แม้แพทย์จะไม่ถามเรื่องภายในครอบครัวของผู้ป่วย แต่เฉินซูหลานพักอยู่ในโรงพยาบาลเกือบครึ่งปีแล้ว เขาก็สามารถรับรู้ถึงความสัมพันธ์คลุมเครือระหว่างฉินหร่านกับพวกเธอได้เช่นกัน
แม้หนิงฉิงจะเป็นแม่ของฉินหร่าน แต่ในความเป็นจริงแล้ว…เธอรู้จักฉินหร่านไม่ดีเท่าเขาด้วยซ้ำ
เมื่อนึกถึงคำพูดที่ฉินหร่านเคยบอกตัวเองไว้ หมอก็ก้มหน้าค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของฉินหร่าน กดโทร.ออกทันที แต่ทว่าปิดเครื่อง ไม่มีใครรับสาย
ด้านหลังไม่ไกลจากเขา หนิงฉิงยืนอยู่ที่เดิม นัยน์ตามีความหวาดกลัวอย่างมหันต์ และมีน้ำตาคลอหน่วย
ผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงได้ยื่นมือไปล้วงมือถืออย่างสั่นระริก นานกว่าจะโทร.หาหนิงเวยได้สำเร็จ
…
ผลรายงานของกู้ซีฉือจะออกมาตอนสี่โมงเย็น
ภายหลังยังมีเรื่องราวเป็นพรวนตามมา ตอนแรกฉินหร่านตั้งใจว่าจะรอผลการเร่งปฏิกิริยาเอนไซม์ของกู้ซีฉือก่อนค่อยกลับเมืองอวิ๋นเฉิง
จากนั้นหลังกินข้าวเสร็จตอนบ่ายเธอก็เริ่มกระวนกระวายใจ เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายบางอย่าง
หนึ่งชั่วโมงเธอรอไม่ไหวจริงๆ จึงตรงกลับเมืองอวิ๋นเฉิง
เฉิงเจวี้ยนกับเฉิงมู่ไม่ต้องพูดถึง ลู่จ้าวอิ่งมาเพื่อดูการแข่งขันของ OST ตอนนี้ไม่มีการแข่งขันแล้ว เขาต้องกลับพร้อมฉินหร่านอยู่แล้ว
เจียงตงเย่ส่งทั้งสี่คนออกมา เดิมทีเขาอยากถามฉินหร่านว่าทำไมถึงกลับเร็วปานนี้ ทำไมไม่รอกู้ซีฉืออีกสักหน่อย แต่เมื่อเห็นอากัปกิริยาของฉินหร่าน จึงไม่กล้าพูดมาก
ทั้งสี่คนขึ้นเครื่อง จากเซี่ยงไฮ้ถึงอวิ๋นเฉิงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
ตอนที่แพทย์ประจำตัวของเฉินซูหลานโทร.หาฉินหร่าน เธออยู่บนเครื่องบิน
ลู่จ้าวอิ่งกับเฉิงมู่นั่งแถวเดียวกัน ห่างจากฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนโดยมีทางเดินกั้น อาจเพราะว่าเห็นสีหน้าของฉินหร่านไม่สู้ดี เขาจึงนั่งลงปลอบใจฉินหร่าน “ไม่เป็นไร ตอนนี้ยาทางกู้ซีฉือน่าจะเสร็จแล้ว”
ฉินหร่านพยักหน้า ไม่พูดอะไร
ไม่นานเครื่องบินก็มาถึงเมืองอวิ๋นเฉิง
ท้องฟ้ามืดแล้ว
เมืองอวิ๋นเฉิงหนาวกว่าเซี่ยงไฮ้ เมื่อลงจากเครื่องบินจะสามารถมองเห็นหิมะที่โปรยปรายข้างนอก ลมพัดแรง ทั้งหนาวและเย็นเยือก
ยามหิมะกระทบพื้นก็จะละลาย
ฉินหร่านยังคงสวมฮู้ดกับโค้ตสีดำเช่นเคย เวลาเดินเหินบนท้องถนนมักจะถูกคนพูดว่าเป็นพวกอันธพาล
เฉิงเจวี้ยนตามหลังเธอก้าวหนึ่งกำลังพูดอะไรบางอย่างกับลู่จ้าวอิ่งอยู่ คล้ายว่าจะรู้สึกถึงแรงลม เขาจึงยื่นผ้าพันคอให้ฉินหร่าน
เฉิงมู่ที่อยู่ข้างหน้ากำลังติดต่อให้คนเอารถมา
บรรยากาศของพวกเขาหนักอึ้ง แม้แต่ลู่จ้าวอิ่งก็ไม่พูดจาหยอกล้ออย่างที่เคย
ฉินหร่านไม่พูดไม่จา เธอสะพายเป้ไว้ข้างหลัง พันผ้าพันคอด้วยมือข้างเดียว
ปิดกั้นลมที่พัดมาจากทุกสารทิศ
เฉิงเจวี้ยนคุยกับลู่จ้าวอิ่งเสร็จ ก็หันหน้ามา ยื่นมือไปจัดผ้าพันคอให้เธอ ก้มหน้าลงพูดด้วยเสียงนิ่งและมั่นคง “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไร”
…
ณ โรงพยาบาล
หนิงเวยกับมู่หนานมาถึงก่อน
หนิงเวยยังไม่ออกจากโรงพยาบาล แต่เธอสามารถใช้ไม้ค้ำยันเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว มู่หนานพยุงเธอมาที่ห้องไอซียู
มู่หยิงอยู่บ้าน ตอนนี้ยังไม่มา
หลินฉียืนก้มหน้าสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก ขมวดคิ้วมองพวกหนิงเวย ถอนหายใจ จากนั้นเบี่ยงตัวให้พวกเขาเข้าไป “ทุกคนอยู่ข้างใน”
หนิงเวยเดินเข้าไปพร้อมกับริมฝีปากที่สั่นระริก
เฉินซูหลานอยู่ในโรงพยาบาลครึ่งปี รอบตัวไม่ได้มีเพียงแค่สกุลหลิน แม้แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล รวมถึงพวกเฉิงเจวี้ยนก็เคยมาทักทายพวกเขาแล้ว
ความสำคัญของผู้ป่วยคนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้
ตอนนี้ภายในห้องไอซียูมีแพทย์ยืนอยู่หลายคน เลยเวลาเลิกงานแล้ว แต่ยังคงยืนอยู่ในห้อง
“เสี่ยวหนาน มานี่” เฉินซูหลานนั่งพิงหัวเตียง ดูเหมือนสภาพจิตใจของเธอจะดีมาก สีหน้าอ่อนโยนและสงบ
ขณะที่มู่หนานได้ยิน ในใจก็เจ็บปวดอย่างน่าประหลาด เขาเดินไปยืนข้างเฉินซูหลาน นั่งบนเก้าอี้ที่หนิงฉิงลุกออกไป ดวงตาแดงก่ำ แต่ก็กล้ำกลืนฝืนทน เค้นเสียงออกมาว่า “คุณยาย”
“เสี่ยวหนาน ของที่ยายให้ยังอยู่ครบไหม” เฉินซูหลานยื่นมือไปลูบหัวเขา ส่งยิ้มอบอุ่นให้
มู่หนานพยักหน้าอย่างสะอึกสะอื้น
เฉินซูหลานพึมพำว่า “ดีแล้ว ดีแล้ว”
เธอทำตัวให้สดชื่น ฝืนคุยกับมู่หนานและหนิงฉิงได้สองสามประโยค ครู่หนึ่งมู่หยิงก็สวมเสื้อโค้ตกระวีกระวาดเข้ามาจากข้างนอก
ขณะนี้อาการของเฉินซูหลานเริ่มไม่สู้ดีแล้ว
มู่หยิงยืนข้างหลังมู่หนานแล้วเอ่ยขานว่าคุณยาย
เฉินซูหลานคุยกับเธอเล็กน้อย จากนั้นดวงตาขุ่นมัวก็ทอดมองนอกประตู ปากพึมพำว่า “หรานหร่านล่ะ หรานหร่านยังไม่กลับมาเหรอ”
มู่หนานจับมือของหญิงชราไว้ ดวงตาดำขลับของเขาจ้องเฉินซูหลาน “เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว คุณยายรอ…รออีกหน่อยนะ”
นอกห้องไอซียู ผู้เฒ่าหลินก็ตามมาถึงแล้วเช่นกัน
เขามองหลินฉีแวบหนึ่ง เอ่ยถามสถานการณ์ทางนี้ “เป็นยังไงบ้างแล้ว”
“คิดว่าคงจะไม่ไหวแล้ว” หลินฉีทนเห็นการจากลาในห้องผู้ป่วยไม่ได้ เขาถอนหายใจ บอกกับผู้เฒ่าหลิน
ผู้เฒ่าหลินก็คาดเดาได้เช่นกัน เขาเงียบไปพักหนึ่ง ถอนหายใจแล้วพยักหน้า เหลือบมองห้องไอซียูด้วยสีหน้าลุ่มลึก “ฉินหร่านยังไม่กลับมาเหรอ”
“ได้ยินว่าอยู่เซี่ยงไฮ้ ไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน” หลินฉีส่ายหน้า
“เซี่ยงไฮ้เหรอ ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่า” ผู้เฒ่าหลินถอนหายใจอีกครั้ง เขาเดินเข้าไปในห้อง พูดกับหลินฉีว่า “เธอเองก็คงรู้ว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว หลังจากนี้ควรเตรียมอะไรก็เตรียมไว้เถอะ”
ครอบครัวตระกูลหนิง มีคนแก่ เด็กและผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เกิดเฉินซูหลานเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ หลินฉีต้องเป็นเจ้าภาพ
หลินฉีตามเขาเข้าไป
แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เฉินซูหลานดูเหมือนจะแก่ชราลงเยอะโข ปกติแม้ดวงตาคู่นั้นจะขุ่นมัวก็จะยังมองเห็นประกาย แต่บัดนี้กลับหม่นหมอง
เมื่อเห็นหลินฉี เฉินซูหลานก็แข็งใจ คุยกับหลินฉีอีกหลายประโยค ไม่พ้นให้เขากับหนิงฉิงรักกันให้ดีอะไรเทือกนั้น
ในขณะนั้นเอง
ฉินหร่านก็กลับมาแล้ว
เธอมาเพียงลำพัง ด้านหลังมีแค่เฉิงมู่ติดตามแค่คนเดียว
ลู่จ้าวอิ่งกับเฉิงเจวี้ยนยังอยู่ใต้ตึก
ทั้งครู่จงใจไม่ขึ้นไป
“เกิดอะไรขึ้น” เฉิงเจวี้ยนมองเฉิงมู่ที่พาฉินหร่านขึ้นไปแล้ว เขาถึงได้หันมองลู่จ้าวอิ่ง ขมวดคิ้วมุ่น
ลู่จ้าวอิ่งสูดหายใจเข้าลึก เขาวางมือถือลงแล้วมองเฉิงเจวี้ยน “ยา cns คราวก่อน การคาดเดาของนายอาจจะถูก ร้อยทั้งร้อยมีคนจงใจเล่นงานยายของฉินเสี่ยวหร่าน เมื่อกี้เจียงตงเย่โทร.มาหาฉัน ไฟล์ทบินของเขากับกู้ซีฉือถูกยกเลิกอย่างไม่มีสาเหตุ”
อวิ๋นเฉิงไม่ใช่เมืองระดับหนึ่งยอดนิยมหรือเมืองท่องเที่ยว
เที่ยวบินเซี่ยงไฮ้ในแต่ละวันมีแค่ไม่กี่เที่ยวบิน
เที่ยวบินของกู้ซีฉือกับเจียงตงเย่ถูกยกเลิก เที่ยวบินถัดไปต้องรอพรุ่งนี้เช้า
เมื่อถึงอวิ๋นเฉิง ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ระยะเวลานานขนาดนั้น ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
คาดว่าเจียงตงเย่กับกู้ซีฉือคงเป็นห่วงฉินหร่าน จึงบอกเรื่องพวกนี้กับลู่จ้าวอิ่ง ลู่จ้าวอิ่งก็หลบเลี่ยงฉินหร่าน
ลู่จ้าวอิ่งกับเจียงตงเย่ไม่รู้ว่าเฉิงเจวี้ยนกับบิ๊กบอสผู้ที่ดูแล ‘กิจการ’ มีความสัมพันธ์อย่างไร
แต่ขอเพียงเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ บอกเฉิงเจวี้ยนไม่มีปัญหาแน่นอน
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉิงเจวี้ยนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย หลุบตาล้วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง เดินแยกไปอีกทาง โทร.หาใครบางคน