บทที่ 200 พันธนาการแห่งท้องฟ้า[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 200 พันธนาการแห่งท้องฟ้า[รีไรท์]

พันธนาการแห่งท้องฟ้า มันเป็นเหมือนตำนานที่เล่าขานกันมา ฉู่ชวิ๋นเคยได้ยินเพียงแค่ชื่อของมัน ไม่เคยพบเคยเห็นของจริงมาก่อน

ตลอดช่วงเวลา 3,000 ปีที่ฉู่ชวิ๋นถูกกล่าวขานว่าเป็นปีศาจร้ายในดินแดนเซียนพลังของเขาก็ยังเทียบไม่ได้เลยกับพลังที่แท้จริงของจักรพรรดิมังกรอ๋าวฮวง

แต่ถึงอย่างนั้น จักรพรรดิมังกรอ๋าวฮวงผู้ซึ่งสามารถเขย่าบัลลังก์สวรรค์ได้อย่างแท้จริง กลับต้องถูกจองจำอยู่ที่นี่ตลอดกาล

“พันธนาการแห่งท้องฟ้ามันคืออะไรกันแน่ครับ?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความสงสัย

จักรพรรดิอ๋าวฮวงหันหน้ามามองเขาแล้วตอบว่า “มันก็เป็นแค่โซ่ทองคำธรรมดา ๆ ” ฉู่ชวิ๋นถึงกับตกตะลึงไปแล้ว จักรพรรดิอ๋าวฮวงนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะยื่นมือออกมาข้างหน้า แล้วฉู่ชวิ๋นก็เข้าใจในทันที เขาสงสัยมาตลอดว่าที่ข้อมือของจักรพรรดิ อ๋าวฮวงเหมือนจะมีรอยถูกล่ามโซ่เอาไว้ ตอนนี้ข้อสงสัยทุกอย่างของเขาถูกไขกระจ่างแล้ว

ฉู่ชวิ๋นต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นสิ่งนั้นกับตาของตัวเอง แต่ว่าพันธนาการแห่งท้องฟ้าไม่ใช่แค่โซ่ทองคำธรรมดา ๆ อย่างที่อ๋าวฮวงพูดสักหน่อย

สองแขน สองขา ห้าอวัยวะภายใน แปดช่องลมปราณ รวมถึงหัวใจของจักรพรรดิอ๋าวฮวง ต่างก็ถูกโซ่ทองคำที่มีความหนาเท่ากับนิ้วมือคน ร้อยรัดพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา

นี่คือพันธนาการแห่งท้องฟ้าสินะ?

ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกไปจะสัมผัสมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก่อนที่มือของเขาจะเข้าไปใกล้ ชายหนุ่มก็รู้สึกได้เลยว่าโซ่ทองคำกำลังดูดพลังไปจากตัวเขา มันเคลื่อนที่ไปมาเหมือนกับงูตัวหนึ่งที่กำลังหิวโหยอย่างบ้าคลั่ง

ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงไม่น้อย การที่จะมีของแบบนี้อยู่ในร่างกายได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย คนผู้นั้นจะต้องมีพลังลมปราณกล้าแข็งขนาดไหนกันนะ? แค่พลังที่เขามีอยู่ในตัวตอนนี้ คงไม่พอให้โซ่ทองคำดูดซับพลังงานไปด้วยซ้ำ นั่นจึงหมายความว่าจักรพรรดิอ๋าวฮวงคงมีพลังลมปราณมากกว่าเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่าอาจจะถึงหมื่นเท่า!!!

ชายหนุ่มจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะลองสัมผัสพันธนาการแห่งท้องฟ้า แต่ในวินาทีนั้นเอง ทั้งเขาและจักรพรรดิอ๋าวฮวงต่างก็ไม่ทันตั้งตัว

พันธนาการแห่งท้องฟ้าจากร่างกายของจักรพรรดิอ๋าวฮวงชูตัวขึ้นมาและแยกตัวออกกลายเป็นโซ่ทองคำอีกหนึ่งเส้น ก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามาโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นขนหัวลุก ถึงจะรีบกระโดดถอยหลัง แต่โซ่ทองคำก็พุ่งเข้าใส่ปลายนิ้วมือของเขาแล้ว

ฉู่ชวิ๋นตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารีบโคจรพลังลมปราณ ปล่อยเส้นไหมสีขาวออกไปต่อสู้กับสายโซ่ทองคำ แต่เส้นไหมสีขาวทุกเส้นที่ปล่อยออกไป ก็ถูกโซ่ทองคำดูดซับพลังจนหายวับไปกับตา พันธนาการแห่งท้องฟ้ามุดเข้าไปในร่างกายของฉู่ชวิ๋นด้วยความรวดเร็ว โดยที่เขาไม่อาจขัดขืนได้เลย

เมื่อสำรวจดูภายในร่างกายของตนเอง ชายหนุ่มก็พบว่าโซ่ทองคำที่มีความหนาเท่ากับเส้นผมมนุษย์ กำลังวิ่งไปทั่วแขนขาของเขา

ไม่ช้า ฉู่ชวิ๋นก็ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกับจักรพรรดิอ๋าวฮวงแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงฉู่ชวิ๋น แต่จักรพรรดิอ๋าวฮวงเองก็ตกใจมาก ทั้งสองคนต่างก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้

ชายวัยกลางคนคว้าข้อมือของฉู่ชวิ๋นมาดู หลังจากจ้องมองอยู่ครึ่งค่อนวัน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป หน้าผากของฉู่ชวิ๋นปรากฏเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา ไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะถูกพันธนาการแห่งท้องฟ้าล่ามเอาไว้ด้วยเช่นกัน

แต่ไม่นานต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็ลองโคจรพลังลมปราณในร่างกาย “ไอ้หนู เป็นยังไงบ้าง?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงหวังว่าเขายังพอจะทำอะไรได้บ้าง

ฉู่ชวิ๋นมองไปทางชายวัยกลางคน แล้วตอบแบบตื่นตกใจ “ทำไมคุณถูกล่ามโซ่แล้วยังโคจรพลังลมปราณได้อยู่อีกล่ะ ผม…ทำไมผมทำไม่ได้แล้ว”

จักรพรรดิอ๋าวฮวงยิ้มด้วยความขมขื่น “ไหนลองโคจรพลังอีกทีนึงสิ” ฉู่ชวิ๋นพยายามโคจรพลังลมปราณเบา ๆ อีกครั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว พลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากจุดตันเทียนถูกพันธนาการแห่งท้องฟ้าดูดซับพลังงานไปจนหมด โดยที่ไม่มีโอกาสได้โคจรพลังออกมานอกร่างกายเลยสักนิด กล่าวโดยสรุปก็คือ ฉู่ชวิ๋นสามารถโคจรพลังในร่างกายออกมาได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งทางที่เหลืออยู่มีพันธนาการแห่งท้องฟ้าคอยขวางเอาไว้

ฉู่ชวิ๋นไม่รู้จะทำยังไงดี ฮัวชิงหวู่ยังคงนอนอยู่ในโลงศพน้ำแข็ง รอคอยให้เขาช่วยเหลือ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าใช้พลังลมปราณไม่ได้แบบนี้

“ฉู่ชวิ๋น ใจเย็น ๆ ก่อน” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพยายามเรียกสติฉู่ชวิ๋น

“คุณจะมาบอกให้ผมใจเย็นได้ยังไง? ถ้าไม่มีพลังลมปราณ แล้วผมจะช่วยเสี่ยวหวู่ได้ยังไง?” นี่คือครั้งแรกที่ฉู่ชวิ๋นสติแตกอย่างแท้จริง

“ไม่นะ ผมต้องเอาไอ้โซ่บ้า ๆ พวกนี้ออกไปให้ได้…” ฉู่ชวิ๋นพึมพำพร้อมกับโคจรพลังลมปราณอย่างบ้าคลั่ง แขนขาของเขาเป็นประกายสว่างไสว อวัยวะภายในเรืองแสงและหัวใจเต้นรัวเหมือนกลองตี

“ออกไปซะ…” ฉู่ชวิ๋นร้องคำราม ตั้งใจจะขับไล่พันธนาการแห่งท้องฟ้าออกไปจากร่างกายของตนเอง

หลังจากโคจรพลังอีกหลายชั่วโมง ฉู่ชวิ๋นก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า มีเหงื่อออกท่วมตัวเหมือนกับคนตกน้ำ ไม่ว่าเขาจะลองโคจรพลังสักแค่ไหน แต่สุดท้ายก็กำจัดพันธนาการแห่งท้องฟ้าออกไปไม่ได้อยู่ดี

จักรพรรดิอ๋าวฮวงมองฉู่ชวิ๋นที่กำลังสติแตก ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาแรงๆ หากเห็นว่าฉู่ชวิ๋นยอมนั่งลงเมื่อไหร่ เขาก็พร้อมที่จะเดินเข้าไปปลอบใจเมื่อนั้น

ฉู่ชวิ๋นดูดซับพลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวอย่างบ้าคลั่ง เพื่อฟื้นฟูกำลังภายในอีกครั้ง เมื่อก่อนนี้การฟื้นฟูร่างกายเขาจะใช้เวลาแค่เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ขณะนี้ต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง เนื่องจากครึ่งหนึ่งของพลังที่ดูดซับเข้าไปภายในร่างกาย จะถูกพันธนาการแห่งท้องฟ้าดูดซับไปอีกหนึ่งทอดนั่นเอง

“แม่งเอ๊ย…แม่งเอ๊ย…..ทำไม….ทำไม” ฉู่ชวิ๋นได้แต่คำรามโทษฟ้าโทษดิน

ผ่านไปอีก 3 วัน ชายหนุ่มพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการแห่งท้องฟ้า แต่ผลที่ได้ก็อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ ฉู่ชวิ๋นล้มฟุบลงไปบนสนามหญ้า ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลาหลายชั่วโมง และเขาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าจักรพรรดิอ๋าวฮวงต้องใช้เวลาหลายพันปี ค้นหาวิธีโคจรพลังลมปราณผ่านพันธนาการแห่งท้องฟ้าพวกนี้ ความพยายามในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วันที่ผ่านมาของเขา จึงเป็นเพียงแค่เรื่องตลกไปทันที

จักรพรรดิอ๋าวฮวงเห็นว่าฉู่ชวิ๋นใจเย็นลงแล้ว จึงได้เดินลงมานั่งข้างกาย ชำเลืองมองใบหน้าของชายหนุ่ม และพูดติดตลกว่า “เท่าที่ข้ารู้นะ ในรอบหลายหมื่นปี มีคนถูกพันธนาการแห่งท้องฟ้าจองจำไม่เกิน 3 คนเท่านั้น เอ็งถือว่าเป็นวัยรุ่นน้องใหม่ที่น่าจับตาทีเดียว” ฉู่ชวิ๋นลุกขึ้นมานั่งมองตาขวางและพูดด้วยความโกรธแค้นว่า “มันสำคัญตรงไหน? ถ้าคุณเห็นว่าของพวกนี้เป็นเรื่องดี ผมจะยกให้คุณเลยก็ได้ เอาไหมล่ะ มาเอาไปเลยสิ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงถึงกับสำลักน้ำลายและไม่พูดอะไรอีก ให้เอาพันธนาการแห่งท้องฟ้าเพิ่มมาอีกเส้นงั้นหรือ? ใครเอาก็บ้าแล้วไหมล่ะ?

หลังจากวินาทีแห่งความเงียบผ่านพ้นไป จักรพรรดิอ๋าวฮวงก็พูดออกมา  “ความจริง ถือเป็นเกียรติมากนะที่ถูกพันธนาการแห่งท้องฟ้าจองจำเนี่ย ลองคิดดูให้ดีสิ คนที่ถูกพันธนาการแห่งท้องฟ้าจองจำส่วนใหญ่ ต้องเป็นระดับจอมมารแห่งยุคไม่สิต้องเป็นราชาในหมู่ราชันย์ขึ้นไปเท่านั้น ถ้าไม่มีฝีมือร้ายกาจจริง ๆ ก็ไม่โดนแบบนี้หรอก”

ฉู่ชวิ๋นกัดฟันกรอดและหันไปมองหน้าชายวัยกลางคน ก่อนที่จะพูดด้วยความแค้นเคืองว่า “ผมทนรับตำแหน่งนี้ไม่ไหวหรอก คุณอยากได้เอาไปแขวนคออีกสักเส้นไหมล่ะ?”

“ขอบใจนะ! แต่ไม่ดีกว่า” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพึมพำ ถ้าเลือกได้ เขาก็อยากจะยกมันให้คนอื่นเหมือนกัน

ชายหนุ่มต่างวัยทั้งสองคนตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันอีกครั้ง ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง

ผ่านไปอีกครึ่งค่อนวัน จักรพรรดิอ๋าวฮวงหันมองหน้าฉู่ชวิ๋น และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ความจริงมันก็มีวิธีปลดพันธนาการแห่งท้องฟ้าอยู่นะ”

“เหรอ….ก็ดี” ฉู่ชวิ๋นตอบรับกลับมาอย่างซังกะตาย

ฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อคำพูดของจักรพรรดิอ๋าวฮวง เขาไม่ใช่คนโง่สักหน่อย หากว่าจักรพรรดิอ๋าวฮวงรู้วิธีปลดพันธนาการแห่งท้องฟ้าจริงๆแล้วทำไมถึงยังถูกจองจำอยู่แบบนี้ล่ะ?

“เจ้าหนู ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไง?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่พอใจเล็กน้อยกับสีหน้าของฉู่ชวิ๋น คราวนี้ ฉู่ชวิ๋นไม่ตอบอะไร

จักรพรรดิอ๋าวฮวงพลิกฝ่ามือวูบหนึ่ง ในมือของเขาปรากฏแก้วคริสตัลสีสันสวยงามขึ้นมาก้อนหนึ่ง “เจ้าหนู สิ่งนี้คืออะไร?”

ฉู่ชวิ๋นหันไปมองแล้วตอบ “ก้อนหิน” จักรพรรดิอ๋าวฮวงมีสีหน้าเบื่อหน่ายสุดขีด แต่แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียงมาพูดอย่างจริงจังมากขึ้นว่า “เจ้าหนู เอ็งยังอยากช่วยชีวิตแฟนของเอ็งไหม?”

“อย่ามาพูดถึงเธออีกนะ!” ฉู่ชวิ๋นพลันขึ้นเสียงตอบกลับมา

จักรพรรดิอ๋าวฮวงมึนงงไปเล็กน้อย ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้าจะบอกว่าการปลดพันธนาการแห่งท้องฟ้ามันก็มีวิธีอยู่ แต่ข้าอยากให้เอ็งตัดสินใจด้วยตัวเองมากกว่า”

ฉู่ชวิ๋นหันไปมองหน้าชายวัยกลางคนด้วยความไม่อยากเชื่อ “มันมีวิธีอยู่จริง ๆ เหรอครับ?”

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ไม่เคยมีใครลองทำมาก่อน” จักรพรรดิอ๋าวฮวงตอบ

“แล้วทำไมคุณไม่ลองเองล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นถาม

“เอ็งคิดว่าข้าไม่อยากลองหรือไง?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงตอบกลับมาทันทีและลดเสียงลงเป็นกระซิบว่า “เอ็งคิดว่าข้าอยากจะอยู่แบบนี้หรือไง ถ้ามันทำได้โดยไม่มีข้อจำกัด ข้าคงลองไปนานแล้ว แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้ มันทำให้ข้าเลือกที่จะอยู่แบบนี้ต่อไปดีกว่า”

ฉู่ชวิ๋นนิ่งเงียบไป ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา และพูดว่า “ผมขอโทษ”

จักรพรรดิอ๋าวฮวงส่ายหน้า มองก้อนคริสตัลในมือ พูดว่า “ข้าได้ของสิ่งนี้มาโดยบังเอิญ มันบันทึกวิชาโบราณเอาไว้ มันเรียกว่าเคล็ดวิชาลมปราณจำแลง”

“ลมปราณจำแลงเป็นการฝึกวิชาที่ไม่ได้ใช้ลมปราณจริง ๆ ดังนั้น พลังลมปราณจำแลงที่เกิดขึ้น จึงเป็นสิ่งที่พันธนาการแห่งท้องฟ้าไม่สามารถดูดซับพลังงานไปได้” จักรพรรดิอ๋าวฮวงอธิบายพร้อมรอยยิ้ม