บทที่ 375 เงินกับชีวิต สิ่งใดสำคัญกว่า + บทที่ 376 ของส่วนตัว

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 375 เงินกับชีวิต สิ่งใดสำคัญกว่า

ซือถูเซิงผู้หมดอาลัยพาตัวซือถูหมิงที่บาดเจ็บกลับ เขาไม่แยแสสีหน้าเจ็บปวดของนางเลยสักนิด ในใจเขามีเพียงสีหน้าเย็นชาของซือถูเซวียน

ตัวเขาเสียใจกับสิ่งที่เลือกไปในตอนนั้นหรือไม่ แน่นอนว่าใช่ แต่เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ ซือถูเซิงยิ้มขื่นขมเมื่อนึกถึงคนในตระกูล เห็นท่าตระกูลซือถูคงจะจบสิ้นแล้ว

เมื่อคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป สีหน้าซือถูเซิงก็บิดเบี้ยวดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น

ไม่ว่าคนตระกูลซือถูจะนึกแค้นและขุ่นเคืองใจเพียงใด พวกเขาก็ยังต้องคืนของทั้งหมดที่ได้จากมารดาของซือถูเซวียนอยู่ดี

ทว่า ในเช้าตรู่วันต่อมา ท่านย่าซือถูก็ไปที่ตำหนักองค์หญิงแล้วก่อเรื่อง ด่าทอซือถูเซวียน หาว่านางอกตัญญู ไม่รู้คุณคน และใช้ถ้อยคำหยาบคายดุด่าว่านางชอบเห็นบิดาและท่านย่าเป็นทุกข์

ซือถูเซวียนไม่ตอบโต้ แต่เซียวฉีเทียนที่เอาหลักฐานจากการสืบเรื่องตระกูลซือถูออกมา และโยนหลักฐานให้นางซือถู

“พวกท่านสุมหัวกันกับคนอื่นทำร้ายท่านป้าของข้า ข้าอยากได้ชีวิตพวกเจ้าก็ไม่เห็นจะเกินไปตรงไหน แต่ท่านป้าเคยบอกไว้ก่อนสิ้นลม ว่าขอให้ปล่อยตระกูลซือถูไป แต่ถ้าคนจากตระกูลซือถูยังไปสร้างปัญหาให้กับเซวียนเซวียน ข้าก็พร้อมจะเอาชีวิตคนทั้งสิบกว่าชีวิตจากตระกูลซือถูของเจ้า ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองดูได้”

ท่านย่าซือถูข่มตานอนไม่หลับไปหลายคืน แม้ผู้เฒ่าจะมากประสบการณ์ แต่ก็ล้วนเป็นคนขี้ขลาดเมื่อต้องเจอกับเชื้อพระวงศ์ที่แท้จริง

“องค์ชาย ข้ารับใช้ต่ำต้อยผู้นี้รู้ว่าต้องทำเช่นไร” สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับมีมีดมาจ่อคอ หากไม่ระวังตัว พวกนางอาจตายโดยไม่มีหลุมฝัง

เมื่อเซียวฉีเทียนกลับออกไป ท่านย่าซือถูก็โวยวายอีกครั้ง นางด่าทอมารดาที่ตายไปของซือถูเซวียน ซือถูเซิงโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินเข้า “พอได้แล้ว ท่านแม่ ต้องให้ทั้งตระกูลเราตายไปกับท่านหรือ ท่านถึงจะพอใจ”

“ข้า…ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” เงินหายไปตั้งมากมายเพียงนี้ แล้วนางจะใช้ชีวิตที่หรูหราในอนาคตได้อย่างไรเล่า

“ถ้าท่านไม่อยากให้เราตายกันหมด ก็เลิกไปหาเซวียนเซวียนเสีย”

“แต่เงิน…”

“เป็นของเซวียนเซวียน ไม่เคยเป็นของเราตั้งแต่แรกแล้ว” ซือถูเซิงเป็นกังวล พวกเขาตกที่นั่งลำบากกันขนาดนี้แล้ว นางยังจะห่างเรื่องพรรค์นั้นอยู่อีก เงินสำคัญกว่าชีวิตของพวกนางหรือ

ท่านย่าซือถูพึมพำต่ออีกสองสามประโยค นายไม่มีทางทำอะไรได้ และได้แต่ผงกศีรษะอย่างจนปัญญา บอกเป็นนัยว่านางจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้

ที่จวนแม่ทัพใหญ่ มู่เฉินกอดซือถูเซวียนไว้ในอ้อมแขน เขามองนางแล้วปวดใจ “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นไร ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าท่านแม่ถูกคนพวกนั้นฆ่า แต่ข้าไม่สามารถฆ่าพวกเขาเองได้ ที่ข้าทำได้กลับมีเพียงมองพวกเขากระโดดโลดเต้นไปมาต่อหน้า มันช่างเป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ” ซือถูเซวียนซบมู่เฉินพลางพึมพำเสียงเบา

หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดขณะมองซือถูเซวียน “เราทำอะไรตระกูลซือถูโดยตรงไม่ได้ แต่เราทำกับตระกูลลู่ได้ ในตอนนั้น ท่านป้าไม่ได้ห้ามพวกเราเล่นงานคนนอกตระกูลซือถู”

“จริงด้วย เราปล่อยตระกูลซือถูไป แต่จัดการคนจากตระกูลอื่นได้”

ซือถูเซวียนอึ้งไป จริงตามนั้น นางสามารถลงโทษคนอื่นได้ตรงๆ แล้วทำไมนางถึงปล่อยพวกเขาไปเช่นนั้น

“เหยาเอ๋อร์…”

“ข้าจะช่วยเจ้าล้างแค้นเอง ไม่ต้องให้เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ลงมือหรอก” มู่เฉินขัดคำพูดของซือถูเซวียน เขาไม่ต้องการให้คนอื่นชำระแค้นแทนว่าที่ภรรยาของเขา

หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้ว จากนั้นก็ร้อง ‘โอ้’ “ให้มู่เฉินจัดการแล้วกัน ข้าเหนื่อยยิ่งนัก” หนิงเมิ่งเหยาโบกมือไปมาเป็นการบอกว่านางทำอะไรไม่ได้

“จริงด้วย ตอนนี้มู่เฉินเป็นคู่หมั้นของเจ้า เจ้าต้องหัดพึ่งพิงเขาเสียบ้าง” เหมยรั่วหลินก็พยักหน้า เห็นด้วยกับเรื่องนี้

อวี้เฟิงเดินมายืนข้างๆ เหมยรั่วหลิน “แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่พึ่งข้าบ้างเลยเล่า”

“หลบไปเรากำลังคุยเป็นงานเป็นการกัน” เหมยรั่วหลินกล่าวอย่างใจเย็นพร้อมเอื้อมมือไปผลักเขาให้หลบไปข้างๆ

หางตาเขากระตุก จากนั้นอวี้เฟิงก็หลบออกไปนั่งร้องไห้

“คุณหนู ท่านผู้สำเร็จราชการมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” ชิงเซวียนเดินเข้ามา ใบหน้ายิ้มแย้ม

หนิงเมิ่งเหยาลุกขึ้นทันที “เช่นนั้นก็รีบออกไปกัน”

หนิงเมิ่งเหยาเห็นหนานกงเยี่ยนตัวคลุกฝุ่นเมื่อเขาเดินเข้ามาตอนนางกำลังจะออกไปจากเรือนเล็ก นางยิ้ม “ท่านพ่อ ท่านมาแล้ว”

บทที่ 376 ของส่วนตัว

ถ้าเนื้อตัวเขาไม่สกปรก หนานกงเยี่ยนคงจะสวมกอดบุตรสาวแน่นอน ทั้งสองไม่ได้พบหน้ากันมาสักพัก นางเจ้าเนื้อขึ้นเล็กน้อย อาจเป็นเพราะกำลังตั้งครรภ์อยู่ ทำให้นางดูนุ่มนวลขึ้น

“ท่านพ่อ ข้าจะให้คนเตรียมน้ำให้ท่านอาบ”

“ตกลง”

“คารวะท่านพ่อตา”

“คารวะท่านลุง”

“ไม่ต้องมีพิธีรีตองนักหรอก” หนานกงเยี่ยมยิ้มกว้าง เขาได้ฟังบุตรสาวเล่าถึงคนพวกนี้ พวกเขาดูแลบุตรสาวแสนรักของเขามาอย่างดีและทำให้นางเป็นอย่างที่เป็นในตอนนี้

ทุกคนเดินตามหนานกงเยี่ยนไปยังเรือนของหนิงเมิ่งเหยา ไม่นานนักท่านยายฉินก็เตรียมน้ำให้เขาพร้อมแล้ว

หลังจากชำระล้างร่างกาย หนานกงเยี่ยนเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านแล้วเดินออกมา “เหยาเอ๋อร์ พ่อมาที่นี่เพื่อบอกเรื่องสำคัญกับเจ้า”

“อะไรหรือ”

“ไปคุยกันในห้องหนังสือเถอะ” หนานกงเยี่ยนมองคนในห้อง นอกจากพวกข้ารับใช้ที่เชื่อใจได้แล้ว เขาไม่ค่อยวางใจเท่าไรนัก

เมื่อทุกคนได้ยิน ก็รู้ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น อวี้เฟิงคิดแล้วเอ่ยว่า “ท่านลุง เรายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ไม่รบกวนแล้ว”

“ได้ พวกเจ้าไปจัดการธุระเถอะ” คนเฉลียวฉลาดอย่างหนานกงเยี่ยนจะไม่รู้ความหมายที่สื่อได้อย่างไร พวกเขาเพียงต้องการเลี่ยงออกไป

ทั้งสามเดินเข้าห้องหนังสือ แล้วหนานกงเยี่ยนก็หยิบเอาสิ่งของชิ้นหนึ่งออกมาจากในเสื้อ เขามองหนิงเมิ่งเหยาแล้วถอนหายใจ “นี่เป็นสิ่งที่ติดตัวมารดาของเจ้ามาตั้งแต่ตอนยังเล็ก”

สายตาหนิงเมิ่งเหยามองไปยังสร้อยคอ นางตะลึงงัน สิ่งนี้…นางเคยเห็นสร้อยเส้นนี้มาก่อน แต่ไม่ใช่ในยุคนี้ เป็นในยุคปัจจุบัน ว่ากันว่าเป็นของส่วนตัวขององค์หญิงผู้ก่อตั้ง แต่นางคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเหลือเชื่อ

“ข้าไม่รู้ว่าของสิ่งนี้ใช้ทำอะไร แต่แม่ของเจ้าบอกว่ามันสำคัญยิ่ง ตอนข้าขอนางแต่งงาน แม่ของเจ้าก็ส่งสิ่งนี้ให้ข้า นางบอกข้าว่าอย่าบอกใคร หลังจากนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้นกับนาง” เขาจำสีหน้ากังวลของเซียวเฉิงหย่าได้ หนานกงเยี่ยนนึกเสียใจที่ไม่ถามนางให้มากกว่านั้น ถ้าเขาถาม เรื่องอาจไม่ลงเอยเช่นนี้ก็เป็นได้

พวกเขาคงไม่ต้องพรากจากกันนานเพียงนี้

หนิงเมิ่งเหยามองหนานกงเยี่ยน “ท่านพ่อ ท่านจะบอกว่าท่านแม่ถูกพาตัวไปเพราะสิ่งนี้หรือ”

“อาจจะเป็นเช่นนั้น” หนานกงเยี่ยนผงกศีรษะ

คำตอบของเขาทำให้หนิงเมิ่งเหยานึกถึงคนปริศนาที่อวี้เฟิงและคนอื่นๆ พูดถึง เป็นไปได้ไหมว่าคนปริศนาผู้นั้นไม่ใช่หนานกงเยี่ยนแต่เป็นคนอื่น คนผู้นั้นอาจกำลังตามหาสิ่งนี้อยู่

ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วใครกันที่จับตัวเซียวเฉิงหย่าไป

หนิงเมิ่งเหยาพบว่าเรื่องนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปทุกที พวกนางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับของชิ้นนี้เลย กระทั่งหนานกงเยี่ยนก็ไม่รู้ถึงที่มาของตัวสร้อย

“ท่านพ่อ ท่านเริ่มตามหาตัวข้าตั้งแต่เมื่อไร” หนิงเมิ่งเหยาพลันมองยังหนานกงเยี่ยน

หนานกงเยี่ยนไม่เข้าใจว่าทำไมหนิงเมิ่งเหยาจึงถามเช่นนั้น แต่เขาก็ตอบนาง “ประมาณครึ่งปีก่อน”

หนิงเมิ่งเหยาคำนวณระยะเวลา นั่นเร็วกว่าคนปริศนาผู้นั้น

“ไม่นานมานี้ พี่เขยและคนอื่นๆ เล่าให้ข้าฟังว่ามีผู้ลึกลับมาสืบเรื่องของข้ากับท่านแม่ ตอนแรกข้าคิดว่าเป็นท่าน แต่ดูจะไม่ใช่” เวลาไม่ตรงกัน และไม่ใช่เพียงเท่านั้น แต่หนานกงเยี่ยนไม่มีทางทำเช่นนั้นหลังรู้เรื่องของนางแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้ในภายหลัง

สีหน้าหนานกงเยี่ยนเปลี่ยนไปถนัดตา “เจ้าพูดจริงหรือ”

“ข้าพูดจริง”

หนานกงเยี่ยนเดินไปรอบห้อง แววตาฉายความกังวล หนิงเมิ่งเหยารู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้ นางสังหรณ์ว่าหนานกงเยี่ยนจะรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร

“ท่านพ่อ มีอะไรหรือ”

“เจ้ารู้หรือยังว่าคนผู้นั้นเป็นใคร”

“ไม่เลย กระทั่งทงเป่าไจก็หาตัวคนผู้นั้นไม่เจอ” หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะ คนผู้นั้นลึกลับเกินไป นางรู้สึกได้ถึงอันตรายโดยเฉพาะเมื่อรู้ตัวว่าคนผู้นั้นไม่ใช่หนานกงเยี่ยน

หนานกงเยี่ยนทำหน้าวิตกกังวลมากขึ้น “เหยาเอ๋อร์ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี ไม่สิ พ่อจะอยู่ที่นี่จนกว่าเรื่องนี้จะจบลง”