บทที่ 201 วิชาโบราณลมปราณจำแลง[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 201 วิชาโบราณลมปราณจำแลง[รีไรท์]

ฉู่ชวิ๋นตกใจมาก เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีลมปราณจำแลงมาก่อน ไม่เคยเลยสักนิด

เขาเผยท่าทีสงสัย จักรพรรดิอ๋าวฮวงเลยบอกทันทีว่า การฝึกวิชาโบราณลมปราณจำแลงมีข้อจำกัด

“ข้อจำกัดอะไรครับ? แล้วคุณแน่ใจเหรอว่าพันธนาการแห่งท้องฟ้าไม่สามารถสะกดลมปราณจำแลงได้” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ไม่รู้ เรื่องนี้เอ็งต้องไปลองเอง” จักรพรรดิอ๋าวฮวงก็ตอบตรง ๆ ฉู่ชวิ๋นมีท่าทีระแวง ไม่ใช่ว่าเจ้าจิ้งจอกเฒ่านี่เห็นเขาเป็นหนูทดลองหรอกนะ จักรพรรดิอ๋าวฮวงโยนผลึกคริสตัลให้เขาและเอ่ยขึ้นมา “ลองสัมผัสด้วยตัวเอง”

ฉู่ชวิ๋นไม่กล้าไปรับ ตอนนี้เขามีแผลในใจแล้วก่อนหน้านี้เขาแค่อยากลองสัมผัสพันธนาการแห่งท้องฟ้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่กลับกลายเป็นว่าโดนเข้าให้ เขาไม่อยากไปแตะต้องอะไรแปลกปลอมอีกแล้ว

“เอ็งมีความกล้าแค่เนี้ย ข้าละไม่รู้จริง ๆ ว่าเอ็งเป็นจักรพรรดิเซียนได้ยังไง หรือว่าเดี๋ยวนี้จักรพรรดิเซียนมีอยู่มากมายเหมือนผักเหมือนปลาแล้ว” จักรพรรดิอ๋าวฮวงเหยียดหยามฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นได้แต่แย้งด้วยความเขินจนแดง ๆ

“เขา…เขาเรียกว่าระวังตัว การระวังตัวจะทำให้แล่นเรือปลอดภัยเป็นหมื่นปีเลยนะ”

“เอ็งจะระแวงไปทำบ้าทำบออะไร ตอนนี้เอ็งโดนพันธนาการแห่งท้องฟ้าเข้าไปแล้ว เป็นได้แค่คนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเรื่องที่จะซวยไปกว่านี้อีกเหรอ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูดพร้อมแววตาเย้ยหยัน

ฉู่ชวิ๋นคิดไปคิดมา ก็จริงนะตอนนี้เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าจะซวยกว่านี้ มันจะซวยได้สักแค่ไหนเชียว

เขาจึงหยิบหินคริสตัลมากำในมือแน่นแต่ก็ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้น ?

“ไม่ใช่ว่าไอ้ต้มตุ๋นจักรพรรดิอ๋าวฮวงเอาหินกาก ๆ มาหลอกเขาหรอกนะ” ฉู่ชวิ๋นไอ้แต่คิดในใจ

จักรพรรดิอ๋าวฮวงมองเขาราวกับมองไอ้งั่งอยู่ยังไงอย่างงั้นและพูดหยอกล้อ “ตอนนี้ข้าละสงสัยขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะว่าตำแหน่งจักรพรรดิเซียนของเอ็งเนี้ยถูกซื้อมาแน่ ๆ นี่น่ะเป็นสมบัติหายากเลยนะ อย่างน้อย ๆ เอ็งก็ถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปหรือลองหยดเลือดลงไปสักหยดสองหยดดูก่อนสิ” ใบหน้าของ ฉู่ชวิ๋นแดงก่ำไปทั้งหน้า น่าขายหน้าจริง ๆ อยู่กับจักรพรรดิอ๋าวฮวงแล้ว

เขาชอบรู้สึกว่า สมองไม่พอใช้หรือว่าเขาจะได้รับโรคติดต่อมา? เขาลองถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปในผลึกคริสตัลดูแต่ก็ไม่เกิดผลอะไร เขาหยดเลือดลงไปบนหินคริสตัลหนึ่งหยด ก็ยังไม่เกิดผลอะไรขึ้นอยู่ดี

“อ้าว….ทำไมกันล่ะ” เขามองจักรพรรดิอ๋าวฮวงอย่างมึนงง

จักรพรรดิอ๋าวฮวงชะงักและเพ่งมองไปที่ผลึกคริสตัลก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ก้อนนี้ไม่ได้เหรอ งั้นก็ลองก้อนนี้ดู”

พูดจบก็มีผลึกหลากสีปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา ผลึกพวกนั้นส่องแสงแวววาว งดงามเกินจะบรรยาย ฉู่ชวิ๋นแน่นิ่งไปแล้ว ก่อนจะมีสีหน้าโกรธเคือง หยิบผลึกคริสตัลขึ้นมาและปาใส่หัวจักรพรรดิอ๋าวฮวงทันที ไอ้สารเลวนี้บังอาจแกล้งเขา

จักรพรรดิอ๋าวฮวงเอียงหัวและหัวเราะแห้ง ๆ

“เอาล่ะ เลิกเล่นได้แล้ว” จักรพรรดิอ๋าวฮวงมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ฉู่ชวิ๋นได้แต่เบ้ปาก ใครกันแน่ที่มัวแต่เล่น

“ฉู่ชวิ๋น ข้าบอกเอ็งตามตรงนะ ไม่มีใครเคยฝึกฝนวิชาโบราณลมปราณจำแลงมาก่อน เพราะฉะนั้นไม่มีใครรู้ว่าอันตรายรึเปล่า…” ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นขัดคำพูดของจักรพรรดิอ๋าวฮวงทันที

“ขอแค่มีโอกาสแค่เสี้ยวเดียวผมก็อยากจะลอง ต่อให้ล้มเหลว ยังจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่าตอนนี้ได้อีกเหรอ”

“ข้าก็เคยลองมาก่อน แต่น่าเสียดายที่การฝึกฝนวิชาโบราณลมปราณจำแลงเหมาะกับพวกมนุษย์มากกว่า อีกอย่างผลึกคริสตัลมีญาณทิพย์ มันจะเลือกเจ้านายด้วยตัวเอง” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูดเสียงต่ำ ฉู่ชวิ๋นตกใจนิดหน่อย แต่ก็พอเข้าใจได้ถึงเรื่องการมีอยู่อันขัดกฎสวรรค์ บางครั้งใช่ว่าคนจะเลือกของแต่ของต่างหากที่เลือกคน

มีอีกอย่างที่ฉู่ชวิ๋นไม่เข้าใจเขามองจักรพรรดิอ๋าวฮวงและเอ่ยขึ้นมา “พันธนาการแห่งท้องฟ้าล็อกเส้นชีพจรผมไว้จนหมด ต่อให้ฝึกฝนวิชาโบราณลมปราณจำแลงจนสำเร็จ ถึงตอนนั้นจะลำเลียงลมปรามจำแลงจากภายในสู่ภายนอกได้ยังไง คงไม่ใช่ทำให้วิทยายุทธในตัวหายไปจนหมดหรอกนะ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงจ้องฉู่ชวิ๋นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมเอื้อนเอ่ยทีละคำ

“พันธนาการแห่งท้องฟ้าพลาดไปหนึ่งจุด”

“ชีพจรกระดูกสินะ” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจจักรพรรดิอ๋าวฮวงพยักหน้า “ถูกต้อง ชีพจรทั้งหมดรวมถึงอวัยวะภายในต่าง ๆ ล้วนถูกพันธนาการแห่งท้องฟ้าล็อกไว้จนหมด มีแค่ชีพจรกระดูกที่ไม่โดน”

“คุณหมายความว่าให้ใช้ชีพจรกระดูกในการลำเลียงลมปราณจำแลงงั้นหรอ” ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงมาก ความคิดนี้มันบ้ามาก

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ที่ดินแดนเซียนมีอยู่ตำนานหนึ่งไม่รู้ว่าเอ็งเคยได้ยินมั้ย เมื่อล้านปีก่อนมีคนโหดเหี้ยมนามว่า หวูตี๋”

“นี่คุณพูดถึงจักรพรรดิไร้พ่ายงั้นเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นอุทานออกมาอย่างตกใจ เขาจะไม่เคยได้ยินได้ไง

จักรพรรดิไร้พ่ายเป็นตัวตนการมีอยู่ของปีศาจระดับบันลือโลกแข็งแกร่งเหนือฟ้าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง จนแม้แต่สวรรค์ยังต้องอิจฉาจนส่งพันธนาการแห่งท้องฟ้าลงมา เพื่อลดทอนความแข็งแกร่งของเขาลง

แต่จักรพรรดิไร้พ่ายไม่ยอมแพ้ เขาหาทางอย่างอื่น ใช้ชีพจรกระดูกลำเลียงพลังลมปราณ ยอมสละชีพจรอื่น แต่อานุภาพยิ่งน่าสยดสยองเข้าไปใหญ่ ทำให้เขาก้าวเข้าสู่จักรพรรดิไร้พ่าย ผู้ไร้เทียมทาน

“แต่ว่าเรื่องนี้เป็นแค่ตำนานไม่ใช่เหรอ” หลังจากที่ฉู่ชวิ๋นใจเย็นลงเขาก็ถามขึ้นมา

“นี่ไม่ใช่แค่ตำนาน จักรพรรดิไร้พ่ายมีตัวตนอยู่จริง ๆ” สีหน้าของจักรพรรดิอ๋าวฮวงเปลี่ยนไป เมื่อพูดถึงจักรพรรดิไร้พ่าย

ฉู่ชวิ๋นตกใจมาก จักรพรรดิอ๋าวฮวงมีสีหน้าแน่ใจ ขนาดนี้หรือว่าเขาเคยเจอจักรพรรดิไร้พ่าย

“มีแค่ทางนี้ทางเดียว จะลองไม่ลองเอ็งตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน” จักรพรรดิอ๋าวฮวงเอ่ยเบา ๆ

ฉู่ชวิ๋นเหลือกตามองบนจะพูดให้เปลืองน้ำลายทำไม ในเมื่อไม่เหลือทางอื่นแล้ว ถ้าไม่อยากให้ใครมาฆ่าแกงตัวเองก็ต้องก้าวฝ่าทางนี้ออกไปให้ได้ อีกอย่าง ในเมื่อจักรพรรดิอ๋าวฮวงรู้จักจักรพรรดิไร้พ่าย งั้นอ๋าวฮวงก็ต้องรู้อะไรมากกว่านี้แน่ ๆ ถ้ามีการชี้แนะของอ๋าวฮวง บางทีทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามนี้ อาจจะสำเร็จจริง ๆ ก็ได้

“เอามา” ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกไป

จักรพรรดิอ๋าวฮวงใช้ความคิดสักพักก็ถามขึ้นอีก “เอ็งตัดสินใจแล้วหรอ รู้ไว้นะว่าถ้าล้มเหลว สิ่งที่ต้องเสียไปอาจจะเป็นชีวิต ถ้ายอมล้มเลิกอย่างน้อย ๆ เอ็งก็ยังมีชีวิตอยู่”

“ไม่ลุกขึ้นสู้จากความพ่ายแพ้ ก็ตายไปซะทั้งอย่างนี้แหละ” ฉู่ชวิ๋นบอกด้วยเสียงหนักแน่น เขาตัดสินใจแล้ว แต่ก่อนจะเริ่มจริง ๆ เขาต้องกลับไปภูเขาเฉียนหลงก่อน เพื่อจัดการทุกอย่างทางโลกให้เรียบร้อย จะได้ไม่เสียใจทีหลัง“ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ข้าจะช่วยเอ็ง” อ๋าวฮวงพูดด้วยเสียงมั่นคง

 …..

 …..

สองวันให้หลังฉู่ชวิ๋นก็จากไป เขากลับไปที่ภูเขาเฉียนหลง พวกเฉินฮั่นหลงอยู่ในระหว่างฝึกฝนแล้ว ภายในปีสองปีนี้ พวกเขาคงไม่ตื่นขึ้นมา

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเหมือนฝันไป ก่อนไปเขาก็รู้แล้วว่า หนนี้ยากจะรอด ไม่คิดว่าเขาจะยังมีรอดชีวิตกลับมาได้ ต้องยอมรับว่า สวรรค์ยังเมตตาเขาอยู่ ? หรือเปล่า ?

“เสี่ยวชวิ๋น แม่นางเสี่ยวหวู่คนนั้น…” เสียงของฉู่เทียนเหอ โศกเศร้า ฮวาชิงหวู่เกิดเรื่องขึ้นเพราะช่วยพวกเขา

“พ่อ ไม่ต้องห่วง ผมจะทำให้เธอฟื้นขึ้นมาให้ได้ ว่าแต่พ่อเคยชินกับที่นี่หรือยัง” ฉู่ชวิ๋นถาม พูดถึงเรื่องนี้ฉู่เทียนเหอเผยยิ้มและกล่าวขึ้น “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า ในเมืองจะมีพื้นที่ไร้มลพิษแบบนี้อยู่ด้วย อากาศที่นี่ ดีจนพูดอะไรไม่ออก ลูกดูสิ หลายวันมานี้พ่อกับแม่ของลูกอย่างกับเด็กลงไปหลายปี ผมขาวก็….” พูดมาถึงตรงนี้ฉู่เทียนเหอรู้สึกเจ็บใจ ผมขาวที่ขมับทั้งสองข้างของฉู่ชวิ๋นทิ่มแทงสายตาของเขาเหลือเกิน

ฉู่ชวิ๋นรู้ว่า ฉู่เทียนเหอคิดอะไรอยู่ เขาสะกดอารมณ์เศร้า ๆ และเปลี่ยนเรื่องคุย

“พ่อ นี่ไม่ใช่อากาศ แต่เป็นพลังวิญญาณ เดี๋ยวตกกลางคืนผมจะชำระล้างร่างกายพ่อด้วยน้ำยาเซียนวิเศษ รับรองว่า พ่อจะเด็กลงไปอีกสิบปี ถึงตอนนั้นบอกว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันก็มีคนเชื่อ” ฉู่เทียนเหอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่หัวเราะออกมา “ไอ้ลูกชาย เล่นไม่ดูรุ่นเลย พ่อยังไม่แก่หรอกนะ”

“แล้วแม่ผมล่ะ” ฉู่ชวิ๋นแปลกใจที่ไม่เห็นหลิวหราน แม่ของเขา

“แม่นอนกลางวันอยู่ พ่อรอแม่หลับถึงออกมาเนี่ย”

“พ่อกลัวแม่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉู่ชวิ๋นแซวพ่อทันที ฉู่เทียนเหอหน้าแดงและโต้แย้งออกมา “ไอ้ลูกชายอย่าง ลูกจะไปรู้อะไร เขาเรียกว่าความรัก”

“ครับผม ๆ” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า นาน ๆ ทีจะรู้สึกอบอุ่นหัวใจแบบนี้ การได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวนี่ช่างดีจริง ๆ

“พ่อ พรุ่งนี้ผมจะเริ่มการรักษาดวงตาให้แม่”

“มั่นใจมั้ย” ฉู่เทียนเหอตื่นเต้นมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

“พ่อวางใจเถอะ แค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้น” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาอย่างมั่นใจ

“งั้นก็ดีแล้ว” ฉู่เทียนเหอดีใจมาก

“พอดวงตาของแม่หายแล้ว พวกเราจะไปตระกูลหลิวที่เมืองหลวงกัน เรื่องบางเรื่องต้องจัดการแล้ว” ฉู่เทียนเหอชะงักไป เนิ่นนานกว่าจะถอนหายใจออกมา มีความเคืองแค้นอยู่ภายในน้ำเสียงของเขา

“ถูกต้อง มีบางเรื่องต้องจัดการ!”