บทที่ 245 บังคับเลี้ยงข้าว

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 245 บังคับเลี้ยงข้าว

ตอนนี้แม่เฒ่าจางชักเจ็บใจ แต่ก็ทำได้เพียงทนเอาไว้

ส่วนตอนนี้แม่เถาชักแค้นใจ รู้สึกว่าหยางชุ่ยฮวาและแม่เฒ่าจางรวมหัวกันรังแกนาง!

วันหน้านางจะให้นังเฒ่าโฉดนี่ได้เห็นดีแน่!

“ผู้ใหญ่บ้านซ่ง” หยางชุ่ยฮวาส่งเสียงเรียกอีกครั้ง

แม่เฒ่าซ่งไม่รอให้ผู้ใหญ่บ้านซ่งปริปากก็รับปากแทนผู้ใหญ่บ้านซ่ง “ได้สิ วันนี้ข้ากับสามีข้าจะกินข้าวกับพวกเจ้าสักมื้อ”

แม่เฒ่าจางตาโต ว่าอย่างไรนะ? ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่บ้านซ่งที่จะมา? แม่เฒ่าซ่งก็จะตามมาด้วยหรือ?

ความเป็นอยู่ของบ้านผู้ใหญ่ซ่งนั้นไม่เลว แม่เฒ่าซ่งก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าอยากกินข้าวบ้านคนอื่นเพราะตะกละ ที่แม่เฒ่าซ่งทำเช่นนี้ก็เพราะแค้นในเรื่องเมื่อคราวจางซิ่วเอ๋อแต่งงาน ที่นางอุตส่าห์นำเงินใส่ซองให้ ทว่าแม่เฒ่าจางกลับยกกับข้าวทุเรศ ๆ ออกมา

นางรู้สึกว่าตนเองขาดทุน! ตอนนี้จึงหาโอกาสกินเพื่อคืนทุน

คราแรกผู้ใหญ่บ้านซ่งจะปฏิเสธ แต่แม่เฒ่าซ่งพูดออกมาแล้ว ผู้ใหญ่บ้านซ่งก็พูดอะไรไม่ได้ จึงได้แต่พยักหน้า

แม่เฒ่าซ่งมองแม่เฒ่าจางพลางเอ่ย “นี่ เจ้าคงไม่คิดจะทำกับข้าวที่ดูไม่ได้มาให้หรอกนะ? พ่อแม่เหมยจื่อไม่ได้มาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ต้องทำกับข้าวที่ดูดีหน่อยสิ”

“เจ้าไม่ต้องเสียดายหรอก ข้าเองก็หวังดี ดูซิพวกเจ้าไปรังแกลูกสาวเขาขนาดไหน ถ้าข้าวมื้อนี้ไม่ให้เขาได้กินจนสบายใจ ถึงเวลาอาละวาดขึ้นมาอีกพวกเราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว” แม่เฒ่าซ่งพูดอย่างยินดีปรีดากับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น

แม่เฒ่าจางกัดฟันกรอด พูดกับจางอวี่หมินด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “อวี่หมิน ไปซื้อเนื้อมา 2 ชั่ง!”

พูดเสร็จก็ควักเหรียญจำนวนหนึ่งจากกระเป๋าตัวเองและยื่นให้จางอวี่หมิน

จางอวี่หมินกลอกตาและเอ่ยขึ้น “ให้เข้าเมืองตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไปซื้อเนื้อหรอกนะเจ้าคะ แต่ไม่มีที่ซื้อจริง ๆ ……”

หารู้ไม่ในเวลานั้น มีเสียงตะโกนขายของดังมาจากที่ไม่ไกล “ขายเนื้อจ้า! เนื้อหมูสด ๆ เพิ่งเชือดจ้า!”

จางซิ่วเอ๋อเกือบจะหลุดขำออกมา คนขายเนื้อช่างมาได้ทันเวลาจริง ๆ

ปกติในหมู่บ้านจะมีพ่อค้าหาบเร่ที่ขับเกวียนขายของตามหมู่บ้าน แต่คนเหล่านี้ไม่ได้มาทุกวัน และของที่ขายก็มีหลากหลายชนิด คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะบังเอิญขนาดนี้

พ่อค้าหาบเร่มาเวลานี้พอดี แถมยังมีเนื้อหมูขายด้วย!

จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ “ท่านอาเล็ก ได้ยินหรือไม่?”

จางอวี่หมินแกล้งโง่ในทันที “ไม่ได้ยิน”

พ่อค้าหาบเร่เห็นว่าตรงนี้มีคนมาก จึงลากเกวียนเข้ามาและตะโกนขายเสียงดังสนั่น “ขายเนื้อหมูจ้า! มีใครจะซื้อเนื้อหมูไหมจ๊ะ!”

ครั้งนี้ต่อให้จางอวี่หมินอยากจะแกล้งโง่ก็คงทำไม่ได้แล้ว ได้แต่ซื้อเนื้อหมู 2 ชั่งด้วยราคา 20 เหรียญท่ามกลางสายตาของทุกคน

เนื้อติดมันมีราคาแพงเกินไป จางอวี่หมินกินเองพอไหว แต่ครั้งนี้ต้องเลี้ยงข้าวคนอื่น จางอวี่หมินจึงเสียดายเงินนี้ จึงซื้อเนื้อแบบไม่ติดมันมา 2 ชั่ง

“เอาอย่างนี้ ซิ่วเอ๋อ เจ้ารีบพยุงแม่เจ้าเข้าไปพักก่อน วันนี้ท่านตากับท่านยายเจ้ามากันหมด เจ้าไม่ต้องทำกับข้าวหรอก ไปเรียกชุนเถามากินข้าวด้วยกัน” หยางชุ่ยฮวาบอกอย่างสนิทสนม

จางซิ่วเอ๋อไม่ได้อยากกินของบ้านตระกูลจาง แต่พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของแม่เฒ่าจางและพวกจางอวี่หมินแล้วก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างยิ่ง

เวลานี้นางจึงพยักหน้าบอก “เจ้าค่ะ”

จางอวี่หมินได้ยินแล้วเบิกตากว้าง นางอยากจะถามว่าเหตุใดจางซิ่วเอ๋อถึงหน้าไม่อายเพียงนี้ กล้าดีอย่างไรมาอยู่กินข้าวที่บ้าน แต่เนื่องจากมีคนมากมายกำลังจ้องมองมา นางก็ไม่อาจพูดแบบนี้ออกมาได้

นางจะให้คนอื่นคิดว่านางเป็นคนขี้เหนียวไม่ได้

ไม่ว่าหลังจากนี้นางจะแต่งงานกับใคร ต้องมีคนมาสืบเสาะในหมู่บ้านแน่ ๆ หากรู้เรื่องนี้และมีผลกระทบต่อนางจะทำอย่างไร?

คิดได้ดังนั้น จางอวี่หมินจึงกล้ำกลืนฝืนทน

ทุกคนเห็นว่าไม่มีเรื่องสนุกอะไรให้ดูแล้วจึงสลายตัวกัน

หยางชุ่ยฮวามองแม่ไก่ที่กำลังเดินเพ่นพ่านอยู่ในลานบ้านแล้วก็คว้าหมับขึ้นมาหนึ่งตัว “ท่านหมอบอกว่าเหมยจื่อต้องบำรุงร่างกายไม่ใช่รึ? แม่ไก่แก่นี่ไม่เลว ประเดี๋ยวจับทำอาหารด้วยก็แล้วกัน”

แม่เฒ่าจางรีบบอก “เรื่องนั้นไม่ได้หรอก นี่เป็นไก่ที่ไว้ออกไข่ของที่บ้านนะ”

“เรื่องนี้เจ้าทำไม่ถูกนะ ลูกสะใภ้เจ้าเป็นแบบนี้แล้วเจ้ายังมัวเสียดายไก่แค่ตัวเดียวอยู่อีก” แม่เฒ่าซ่งยุอยู่ข้าง ๆ

แม่เฒ่าจางแค่นเสียง “เจ้านี่ยุ่งทุกเรื่องเลยนะ!”

“สามีข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน เรื่องแบบนี้ข้าทนดูไม่ได้หรอก และข้าก็มีสิทธิ์ว่าด้วย!” แม่เฒ่าซ่งไม่ยอมถอยเลยสักนิด นางโต้กลับไปทันที

แม่เฒ่าจางนึกแค้นในใจ สามีเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วทำไม!

แต่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริง ๆ นั่นแหละ

ไม่รอให้แม่เฒ่าจางพูดอะไรอีก ฝ่ายหยางชุ่ยฮวาก็ไปหามีดปังตอจากในครัวและเชือดแม่ไก่ด้วยท่วงท่าทะมัดทะแมง

แม่เฒ่าจางตาโต “เจ้า…..เจ้า……”

หยางชุ่ยฮวาเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าท่านไม่อาจลงมือเองได้ ข้าจึงช่วยลงมือแทนท่าน ถึงวันนี้จะให้ท่านเป็นคนเลี้ยงข้าว แต่ข้าจะปล่อยให้ท่านทำกับข้าวคนเดียวไม่ได้ ข้าจึงจะมาช่วยงานด้วย”

แม่เฒ่าจางมองแม่ไก่ตัวนั้นอย่างเจ็บใจ เวลานี้แค้นจนอยากจะหยิบมีดขึ้นมาปาดคอหยางชุ่ยฮวาเสีย

แต่นางก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น เพราะนางไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก

เห็นแม่เฒ่าจางเป็นคนก๋ากั๋นแบบนั้นก็จริง แต่นางก็ดีแต่ปากเท่านั้นแหละ ทว่าหยางชุ่ยฮวานั้นไม่เหมือนกัน นอกจากจะด่าเก่งแล้วยังเหี้ยมพอที่จะลงมือด้วย

อย่างเรื่องเชือดไก่ ปกติสะใภ้บ้านอื่นไม่กล้าลงมือหรอก ต้องเรียกสามีตัวเองมาช่วย

แต่หยางชุ่ยฮวาสามารถจัดการเรื่องเช่นนี้ได้โดยไม่อิดออด

จางซิ่วเอ๋อเห็นแม่เฒ่าจางโกรธจนตัวสั่นแต่ยังต้องกลั้นไว้อย่าให้พูดเลยว่าสะใจขนาดไหน คนชั่วต้องเจอคนชั่วด้วยกันเองนี่แหละ

จางซิ่วเอ๋อพยุงแม่โจวเดินเข้าไปในห้อง

พอนอนลงบนเตียง แม่โจวก็นิ่งเงียบไม่พูดจา

จางซิ่วเอ๋อตกใจ คงไม่ใช่ว่าแม่โจวทำใจไม่ได้หรอกนะ โจวหู่และหยางชุ่ยฮวาไม่ได้มาเพื่ออาละวาดตระกูลจางหรอก แต่มาเพื่อทวงความยุติธรรมให้แม่โจว

บอกตามตรงแล้วจางซิ่วเอ๋อกังวลใจเกี่ยวกับแม่โจวจริง ๆ ถึงอย่างไรแม่โจวก็โดนตระกูลจางรังแกมามากจนกลายเป็นนิสัยยอมรับได้ทุกอย่างไปแล้ว ใครจะรู้ว่าเวลาแบบนี้แม่โจวจะเข้าข้างตระกูลโจวไหม?

และในตอนนั้นเอง เหมือนจู่ ๆ แม่โจวก็ได้สติกลับมาและหัวเราะ

เสียงหัวเราะของนางไม่ดัง แต่เป็นเสียงหัวเราะใสเจื้อยแจ้ว

จางซิ่วเอ๋อโล่งอก ดูท่าแม่โจวค่อนข้างจะมีความสุข

แม่โจวลดเสียงลงและเอ่ย “ซิ่วเอ๋อ เจ้ารู้ไหม? ข้าแต่งงานเข้าบ้านตระกูลจางมาหลายปี ไม่เคยมีวันไหนที่เบิกบานเท่าวันนี้! เชิดหน้าชูตาได้ถึงเพียงนี้!”

จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ “ท่านแม่ ที่จริงลุงใหญ่และป้าใหญ่ก็ไม่ใช่คนไม่ดี ทำไมตอนที่ท่านได้รับความอยุติธรรมเมื่อก่อนหน้านี้ถึงไม่บอกคนที่บ้านล่ะ?”

แม่โจวตาแดง “ข้ากลัวว่าจะสร้างปัญหาให้ที่บ้าน”

ที่โจวหู่และหยางชุ่ยฮวาไม่ค่อยได้มาบ้านตระกูลจางก็เพราะแม่โจวนี่แหละที่ไม่ได้บอกให้ใครมา

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ผู้แปลเองก็ไม่เคยรู้สึกเบิกบานใจเท่ากับแปลตอนนี้มาก่อนเลยเหมือนกันค่ะ

แม่โจวลองลุกขึ้นมาสู้คนดูบ้างเถอะนะคะ ปล่อยให้ตัวเองเสียเปรียบมานานแล้ว ไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่ลูก ๆ เถอะ

ไหหม่า(海馬)