บทที่ 377 หมุนศอกกลับ + บทที่ 378 ช่วยตามคำขอเล็กน้อย

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 377 หมุนศอกกลับ

เมื่อมองไปที่ท่าทางวิตกกังวลของหนานกงเยี่ยน หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกแปลกใจยิ่งขึ้น “ท่านพ่อ ท่านปิดบังอะไรไว้หรือไม่”

หนานกงเยี่ยนมองยังหนิงเมิ่งเหยาแล้วส่ายศีรษะ “เจ้าจะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ได้ พ่อจะทิ้งของชิ้นนี้ไว้กับเจ้า พวกเขาคงไม่คิดว่าข้าจะส่งต่อให้เจ้า”

คนพวกนั้นเป็นคนส่งตัวหนิงเมิ่งเหยาไปเอง พวกเขาย่อมรู้ว่าตอนนั้นนางมีอะไรติดตัวบ้าง

หนิงเมิ่งเหยามองสร้อยคอที่ส่งต่อมาอยู่ในมือ นางขมวดคิ้วแน่น “ท่านพ่อ บอกข้ามาทีเถิด สร้อยนี้มีความหมายอะไรกันแน่”

หนานกงเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ “ข้าก็ไม่มั่นใจ แต่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเมืองเซียว”

“ท่านรู้ว่าใครคือคนที่ตามหาข้ากับท่านแม่หรือไม่” หนิงเมิ่งเหยามองหนานกงเยี่ยนแล้วถามอย่างจริงจัง

หนานกงเยี่ยนอ้าปาก แล้วสุดท้ายก็ผงกศีรษะ “ข้ารู้ กระทั่งข้าเองก็ไม่อาจท้าทายคนพวกนั้นได้ แม้แต่ขุมกำลังของเจ้าตอนนี้ก็ไม่มีทางสู้พวกเขาได้ ดังนั้น เหยาเอ๋อร์ หยุดถามถึงเรื่องนี้เถิด ได้หรือไม่” เขาไม่ปรารถนาให้บุตรสาวไปข้องเกี่ยวกับคนพวกนั้น และเขาไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นกับนางเพราะเรื่องนี้

หนิงเมิ่งเหยามองหนานกงเยี่ยน นางยังอยากถามต่อแต่ถูกเฉียวเทียนช่างห้ามไว้

เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะให้หนิงเมิ่งเหยา ดูจากท่าทีของหนานกงเยี่ยนแล้ว เขาคงไม่มีทางพูดอะไรอีกแน่ ไม่ว่านางจะถามสักเท่าไร และถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขาอาจต้องสืบเรื่องนี้เอง

“ท่านพ่อตา มีบางอย่างที่ไม่อาจเป็นไปได้ ใช่ท่านบอกว่าเหยาเหยาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว นางก็จะไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ แต่นี่คนพวกนั้นเริ่มสืบเรื่องของเหยาเหยาไปแล้ว ข้าเกรงว่าอีกไม่นานนางก็จะถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วย” เฉียวเทียนช่างมองหนานกงเยี่ยนพร้อมพูดอย่างหนักแน่น

หนานกงเยี่ยนอ้าปาก แต่สุดท้ายก็ยืนเงียบๆ

เขาเข้าใจเหตุผลของเฉียวเทียนช่าง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ต้องการให้หนิงเมิ่งเหยาเสี่ยงอันตราย

“ท่านพ่อตา โปรดคิดเรื่องนี้ดูเถิด มิฉะนั้น ท่านก็บอกเราว่าเกิดอะไรขึ้นหลังเราหาท่านแม่ยายเจอแล้ว” เฉียวเทียนช่างมีสีหน้าจริงจังขณะมองหนานกงเยี่ยนที่ก้มหน้าไม่พูดอะไร

“ตกลง” เมื่อเห็นว่าทั้งสองจริงจังเพียงนี้ หนานกงเยี่ยนก็รู้ว่าแม้ตนจะไม่ได้บอก พวกเขาก็จะหาคำตอบได้ด้วยตัวเองซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น สู้ให้เขาบอกเองเมื่อถึงเวลาเลยดีกว่า จะช่วยให้ทั้งสองไม่ต้องวิ่งไปทั่วและมีเรื่องกับใครเข้า

เมื่อคิดได้ดังนั้น หนานกงเยี่ยนมองเฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยา “แต่ก่อนหน้านั้น พวกเจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่สืบเรื่องนี้”

ทั้งสองมองหน้ากันเองแล้วผงกศีรษะ “ตกลง”

หนานกงเยี่ยนมองหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเอ๋อร์โตขึ้นแล้ว”

หนิงเมิ่งเหยายิ้มให้หนานกงเยี่ยน “จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับท่านแม่ ท่านอย่ากังวลเลย” หนิงเมิ่งเหยามองหนานกงเยี่ยนพร้อมปลอบเขา

หนานกงเยี่ยมยิ้มแล้วผงกศีรษะ “ข้าก็เชื่อว่าแม่ของเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร”

ทั้งสามอยู่ในห้องหนังสือเป็นเวลานาน แล้วออกมาตอนที่ท้องฟ้าเริ่มมืด ส่วนอวี้เฟิงกับคนอื่นๆ ต่างกลับไปที่ตำหนักของซือถูเซวียนกันพักใหญ่แล้ว

ไม่กี่วันให้หลังนับจากหนานกงเยี่ยนมาถึง อาจารย์ของชิงซวงเองก็มาถึงเช่นกัน เมื่อผู้เฒ่าเฮยมาถึง เขามองหนานอวี่ด้วยท่าทางหาเรื่อง จากนั้นครู่ใหญ่ก็พึมพำไม่พอใจ “ไอ้หนูเช่นเจ้ามาแย่งศิษย์คนสำคัญของข้าไปได้อย่างไรกัน” ผู้เฒ่าเฮยไม่ชอบใจ

ชิงซวงตาโต นางไม่มีทางรับมือนิสัยของอาจารย์ได้จริงๆ

“ท่านอาจารย์ หนานอวี่เป็นคนดี”

ผู้เฒ่าเฮยมองศิษย์ตัวเอง พลางบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย “เจ้าเด็กโง่ ศอกเจ้างอออกแล้ว”

หนิงเมิ่งเหยาปิดปากหัวเราะ “ท่านปู่เฮย ไหนท่านลองบิดข้อศอกท่านกลับเข้าไปดูหน่อยสิ”

“เอ้า เจ้าเด็กแสบ เจ้าไม่ชวนข้ามางานแต่งงานของเจ้าด้วยซ้ำ ตอนนี้ยังจะมาต่อปากต่อคำกับข้าทันทีที่เห็นตาแก่คนนี้อีก” เมื่อได้ยินเสียงหนิงเมิ่งเหยา ผู้เฒ่าเฮยก็ลืมชิงซวงกับหนานอวี่หมดสิ้น เขากระโดดไปอยู่หน้าหนิงเมิ่งเหยา กัดฟันกรอดด้วยความโมโห

หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วมองผู้เฒ่าเฮย “ข้าจำได้ว่าตอนข้ากำลังจะแต่งงาน ท่านวิ่งหายเข้าไปในภูเขาที่ไหนสักที่มิใช่หรือ ตอนนี้ท่านกลับมาตำหนิข้ารึ”

ผู้เฒ่าเฮยสำลัก เขารู้ว่าตนผิดเอง จึงหยิบบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ “ก็ได้ สิ่งนี้สำหรับเจ้า” จากนั้นเขาก็ส่งขวดยาสองขวดให้หนิงเมิ่งเหยา “นี่เป็นสมบัติล้ำค่าเชียวนะ เก็บไว้ให้ดีล่ะ”

บทที่ 378 ช่วยตามคำขอเล็กน้อย

หนิงเมิ่งเหยาไม่ไว้หน้าสักนิด นางส่งขวดยาต่อให้เฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง นี่คืออาจารย์ของชิงซวง ท่านปู่เฮย ของที่เขาให้เป็นของล้ำค่า เจ้าเก็บไว้แล้วกัน”

เขาเก็บขวดไปเงียบๆ จากนั้นก็เห็นผู้เฒ่าเฮยที่เคราชี้ฟู ตาเบิกกว้าง เขาจึงกล่าว “ขอบคุณ ท่านปู่เฮย”

ผู้เฒ่าเฮยไม่อาจโต้ตอบอะไรได้ไม่ว่าจะโกรธหรือสงบใจลง เขาไม่รู้จะรับมือกับเฉียวเทียนช่างเช่นไร จึงหันไปจ้องมองหนานอวี่ “เจ้าเด็กตัวเหม็น เจ้ากล้ามาแย่งศิษย์ของตาแก่คนนี้ไป”

“ฮ่า ฮ่า” มู่เฉินและคนอื่นหัวเราะกันดังลั่นพอเห็นผู้เฒ่าเฮยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะอับอายแต่กลับทำอะไรเฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ไม่ได้

ใบหน้าของหนานอวี่จะนิ่งเฉย เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ถ้าคนผู้นี้อยากจะโกรธ ก็ให้โกรธไป เขาไม่จำเป็นต้องสนใจก็ได้ ใช่หรือไม่

หนานอวี่คิดเช่นนั้นและเงียบต่อไป “เจ้าหนุ่ม เจ้าพูดไม่เป็นรึอย่างไร”

“เป็น” หนานอวี่พยักหน้า

“แล้วทำไมยังเงียบอยู่อีก ตาแก่คนนี้คิดว่าเจ้าไม่รู้วิธีพูด” ผู้เฒ่าเฮยถลึงตาใส่เขา

หนานอวี่มองผู้เฒ่าเฮย เขาไม่รู้สึกอึดอัดที่โดนเกลียด เขามองผู้เฒ่าเฮยด้วยแววตามุ่งมั่น “ท่านต้องการให้ข้าพูดอะไร”

“เจ้า…เจ้า…เจ้าเด็กตัวเหม็น” ผู้เฒ่าเฮยโมโหกับคำพูดของหนานอวี่ สีหน้าเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่งนัก

หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้จะทำเช่นไรเมื่อเห็นหนานอวี่ทำให้ผู้เฒ่าเฮยโกรธเช่นนั้น นางทำได้แต่ยิ้มระรื่นต่อไป

หลังจากทำสายตารังเกียจใส่หนานอวี่ ผู้เฒ่าเฮยก็พึมพำแผ่วเบา “ข้าล่ะสงสัยนักเสี่ยวซวงของข้าเห็นอะไรในตัวเจ้า เจ้าท่อนไม้บ้าใบ้”

“ท่านอาจารย์ ปกติหนานอวี่ไม่ได้เป็นเช่นนี้” ชิงซวงที่ยืนอยู่ข้างๆ ทนต่อไปไม่ไหวแล้วลุกขึ้นปกป้องหนานอวี่ เพราะเขาต่างออกไปยามอยู่กับนางตามลำพัง

แต่ผู้เฒ่าเฮยกลับโกรธ “เจ้าจะบอกว่าเขาเกลียดขี้หน้าข้ารึ”

ชิงซวงขมวดคิ้วมองผู้เฒ่าเฮย เหตุใดอาจารย์ของนางจึงทำตัวเช่นนี้กัน

“ไม่ใช่ แต่เขาต่างออกไปเวลาอยู่กับข้า”

ผู้เฒ่าเฮยมองทั้งสองสลับไปมา สุดท้ายเขาก็พ่นลมเยาะแสดงความไม่พอใจ

“ท่านปู่เฮย ครั้งนี้ นอกจากงานแต่งงานของชิงซวงแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากให้ท่านช่วย” หนิงเมิ่งเหยาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเขาสงบลงแล้ว

“ไหนบอกข้ามาเสีย แต่ตาแก่คนนี้อาจไม่ตกลง” ผู้เฒ่าเฮยพ่นลมออกจมูก ทำเสมือนตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่

หนิงเมิ่งเหยาเล่าถึงแผนสร้างโรงงานให้เขาฟัง ว่านางต้องการให้ทหารบาดเจ็บช่วยเฝ้ายามโรงงาน สุดท้ายก็บอกเขาว่า “ข้าจะไม่ขอท่านปู่เฮยมากเกินไป เพียงแค่อยากให้ท่านช่วยตรวจบาดแผลของพวกเขา ดูว่ามีทางรักษาหรือไม่”

“เรื่องแค่นี้เองรึ”

“ถูกต้องแล้ว แค่นี้เท่านั้น” หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้ายืนยัน

ผู้เฒ่าเฮยมองนางอย่างกังขา แต่สุดท้ายก็ผงกศีรษะ

“ก็ได้ ข้าตกลง”

“ขอบคุณ ท่านปู่เฮย”

การมาถึงของผู้เฒ่าเฮยทำให้บรรยากาศในจวนแม่ทัพดีขึ้นมากทีเดียว

ไม่กี่วันต่อมา ทหารบาดเจ็บที่อยู่ใกล้ๆ ก็มาถึง ดวงตาพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นเฉียวเทียนช่าง กระทั่งเหล่าภรรยาและบุพการีของพวกทหารก็ยกกันมาด้วย เหล่าบิดามารดาทั้งหลายล้วนเป็นคนซื่อตรง นิสัยใจคอดี

“คารวะ ท่านแม่ทัพ” คนหลายสิบคนต่างเรียกเขาพร้อมกัน เสียงพวกเขาดังสนั่น

“ลุกขึ้นเถอะ” เทียนช่างมองใบหน้าของแต่ละคน เมื่อเห็นรอยยิ้มตื่นเต้น เขาก็วางใจ

แต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าพวกเขาทั้งหลายเปลี่ยนไปมาก เขาก็รู้ได้ว่าคนพวกนี้มีความเป็นอยู่ไม่ค่อยดีนักหลังกลับบ้านไป

“ท่านแม่ทัพ เราจะได้ติดตามท่านอีกครั้งแล้ว”

“ถูกต้อง” ไม่ว่าจะถูกขอให้ทำอะไร ขอเพียงให้พวกเขาได้ติดตามแม่ทัพคนนี้ไป ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเชื่อว่าแม่ทัพผู้นี้ไม่มีทางทำร้ายพวกเขา

เฉียวเทียนช่างข่มความคิดไว้ในใจ และมองคนเหล่านี้ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง “ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่ พวกเจ้าคงพอรู้กันอยู่บ้าง พวกเจ้ายินดีจะอยู่และช่วยเหลือข้าต่อหรือไม่ แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่ในสนามรบแล้ว”

“แน่นอนขอรับ” กลุ่มคนรีบพยักหน้า

เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะอย่างพึงพอใจในคำตอบ “เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้ท่านปู่เฮยดูพวกเจ้า ว่ามีทางรักษาหรือไม่”