นแล้ว สิ่งที่เธอคาดเดาในใจมันจึงเริ่มชัดเจนขึ้น
ตัวคนเป็นพ่อจะต้องมีปัญหาแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าทำถึงขั้นไหน
“เด็กผู้หญิงออกมายืนยันได้หรือเปล่า?”
“สภาพจิตใจเขาไม่มั่นคง ยังคุยเรื่องนี้ไม่ได้—เสี่ยวเฉียง ถ้าจะฟ้องตามกฎหมายมันไม่ค่อยง่ายใช่ไหม?”
“ก็ค่อนข้างลำบาก ถ้าเกิดเรื่องมานานแล้วเพิ่งจะมาฟ้องอีกทั้งหลักฐานยังไม่พอ ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าสมยอม เด็กอายุเกินสิบสี่ถ้าสมยอมเรื่องนี้ก็ยากละ อีกอย่างถ้าไม่มีหลักฐานมัดตัวก็ยากที่ศาลจะรับฟ้อง ลูกเชี่ยน คุณเจอเคสแบบนี้มาเหรอ?”
“ดูท่ากฎหมายจะเอาผิดไม่ได้เห็นทีต้องจัดการกันเอง” เสี่ยวเชี่ยนพึมพำ
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” อวี๋เสี่ยวเฉียงได้ยินไม่ชัด
“แฮ่ม ฉันบอกว่า ฉันเป็นครอบครัวทหาร ต้องคอยระวังพฤติกรรมของตัวเอง อย่าทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย วางใจเถอะค่ะท่านหัวหน้า!”
เสี่ยวเชี่ยนพูดเสริมในใจ ถ้าเลี่ยงกฎหมายได้ก็คงไม่เป็นไรเนอะ
“ฉันวางละนะ”
“ไม่ได้! ขาดอะไรไปหน่อย!”
“อ่อ…รีบนอนนะ?” เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
“ไม่ใช่! คุณเรียกผมว่าอะไร?” น้ำเสียงของเขาเหมือนเด็กที่ยังไม่ได้ลูกอมตามที่ขอ
“เสี่ยวเฉียง”
“ไม่ ถูก!”
“อ่อ เสี่ยวเฉียงเฉียง? เสี่ยวเฉียงจื่อ? ตาไข่เหล็ก~”
อวี๋หมิงหลางอยากจะบ้าตาย ในกระเป๋าของเขามีใบคำร้องขอแต่งงาน เตรียมพร้อมที่จะไปจดทะเบียนหากมีเวลาว่าง เดิมอยากจะลองทดสอบการใช้ชีวิตคู่หน่อย แต่ทำไมการจะให้เธอเรียกอะไรหวานๆไพเราะเสนาะหูมันถึงได้ยากแบบนี้?
“อ่อ ไม่ชอบเลยเหรอ งั้นฉันรู้แล้ว!”
อวี๋หมิงหลางตื่นเต้นทันที รวบรวมสมาธิแทบหยุดหายใจรอความสุขที่กำลังจะมาถึง
“ที่~”
ใช่ๆๆ แบบนั้นแหละ! ภูตน้อยในใจเสี่ยวเฉียงเริ่มจุดพลุ มาแล้วๆ~
“ที่ไหนเล่า! ฝันดีนะ!” เธอแกล้งเขาสำเร็จ เหมือนได้ยินเสียงหัวใจคนแตกสลาย ปีศาจน้อยที่อยู่ในใจเธอยืนเท้าสะเอวหัวเราะเริงร่า ฮ่าๆๆ!
บึ้ม! พลุที่อยู่ในใจกลายเป็นระเบิด ความหวังเล็กๆของเสี่ยวเฉียงกลายเป็นตอตะโก
อยากจะคุยกับเธอต่อ แต่ผู้หญิงใจร้ายคนนี้ก็วางสายไปแล้ว มีแต่เสียงตู๊ดๆๆลอยมา
“ยัยตัวแสบ เจอกันครั้งหน้าจะตีให้ก้นลายเลยคอยดู!” อวี๋หมิงหลางพึมพำพลางเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ในสมองก็คิดถึงสารพัดท่าที่จะใช้กับเธอ
จับขึงกับกำแพงแล้วตีก้นป้าบๆ ตีเสร็จจับจูบแล้วตีต่อ ตีไปจูบไป จากนั้นก็จัดหนัก เอาให้ร้องออกมาเลยว่าที่รักฉันผิดไปแล้ว จะปล่อยให้ได้ใจไม่ได้!