ตอนที่ 647 ไอ๊หยา นุ่มจังเลย~

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

ในช่วงชีวิตของอวี๋หมิงหลางที่ถูกเสี่ยวเชี่ยนข่มเหงมาตลอด จะมีก็แค่ตอนที่อยู่บนเตียงนี่แหละที่เขาได้เสวยสุขสุดๆ รวมถึงในจินตนาการด้วย 

 

 

พอนึกภาพเสี่ยวเชี่ยนออดอ้อนขอร้องด้วยความสงสารแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะจิตใจเบิกบาน ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีแล้วทาสีต่อ 

 

 

“ในยามหนึ่งพี่หลางนั้นกระโดดออกมาจากกำแพงสีชมพู เสียวเหมยก็เอ่ยขึ้นมาว่า พี่ช่างแสนดีอะไรอย่างนี้~” 

 

 

เอาเพลงมาดัดแปลงร้องเองเสียคล่องปาก ตั้งแต่ยามหนึ่งไปจนถึงยามห้า ยิ่งร้องยิ่งติดเรทมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าก็อินสุดๆ ถ้ามีคนเดินผ่านมาแถวเขตที่พักอาศัยนี้แล้วเห็นรักษาการแทนหัวหน้าใหญ่อยู่บนนั่งร้านกำลังทาสีพลางฮัมเพลงที่เนื้อร้อง18+ มีหวังได้ตกตะลึงแว่นตกแน่นอน 

 

 

นี่คือบ้านที่เขาไปยื่นคำร้องขอมา หลังแต่งงานก็จะได้ให้เสียวเหม่ยย้ายเข้ามาอยู่ได้แล้ว~ ได้เห็นหน้ากันทุกวัน ถึงตอนนั้นความสุขจะอยู่แค่การร้องเพลงเหรอ? 

 

 

“ยามห้าพี่หลางคนนั้นถอดกางเกงออก—” ขณะที่อวี๋หมิงหลางกำลังอารมณ์สุนทรีย์โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบออกมาดู พอเห็นข้อความก็ตกใจมือสั่น แล้วโทรศัพท์ก็ผลุบ— 

 

 

ตกลงไปในถังสี 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนส่งข้อความมาสั้นๆ 

 

 

ที่รักรีบนอนนะ 

 

 

พอส่งข้อความเสร็จเสี่ยวเชี่ยนก็อารมณ์ดีมาก 

 

 

ข้อความสั้นๆแค่นี้คงพอให้ตาฮัสกี้ดีใจไปหลายวันเลยหรือเปล่า? เวลาว่างๆเขาจะได้หยิบออกมาดูแก้คิดถึง คู่หมั้นที่แสนเอาใจใส่ทำให้เขาได้มีข้อความอันแสนอบอุ่นไว้ดู—แต่เปล่าเลย 

 

 

อวี๋หมิงหลางอึ้งกับข้อความนั้นจนมือสั่น โทรศัพท์ที่แข็งแกร่งถึงขนาดกะเทาะเปลือกวอลนัทได้ตกลงไปในถังสีด้วยเส้นโค้งอันสวยงาม สีกระเด็นออกมาเลอะเป็นจุดๆเหมือนกับใจที่สลายของเสี่ยวเฉียง 

 

 

อ๊ากกกก! ยังดูไม่หนำใจเลย โทรศัพท์ที่กะเทาะเปลือกวอลนัทได้แต่ไม่กันน้ำ ทำไงดี… 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ว่าตาฮัสกี้ของเธอนั้นได้ทำโทรศัพท์แสนรักร่วงลงในถังสีขณะที่เขากำลังทำเซอร์ไพร้ส์ให้เธอ 

 

 

พอวางสายแล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้องรับแขก ก็เห็นอวี๋หลิวเหมยจัดวางของในกระบะทรายเสร็จพอดี 

 

 

“ผลงานของคุณได้สะท้อนให้เห็นถึงความกลุ้มใจเล็กๆน้อยๆที่คุณมีในช่วงนี้ ดูนี่นะ ต้นแอปเปิ้ลอดัมกับอีฟที่คุณทำมันแสดงถึงความวิตกกังเวลเกี่ยวกับเรื่องเพศ ซึ่งความกังวลนี้อาจมาจากคนในครอบครัวคุณเมื่ออายุประมาณสิบขวบ” เลี่ยวฟู่กุ้ยยังไม่ทันพูดจบก็รู้สึกถึงสายตาอันร้อนแรงสาดมาที่ตัวเขา 

 

 

ดวงตาของอวี๋หลิวเหมยเปล่งประกาย เธอรู้สึกเลื่อมใสเขามาก 

 

 

“พี่ไปนั่งดูดวงตามสะพานลอยได้เลยนะเนี่ย ตอนสิบขวบก็ดูออกด้วยเหรอ?!” 

 

 

ทำไมคนที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องประสาทถึงได้เก่งขนาดนี้ แม่นยิ่งกว่าพวกหมอดูอีก 

 

 

เลี่ยวฟู่กุ้ยไม่เคยเจอคนที่แสดงความเลื่อมใสซึ่งๆหน้าแบบนี้ ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวแล้วจึงพูดอย่างเขินๆ “นี่เป็นหนึ่งในงานของผม ไม่มีอะไรหรอก…” 

 

 

“เขาเก่งเรื่องการวิเคราะห์กระบะทรายมาก พี่ก็เรียนมาจากเขานี่แหละ” เสี่ยวเชี่ยนมองผลงานของอวี๋หลิวเหมย เธอเห็นด้วยกับคำพูดของเลี่ยวฟู่กุ้ย 

 

 

“ไม่ขนาดนั้น พวกเราเรียนกันคนละด้าน เธอเองก็เก่งมาก ให้ความรู้พี่มาไม่น้อย…” เลี่ยวฟู่กุ้ยถูกสาวทั้งสองคนชมจนหน้าแดงก่ำ 

 

 

“แต่ทำไมถึงระบุอายุได้ด้วยล่ะ รู้สึกพวกพี่เทพมากเลยนะ!” อวี๋หลิวเหมยพอได้ยินว่าพี่ชายใส่แว่นคนนี้เคยสอนพี่สะใภ้ที่รอบรู้ทุกอย่างด้วยก็ยิ่งเลื่อมใสมากกว่าเดิม 

 

 

“อันที่จริงเกมกระบะทรายก็เหมือนปากกากับกระดาษ ผู้เข้ารับคำปรึกษาจัดวางของในกระบะทรายตามใจต้องการ ผู้ให้คำปรึกษาทำการวิเคราะห์ก็เหมือนกับการเขียนความคิดที่อยู่ในจิตใต้สำนึกออกมาให้เห็น การมองสิ่งที่อยู่ในกระบะทรายออกไม่เพียงแต่จะสามารถเข้าไปในโลกของผู้เข้ารับคำปรึกษาได้ ยังใช้เยียวยาจิตใจได้ด้วย อย่างเช่น…” 

 

 

เลี่ยวฟู่กุ้ยเริ่มอธิบายให้อวี๋หลิวเหมยฟัง เสี่ยวเชี่ยนดูแล้วไม่มีอะไรจะพูดแทรกจึงยกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คมานั่งเขียนรายงานบนโซฟา เงยหน้ามองพวกเขาเป็นระยะ 

 

 

เลี่ยวฟู่กุ้ยพอคุยถึงสิ่งที่ตัวเองถนัดก็พูดเก่งมาก สายตาที่มองอย่างเลื่อมใสของอวี๋หลิวเหมยยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เขาอยากพูด คนหนึ่งตั้งใจพูดอีกคนก็ตั้งใจฟัง 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า เรื่องของความรักเป็นอะไรที่พูดยาก เร็วไปก็ไม่ดี ช้าไปก็ไม่ได้ ถ้าตอนนี้หลิวเหมยไม่มีแฟนคู่กับพี่ชายเธอก็คงดี คนหนึ่งสายบุ๋น อีกคนสายบู๊ น่าเสียดายที่วาสนาไม่ต้องกัน ต้องปล่อยเป็นของคนอื่น ทำได้แค่ถอนใจ 

 

 

ทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อย เวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว เลี่ยวฟู่กุ้ยมองเวลา ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว 

 

 

“ขอโทษนะผมพูดมากไปหน่อย เบื่อหรือเปล่า?” เขาพูดอย่างเกรงใจ 

 

 

“ไม่เป็นไรเลย ฉันยังรู้สึกฟังไม่พอเลย พวกพี่ดูท่าทางน่าสนุกนะ” 

 

 

เลี่ยวฟู่กุ้ยนั่งขัดสมาธิมาตลอดชั่วโมง พอจะลุกขึ้นขาก็เป็นตะคริวเซไปจะชนกับหุ่นเกราะเหล็ก อาวุธที่อยู่ในมือหุ่นอยู่ตำแหน่งหัวของเขาพอดี! 

 

 

ของสิ่งนี้มีคนให้เสี่ยวเชี่ยนมา น้ำหนักตั้งหลายกิโล ถ้าเลี่ยวฟู่กุ้ยไปกระแทกเข้าได้หัวแบะแน่ 

 

 

“ระวัง!” อวี๋หลิวเหมยรีบพุ่งเข้าไป ร่างกายอยู่ในท่าที่คำนวณมาดีแล้ว เธอรับอาวุธนั้นด้วยท่วงท่าอันสวยงาม สองแขนทำมุม45องศา คุกเข่าลงหนึ่งข้าง 

 

 

อาวุธในมือหุ่นเฉียดหัวเลี่ยวฟู่กุ้ยไปนิดเดียว ถ้าไม่ได้อวี๋หลิวเหมยที่ความรู้สึกไว มีหวังสมองของเขาคงกระเทือน 

 

 

แต่ท่วงท่าของเธอนั้นก็มีจุดบกพร่อง หน้าอกของเธออยู่ตรงหน้าเขาพอดี 

 

 

เขาถึงขนาดที่ได้กลิ่นมะนาวหอมสดชื่นของสบู่ ความรู้สึกนุ่มนิ่มนี้… 

 

 

ไอ๊หยา! 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเงยหน้าเห็นภาพนั้นปากก็เป็นรูปo 

 

 

ผู้คงแก่เรียนทำไมถึงได้กลายเป็นผู้คงแก่เรียนน่ะเหรอ? เพราะสมองของพวกเขาไวกว่าคนทั่วไป ภายในช่วงเวลาเสี้ยววินาทีเสี่ยวเชี่ยนก็ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง 

 

 

สีหน้าเธออยู่ในอาการตกใจ แต่มือกลับรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดกล้องถ่ายรูปที่ความละเอียดล้านกว่าพิกเซลล้ำสุดในตอนนั้นแล้วรีบถ่ายอย่างไว จากนั้นรูปแนบอกก็ได้ถูกบันทึกไว้ตลอดกาล 

 

 

ถึงความละเอียดภาพจะไม่สูง แต่สีหน้าของทั้งสองคนก็คมชัด 

 

 

ท่าทีอวี๋หลิวเหมยเอามือไปรับอาวุธนั้นเท่ห์มาก แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ ส่วนสีหน้าของเลี่ยวฟู่กุ้ยนั้น—อ่อ มองไม่เห็น มันซุกอยู่ในอก 

 

 

ไอ๊หยา…เพอร์เฟค 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยวจะส่งข้อความภาพไปหาเสี่ยวเฉียงแบ่งปันภาพนี้ให้เขาดู ช่วยคลายเครียดได้ดี 

 

 

ในที่สุดสองคนตัวต้นเรื่องก็ได้สติ อวี๋หลิวเหมยยืนขึ้นเอาอาวุธวางกลับที่เดิม เลี่ยวฟู่กุ้ยเองก็ยืนขึ้น ทั้งสองคนหน้าแดงเป็นลูกตำลึง 

 

 

เลี่ยวฟู่กุ้ยรู้สึกสับสนในใจ นี่เขาควรพูดขอบคุณหรือขอโทษดี ดูเหมือนหน้าของเขายังรู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มอยู่เลย… 

 

 

อวี๋หลิวเหมยเองก็รู้สึกอายสุดๆ เธอควรจะพูดว่าให้ระวังหน่อยหรือไม่เป็นไรนะดี เจ็บหน้าอกจัง… 

 

 

บรรยากาศช่างน่ากระอักกระอ่วน 

 

 

เลี่ยวฟู่กุ้ยอยู่ต่ออีกสักพักก็กลับ ก่อนไปหลิวเหมยออกไปส่งเขา 

 

 

“ขอโทษเรื่องเมื่อกี้ด้วยนะ” หลังจากที่ความคิดตกผลึกแล้ว เลี่ยวฟู่กุ้ยก็รู้สึกว่าตัวเองควรขอโทษผู้หญิงมากกว่า 

 

 

หลิวเหมยโบกปัดมือ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันลืมไปแล้ว” 

 

 

เธอลืมแต่ฟู่กุ้ยไม่ลืม ระหว่างทางกลับบ้านเขาหลับบนรถ เขาฝันเห็นขาเรียวยาวกับหน้าอกแสนนุ่ม นุ่มจังเลย…