บทที่ 199 ยังไม่ตาย[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 199 ยังไม่ตาย[รีไรท์]

ภูเขาเขียวขจี แม่น้ำไหลเย็น สะพานทอดผ่าน ต้นไม้ขึ้นดกหนา ดอกไม้เบ่งบาน ฤดูหนาวอันแสนเยือกเย็น ทุกอย่างเป็นประกายแวววาว ไม่ว่าเป็นผู้ใดต่างก็ต้องตกตะลึงกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตาเช่นนี้!

ในอากาศเต็มไปด้วยหมอกควันที่ลอยขึ้นมาจากกระถางปรุงยาขนาดใหญ่

ฟู่ ฟู่!

น้ำยาสีเขียวในกระถางปรุงยากำลังเดือดปุด ดวงตาของชายหนุ่มปิดสนิท เขากำลังนอนแช่น้ำยาอยู่ในกระถางปรุงยาใบนี้

สัปดาห์แรกน้ำยาสีเขียวมีลักษณะเป็นสีเขียวเข้มกว่านี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายของชายหนุ่มก็ดูดซับน้ำยาเข้าไปจนสีสันของน้ำยาเจือจางลง เมื่อถึงตอนนี้ น้ำยาสีเขียวก็ใสกระจ่างใกล้เคียงกับน้ำเปล่าแล้ว

“เอ็งนี่มันใช้ของเปลืองจริง ๆ นะ เจ้าหนู” ชายวัยกลางคนผู้สวมใส่ชุดโบราณและมีมงกุฎอยู่บนศีรษะ พูดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

ฟู่!

น้ำในกระถางปรุงยาสาดกระจาย ร่างกายที่เปลือยเปล่าของชายหนุ่มถูกอุ้มขึ้นมาจากกระถางปรุงยาโดยชายวัยกลางคนผู้นี้

ชายวัยกลางคนวางชายหนุ่มลงบนพื้นอย่างทะนุถนอม ก่อนที่จะจับกระถางปรุงยาคว่ำลง เมื่อน้ำยาในกระถางไหลออกไปหมดแล้ว เขาก็จับกระถางนำกลับมาตั้งใหม่ หลังจากนั้นจึงมีน้ำไหลลงมาจากท้องฟ้าเติมกระถางปรุงยาจนเต็ม เมื่อชายวัยกลางคนขยับมือโบกวูบ พลังลมปราณและแสงแดดระยิบระยับก็ไหลรินลงไปสู่กระถางปรุงยาทันที

เปลวไฟสีขาวสว่างขึ้นมาใต้กระถางปรุงยา หลังจากนั้น น้ำสีขาวในกระถางก็แปรเปลี่ยนไปกลายเป็นน้ำสีเขียวเข้มที่กำลังเดือดปุดอีกครั้ง

ฟู่!

ชายหนุ่มผู้หมดสติ ถูกโยนกลับลงไปในกระถางปรุงยาอีกครั้ง

ไม่ไกลจากกระถางปรุงยา มีโลงน้ำแข็งโลงหนึ่งตั้งอยู่ ในโลงศพมีหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับไหลเหมือนกับเจ้าหญิงนิทรา

ในขณะที่น้ำยาบำรุงชีพถูกชายหนุ่มในหม้อต้มยาดูดซับอย่างต่อเนื่อง ชายวัยกลางคนก็รับหน้าที่คอยเปลี่ยนน้ำยาให้ตลอดเวลา ทุกอย่างดำเนินไปในรูปแบบนี้ประมาณครึ่งเดือน

วันนี้ ร่างของชายหนุ่มในกระถางปรุงยาเปล่งแสงสว่างไสว แม้แต่เส้นผมของเขาก็เป็นประกายระยิบวิบวาว แต่โชคร้ายที่บริเวณจอนผมยังคงเป็นสีขาวอยู่เหมือนเดิม ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาแล้ว ดวงตาของเขาคมกริบเหมือนกับมีดที่ทิ่มแทงท้องฟ้า

ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ชายหนุ่มถึงได้หันมองรอบตัว แล้วดวงตาของเขาก็มาหยุดอยู่ที่ชายวัยกลางคน ซึ่งนั่งตกปลาอยู่ริมบ่อน้ำ

“ท่านช่วยผมเอาไว้อีกแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาในที่สุด

“ข้าจะปล่อยให้เอ็งตายได้ยังไง?” ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือจักรพรรดิมังกรอ๋าวฮวง เขามีสีหน้าที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ฉู่ชวิ๋นใช้พืชสมุนไพรไปหลายตัวเหลือเกิน จักรพรรดิมังกรอ๋าวฮวงต้องใช้เวลาหลายร้อยปีถึงจะเก็บรวบรวมพวกมันมาได้มากมายขนาดนี้ ฉู่ชวิ๋นเองก็มีสีน่าละอายใจเล็กน้อย

“ข้าเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว” พูดจบ ชายวัยกลางคนก็ไม่พูดอะไรต่อ

ฉู่ชวิ๋นเมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ปีนออกมาจากกระถางปรุงยาและสวมใส่เสื้อผ้าอย่างว่าง่าย

ใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลา ดวงตาของเขายังคงเป็นประกายเหมือนดวงดาว ร่างกายของเขาเป็นประกายเหมือนกับแก้วคริสตัล จอนผมบริเวณข้างหูมีสีขาวราวกับหิมะ ช่วยทำให้เขาดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ทันใดนั้น สายตาของฉู่ชวิ๋นก็สะดุดเข้ากับโลงศพน้ำแข็ง

ผ่านไปครึ่งค่อนวัน เขาจึงรวบรวมสติได้และหันกลับไปค้อมศีรษะให้กับจักรพรรดิอ๋าวฮวง พร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ!”

เบ็ดตกปลาของจักรพรรดิมังกรอ๋าวฮวงสั่นไหวอย่างรุนแรง เขารีบดึงเบ็ดตกปลาขึ้นมาจากน้ำแล้วปลาสีแดงที่มีขนาดตัวเท่าฝ่ามือ ก็ถูกดึงขึ้นมาจากผิวน้ำในวินาทีนั้น ปลาตัวนั้นไม่ได้ดิ้นรนเลย จักรพรรดิมังกรอ๋าวฮวงปลดตะขอออกไปและโยนมันกลับลงไปในสระน้ำอีกครั้งจนผิวน้ำแตกกระจาย

จักรพรรดิมังกรอ๋าวฮวงวางเบ็ดตกปลาลงข้างตัว แล้วลุกขึ้นยืนนี่คือการตอบแบบไม่ตอบรับต่อคำขอบคุณจากฉู่ชวิ๋น

“พ่อแม่ของเอ็ง รวมถึงไอ้เจ้าหลงอ๋าว ข้าพาส่งกลับไปที่ภูเขาเฉียนหลงแล้ว” ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงและเมื่อเขาได้สติ เขาก็รู้ว่าม่านพลังที่เขาสร้างเอาไว้ห่อหุ้มภูเขาเฉียนหลง ไม่เป็นปัญหาต่อจักรพรรดิอย่างอ๋าวฮวง

“ขอบคุณมากครับ!” ฉู่ชวิ๋นกล่าวขอบคุณอีกครั้ง

“เอ็งก็สมควรขอบคุณข้าอยู่หรอกนะ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงเอามือไขว้หลัง เดินไปที่โลงน้ำแข็งและพูดว่า “วิญญาณของเธอเสียหายอย่างหนัก แต่แปลกมากที่หนึ่งในเจ็ดวิญญาณภายในร่างกายของเธอหายไป“

“หมายความว่าไงเหรอ?” สีหน้าของฉู่ชวิ๋นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่

“หมายความว่าเธอปลอดภัยแล้ว” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คำตอบนั้นทำให้ลมหายใจของฉู่ชวิ๋นถูกพ่นออกมาอย่างรุนแรง มวลอากาศรอบกายเขาสั่นไหว ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง

“เอ็งใจเย็นก่อน…” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าไม่อยากให้เอ็งใช้ร่างกายหนักเกินไปทั้งที่เพิ่งฟื้นตัวขึ้นมาแบบนี้”

ฉู่ชวิ๋นดีใจจนลืมควบคุมพลังในร่างกาย เขารีบรวบรวมสติให้กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง แต่ก็ยังอดถามด้วยความร้อนรนไม่ได้ว่า “วิญญาณที่หายไปมันคือยังไงเหรอท่าน?”

“เอ็งรู้ใช่ไหมว่าคนเราจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 3 จิต 7 วิญญาณ วิญญาณจะเป็นส่วนแรกที่ต้องแตกสลายไป แต่เพราะว่ามีสิ่งวิเศษประจำตัวอยู่แฟนของแกจึงสามารถป้องกันไม่ให้วิญญาณตัวเองแตกสลายได้ แต่ถึงอย่างนั้น สภาพวิญญาณก็บาดเจ็บสาหัส คงต้องใช้เวลารักษาตัวกันอีกเนิ่นนาน แต่ที่มันแปลกที่สุดก็คือหนึ่งในเจ็ดวิญญาณประจำตัวของเธอหายไปน่ะสิ”

“เท่ากับว่าเสี่ยวหวู่ยังไม่ตายใช่ไหมครับ? แล้วทำไมผมถึงดูไม่ออกเลย?” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยความประหลาดใจและมีความสุข แต่เขาก็แปลกใจทำไมคนที่เคยเป็นจักรพรรดิเซียนแบบเขาไม่สามารถสัมผัสถึงวิญญาณที่อ๋าวหวงบอกได้เลย

“อย่างเอ็งเนี่ยนะ?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงฮวงมองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาดูถูกดูแคลน “ดูตัวเองให้ออกก่อนเถอะว่าทำไมถึงมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ แล้วค่อยไปดูสภาพของคนอื่น” ฉู่ชวิ๋นขี้เกียจสนใจถ้อยคำดูถูกของจักรพรรดิอ๋าวฮวง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ เสี่ยวหวู่ปลอดภัยแล้ว

“อย่าเพิ่งรีบดีใจ แกรู้แล้วหรือว่าต้องใช้อะไรบ้างในการรักษาวิญญาณที่บาดเจ็บ?” คำพูดของจักรพรรดิอ๋าวฮวงเย็นเยียบเหมือนกับน้ำในบ่อน้ำ ซึ่งทำให้ความตื่นเต้นของฉู่ชวิ๋นหายวับไปทันที แค่น้ำยาที่อ๋าวฮวงปรุงให้กับฉู่ชวิ๋นก็นับเป็นสุดยอดน้ำยาอันดับหนึ่งในแผ่นดินแล้ว แต่ถ้าจะต้องทำยาที่รักษาวิญญาณที่บาดเจ็บเสียหายต้องใช้สมบัติล้ำค่าที่ไม่ว่าจะอยู่บนสวรรค์หรือโลกมนุษย์ก็ไม่อาจหาได้ง่าย มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาซื้อได้ เขารู้ดีว่าต้องใช้ดอกไม้ทั้ง 3 ชนิดนำมาปรุงยามันเป็นของหายากอย่างถึงที่สุด

“เอ็งคงไม่รู้ใช่ไหมล่ะ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม

ฉู่ชวิ๋นมองฮัวชิงหวู่ที่นอนอยู่ในโลงศพน้ำแข็ง ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ

“ต้องใช้ดอกไม้ 3 ชนิดใช่ไหมครับ? มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ผมเคยฝึกมาเป็นพันปีแล้วทำไมจะไม่รู้ ผมจะกลับไปที่ทวีปซิวเซียนและนำดอกไม้กลับมาให้คุณปรุงยา ถึงผมจะต้องใช้พลังที่มีอยู่ทั้งหมดก็ตาม”

จักรพรรดิอ๋าวฮวงมองหน้าชายหนุ่มอย่างเงียบงัน ในดวงตาเป็นประกายระยิบ ก่อนที่จะพูดว่า “ที่จริงเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ดอกไม้พวกนั้นจะออกดอกแค่ทุก ๆ 10 ปีเท่านั้น หรือนานมากสุดก็ไม่เกิน 20 ปี”

“ว่าไงนะ?” ฉู่ชวิ๋นไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

ดอกไม้หายากมาก แถมวิญญาณยังเสียหายหนักแล้วทำไมจักรพรรดิอย่าง อ๋าวฮวงถึงได้มีสีหน้าดูมั่นอกมั่นใจขนาดนี้กันนะ?

“ท่านยังไม่ได้บอกอะไรผมหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นจ้องมองชายวัยกลางคนเขม็ง ดวงตาของจักรพรรดิอ๋าวฮวงเป็นประกายอย่างแปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย หลังจากนั้น ก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ยิ่งเอ็งรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ดีเท่านั้น ตั้งใจฝึกวิชาต่อไปเถอะ จะเอาพลังไปฆ่ายุงฆ่าตะขาบยังไงข้าก็ไม่ได้ว่า แต่ตอนนี้เอ็งทำอะไรไม่ได้หรอกนอกจากรอให้ดอกไม้ทั้ง 3 ชนิดนั้นออกดอกมาเสียก่อน”

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกรำคาญใจขึ้นมาแล้ว เขาเป็นถึงจักรพรรดิเซียน ต่อให้เขากลับลงมาอยู่ในโลกมนุษย์ ตอนนี้เขาก็มีฐานะเป็นจอมมารฉู่ชวิ๋นในวงการยุทธภพ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้เอาพลังไปใช้ฆ่ายุงฆ่าตะขาบเล่นๆ แต่เขาใช้พลังของเขาส่งเสริมให้แก้แค้นได้จนสำเร็จแถมยังมีบริวารที่พร้อมจะติดตามแล้วอีกด้วย

“สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ เราต้องหาวิญญาณที่หายไปของเธอให้เจอ ไม่อย่างนั้นถึงให้ได้ดอกไม้มา มันก็ไร้ประโยชน์” จักรพรรดิอ๋าวฮวงว่าต่ออีกครั้ง

ฉู่ชวิ๋นอยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว เขาทำได้เพียงทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ชายวัยกลางคนได้รับฟัง สีหน้าของจักรพรรดิอ๋าวฮวงดูจะตกใจไปไม่น้อย เขาทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็เปลี่ยนใจ

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ฉู่ชวิ๋นเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของชายวัยกลางคน

จักรพรรดิอ๋าวฮวงส่ายหน้าตอบว่า “ข้ายังไม่แน่ใจ เอาไว้แน่ใจเมื่อไหร่ข้าจะบอกเอ็งก็แล้วกัน แต่ตามที่เอ็งเล่า หยดน้ำตาพวกนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับวิญญาณที่หายไปอยู่บ้างไม่มากก็น้อย” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

“เดี๋ยววันหลังข้าจะสอนวิธีตามหาวิญญาณที่หายไปให้เอ็งได้รู้ก็แล้วกัน…”

ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้าและพูดแทรกจักรพรรดิอ๋าวฮวงทันควันว่า “ไม่ ผมอยากจะรู้ตอนนี้เลย”

จักรพรรดิอ๋าวฮวงมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่จะยิ้มเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย” วิธีตามหาวิญญาณที่หายไปนั้นไม่ยาก ถึงแม้วิญญาณจะไม่ได้อยู่บนสวรรค์ก็ตาม

“เสี่ยวหวู่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไม่ว่ายังไงผมก็จะทำให้คุณฟื้นกลับมาให้ได้” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นมีน้ำตาคลอเต็มเบ้า ในขณะที่จ้องมองไปยังร่างของเจ้าหญิงนิทราที่นอนอยู่ในโลงศพน้ำแข็งพร้อมกับกระซิบออกมาแผ่วเบา

“ว่าแต่ตอนนี้ท่านแข็งแรงดีนะครับ?” ฉู่ชวิ๋นถาม จักรพรรดิอ๋าวฮวงเป็นผู้ใช้วิชาระดับสูงที่ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่

จักรพรรดิอ๋าวฮวงเดินไปนั่งลงที่โต๊ะหินตัวหนึ่ง หลังจากนั้น ก็รินไวน์จนเต็มแก้วและกระดกดื่มจนหมดในรวดเดียว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวที่ปิดบังไว้ไม่มิด

ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปรินไวน์ให้ตนเอง และนั่งดื่มเป็นเพื่อนจักรพรรดิอ๋าวฮวงในความเงียบ สวรรค์เอ๋ยสวรรค์ ท่านหวาดกลัวผู้กล้าหรืออย่างไร? หรือเพราะสวรรค์อิจฉาที่จักรพรรดิอ๋าวฮวงเก่งกล้ามากเกินไป จึงได้ลิขิตให้เขาโดดเดี่ยวถึงเพียงนี้?